ผมไม่เห็นด้วยที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล คิดว่าคนไทยยังแยกแยะไม่ออกในเรื่องความดี ท่านเข้าใจผิดเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ที่ก่อขึ้นโดยชนชั้นนำต่างหาก ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป รวมทั้งเรื่องความพอเพียง
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 ท่านพูดว่า "ดูจากกระแสสังคมแล้ว ความดีและความถูกต้องยังแยกแยะกันไม่ออก จึงมีความเป็นห่วงคนไทยทั้ง 65 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนนึกถึงแต่เรื่องเงินทอง ที่พังพินาศเพราะนึกถึงเพียงเรื่องนี้" {1}
ประเด็นนี้ผมขอ "มองต่างมุม" ท่านไม่ควรปรามาสว่าคนไทยไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ท่านพูดจากความรู้สึก แต่ผมศึกษามาพบว่าเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนตัดสินใจไม่ผิดพลาด เช่น พฤติกรรมตลาดเป็นผู้กำหนดราคาตลาด ซึ่งสะท้อนจากความเป็นไปได้ทั้งทางกายภาพ ตลาด การเงิน และกฎหมาย บ้างอ้างว่าเสียงส่วนใหญ่ก็ตัดสินใจผิดได้ เช่น การเถลิงอำนาจของนาซี แต่ในความเป็นจริงการเลือกตั้งเยอรมนีในปี 2476 คนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกนาซี {2}
ส่วนที่ท่านบอกว่าเศรษฐกิจพังพินาศเพราะคิดถึงเรื่องเงินทองนั้น ความจริงแล้ววิกฤติปี 2540 ไม่ได้เกิดจากการกระทำของประชาชนเลย แต่เป็นเพราะชนชั้นสูงในสังคม จะเห็นได้ว่าเงินกู้ส่วนใหญ่ของสถาบันการเงินปล่อยกู้สำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หนี้เน่าในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเพียงประมาณ 15% และจากข้อมูลของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หนี้ 900,000 ล้านบาทนั้นกู้โดยลูกหนี้เพียง 2,000 ราย ซึ่งแสดงว่าเป็นการปล่อยกู้ให้กับรายใหญ่ {3} ชนชั้นสูง ชนชั้นนำสร้างปัญหา แต่ประชาชนต้องมาแบกรับแก้ไขด้วยภาษีของคนส่วนใหญ่ต่างหาก
ในเรื่องความพอเพียง ท่านบอกเมื่อปี 2553 ว่า "ผมขับรถแอคคอร์ดเก่าๆ . . . ใครไม่รู้ไปเขียนแซว ผมถอยเฟอร์รารี่ กลายเป็นข่าวคึกโครมไปทั่ว" {4} แต่เมื่อปี 2549 ท่านก็เคยพูดว่า "มีคนพูดว่าระดับ ดร.สุเมธ ต้องขับเฟอร์รารี่ ผมชอบอยู่เหมือนกัน. . .ราคาต่ำสุดก็ 24 ล้านบาท (มือสอง 4 ล้าน). . .เผอิญมีคนๆ หนึ่งเอารถสปอร์ตมาขาย อายุ 10 ปีแล้ว แต่เจ้าของใช้ไปแค่ 8,000 กิโล สภาพรถยังใหม่เอี่ยมเลย มาขายผมราคาห้าแสนบาท . . . คิดเชิงเศรษฐศาสตร์ก็ถือว่าคุ้ม เบื่อเมื่อไหร่ก็สามารถขายต่อได้โดยไม่ขาดทุนเลย ตกลงผมก็ซื้อ วันไปรับรถยังมีลังแถมมาให้ลังเบ้อเร่อ คนขายบอกว่าในลังนี้คือเครื่องเก่า แต่เครื่องที่ติดอยู่ในรถคือเครื่องรถแข่ง กลายเป็นว่าจ่ายห้าแสนได้รถแข่งมาคันหนึ่ง ถือว่าพอเพียง. . ." {5}
ความข้างต้นของท่าน น่าจะก่อให้เกิดคำถามหลายประการ
1. การขายรถที่ราคาแสนแพง แต่ขายในราคาถูกผิดปกติ หากเป็นกรณีผู้ขาย "ร้อนเงิน" เราควรช่วยเหลือเขาด้วยการให้ยืมเงินโดยมีรถเป็นหลักประกัน จะช่วยเขาได้มากกว่าเอารถมาทั้งคันหรือไม่ ไม่ควรค้ากำไรเกินควรด้วย
2. การขายรถในราคาต่ำเกินจริง ผู้ขายอาจมี "วาระซ่อนเร้น" หวังอะไรเป็นสิ่งตอบแทนในภายหลังหรือไม่ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการทุจริตติดสินบนได้หรือไม่ ท่านไม่คิดถึงข้อนี้ แสดงว่ายังขาดความรอบรู้ด้านทุจริตไหม
3. ที่หนักกว่านั้นก็คือ การซื้อรถในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงและจะสามารถขายต่อได้กำไรมากมายนั้น ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้น่าเชื่อถือในสังคมเช่นท่าน ก็อาจถูกครหาว่าเป็นการ "ฟอกเงิน" ได้
แต่ผมก็เห็นด้วยกับที่ท่านจะขับรถให้สมฐานะแทนการขับรถเก่าๆ หรือใช้รถหลวง ท่านผู้พอเพียงก็ช่วยชาติประหยัดงบประมาณได้ ท่านพูดให้คนคิดดี ทำดี เป็นสิ่งที่ดี และควรตั้งอยู่บนตรรกะที่สมเหตุผลเช่นกัน
อ้างอิง
{1} 'ดร.สุเมธ' ชี้ สังคมยังแยกดี-เลวไม่ออก เตือนคนไทยอย่าส่งแผ่นดินเน่าๆ ให้ลูกหลาน มติชน 4 พฤษภาคม 2559 www.matichon.co.th/news/160323
{2} อ่านเรื่อง Zone of market prices, outliers กรณี Perry v. Schwarzenegger ได้ที่ ดร.โสภณ พรโชคชัย. เสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง. http://bit.ly/1PrBeEb
{3} ดร.โสภณ พรโชคชัย. วิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 และบทเรียน. http://goo.gl/3IL8dE
{4} อย่างผมน่ะหรือจะมี 'เฟอร์รารี่' ลำพังตัวเองหาได้แค่ 'โคโรลล่า' ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 27 เม.ย 2553 www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1272018509
{5} ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล. สุขภาพจิตดี เพราะมีชีวิต ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง. 13 กันยายน 2549 http://archive.is/www.psychiatry.or.th หรือที่ http://bit.ly/1sZAMEt