Skip to main content
sharethis

สภ.บ้านโป่ง ส่งฝากขังศาลจังหวัดราชบุรี 5 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 3 นักกิจกรรม NDM 1 นักข่าวประชาไท และ 1 นักศึกษาแม่โจ้ ฐานความผิดน่าเชื่อว่าจะแจกเอกสาร แผ่นพับ ใบปลิวต่อต้านการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

ส่งศาลจังหวัดราชบุรีฝากขัง 5 คน ฝืน พ.ร.บ.ประชามติ สภ.บ้านโป่ง

11 ก.ค. 2559 กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ควบคุมตัวสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หรือ NDM 3 ราย คือ ปกรณ์ อารีกุล, อนันต์ โลเกตุ และ อนุชา รุ่งมรกต  รวมทั้งทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไทที่ลงพื้นที่ทำข่าวด้วย ไปสอบปากคำ และตั้งข้อหาว่ามีความผิดตาม มาตรา 61 วรรค 2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 หรือ พ.ร.บ.ประชามติ นั้น

ก่อนหน้าถูกจับกุม สมาชิกกลุ่ม NDM นำโดยปกรณ์ อารีกุล เดินทางมาที่ สภ.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 10 ก.ค. เพื่อให้กำลังใจกลุ่มชาวบ้านที่จัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ ซึ่งถูกหมายเรียกรายงานตัวตามความผิดฐานขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่องการมั่วสุมชุมนุมทางการเมือง ได้เดินทางมาตามหมายเรียกรายงานตัว 18 คน โดยก่อนเดินทางกลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอค้นรถกระบะของปกรณ์ใช้เดินทางมา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 4 คนในชั้นสอบสวน โดยตำรวจระบุว่าทั้ง 4 คนมีเอกสารรณรงค์ประชามติและมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมาทำการแจกเอกสาร ซึ่งเป็นข้อหาตามมาตรา 61 วรรค 2 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 ที่ระบุถึงความผิดในการร่วมกันดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียงในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างหนึ่งอย่างใด หรือไม่ออกเสียง

โดยในบันทึกการจับกุม ตำรวจระบุพฤติการณ์การจับกุมว่า "เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากประชาชนอ้างว่าเป็นพลเมืองดีและศูนย์วิทยุ สภ.บ้านโป่ง ว่ามีบุคคลใช้รถยนต์กระบะเชฟโรเลท หมายเลขทะเบียน XXX บรรทุกอุปกรณ์สิ่งของท้ายรถมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมาทำการแจกเอกสาร แผ่นพับ ใบปลิวในเรื่องรณรงค์ต่อต้านการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในเขต อ.บ้านโป่ง ต่อมาจากการสืบสวนพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ถนนทรงพล เทศบาลเมืองบ้านโป่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นรถดังกล่าว"

และในช่วงค่ำวานนี้ มีการควบคุมตัว เหน่อ หรือ ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ มาจากบ้านพักใน จ.ราชบุรีด้วย ในข้อหาผิด พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรค 2 โดยในการเข้าตรวจค้นบ้านและจับกุม มีเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับตำรวจ และอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2559 เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งเป็นคำสั่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการเฉพาะในการกระทำอันเป็นความผิดตามที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายคำสั่ง ซึ่งไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ขณะที่ก่อนหน้าเดินทางจาก สภ.บ้านโป่ง มายังศาล อนุชา รุ่งมรกต หนึ่งในผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์เมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค. ว่า ประชามติของ คสช. หมดความชอบธรรมแล้ว ไม่สามารถอ้างความชอบธรรมได้อีกต่อไป

ส่วนปกรณ์ อารีกุล กล่าวว่า ถ้าไม่สามารถรณรงค์โหวตโนได้ ผมว่าประชามติครั้งนี้ก็ไม่มีความหมาย และถึงแม้ว่าการสื่อสารในเชิงโหวตโนจะถูกห้ามทำจริงๆ เขากล่าวด้วยว่า ขอให้เราใช้หัวใจของเราในการอ่านร่างรัฐธรรมนูญ และใช้หัวใจของเราในการพิจารณาว่าเราจะกาช่องอะไร

ส่วน ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ซึ่งเพิ่งถูกจับมาล่าสุด กล่าวว่า "การที่ผมไปเปิดศูนย์ปราบโกงครั้งนั้น การตรวจสอบเป็นเรื่องปกติในกระบวนการเป็นประชาธิปไตย ถ้าสมมติประชาชนตรวจสอบกันได้ ก็จะเป็นความชอบธรรมของตัวรัฐบาลเอง และเป็นความชอบธรรมของกระบวนการลงประชามติ ว่ามาจากเสียงของประชาชน แต่เราก็มาโดนอีกรอบนึงในกรณีคล้ายๆ กัน ผมก็อยากให้ทุกท่านดูประเด็นเรื่องความชอบธรรมของการทำประชามติครั้งนี้ และอยากให้ทุกคนตื่นตัว ไปลงคะแนนประชามติ โดยแล้วแต่ดุลยพินิจและพิจารณาของทุกท่านเองว่าจะกาช่องไหน"

ส่วน ทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไท ที่ถูกจับกุมระหว่างลงพื้นที่ทำข่าวด้วย กล่าวว่าตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าจะโหวต Yes หรือ โหวต No คือคนออกมารณรงค์ก็รณรงค์กันไปในสิ่งที่จะรณรงค์ การกระทำของรัฐและของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือการปิดกั้นไม่ให้มีการรณรงค์เรื่องโหวตโน มันก็ไม่ชอบธรรมอยู่แล้วโดยตัวมันเอง มันไม่ได้เปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพอะไรเลย

เขากล่าวถึงการจับกุมผู้สื่อข่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันสิ่งที่โดนตอนนี้ ก็คือแม้แต่การมาทำข่าวเรื่องรณรงค์การโหวตโน หรือแม้แต่การจับตาการโกงประชามติยังโดนจับเลย "และความหวังว่าการโหวตประชามติครั้งนี้มันจะเป็นธรรมและมันจะฟรี จะแฟร์ อย่างแท้จริง คงไม่มีความหมาย และตอนนี้รัฐบาลไทยก็ทำให้ประชามติไม่มีความหมายแล้ว"

ที่มา: เพจบ้านราษฎร์

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวลา 08.55 น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ตำรวจนำตัว 5 ผู้ต้องหา คดีเชื่อว่าน่าจะแจกเอกสารรณรงค์ประชามติ ขัดมาตรา 61 วรรค 2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 หรือ พ.ร.บ.ประชามติ ผู้ต้องหาประกอบด้วย สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 3 คน นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ 1 คน และนักข่าวประชาไท ที่ติดตามไปทำข่าวขบวนการประชาธิปไตยใหม่อีก 1 คน โดยจะนำตัวทั้งหมดส่งศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อขออนุญาตฝากขัง

10.40 น ที่ ศาลจังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่นำตัว 5 ผู้ต้องหา คดีเชื่อว่าน่าจะแจกเอกสารรณรงค์ประชามติ ขัดมาตรา 61 วรรค 2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 หรือ พ.ร.บ.ประชามติ จาก สภ.บ้านโป่ง มาขออนุญาตฝากขังที่ศาลจังหวัดราชบุรี

โดยนายปกรณ์ อารีกุล หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวว่า กล่าวตลอดทางตั้งแต่ที่ สภ.บ้านโป่ง จนถึงก่อนขึ้นศาลจังหวัดราชบุรีว่า โหวตโนเป็นสิทธิไม่ผิดกฏหมาย

ส่วนบรรยากาศที่ศาล เจ้าหน้าที่ศาลห้ามบันทึกภาพภายในศาลเด็ดขาด ระบุเป็นการละเมิดอำนาจศาล

อนึ่ง ในคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 ระบุว่า ปกรณ์ อารีกุล ผู้ต้องหาที่ 1 ทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้ต้องหาที่ 2 อนันต์ โลเกตุ ผู้ต้องหาที่ 3 อนุชา รุ่งมรกต ผู้ต้องหาที่ 4 และภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ซึ่งเพิ่งถูกจับกุมคืนวานนี้เป็นผู้ต้องหาที่ 5

โดยนอกจากผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 5 จะถูกดำเนินคดีในข้อหาผิด พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรค 2 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ในความผิดฐานเป็นตัวการแล้ว ผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 4 ยังถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเนื่องจากไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยเป็นความผิดตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. ฉบับที่ 25 อีกฐานหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อ่านคำสั่ง คปค. 25/2549)

ในคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง ยังระบุคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาโดยให้เหตุผลว่า "เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวไปผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น จึงขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหานี้"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net