Skip to main content
sharethis

ปลัดยุติธรรมยันเหตุจลาจลในเรือนกลางปัตตานีไม่มีผู้ต้องขังคดีความมั่นคงเกี่ยวข้อง“อันวาร์” ช่วยเป็นล่ามแปล สรุปยอดตาย3เจ็บ9 อาคาร3 หลังถูกเผา ผบ.เรือนจำเผยสาเหตุจาก 2 นักโทษไม่พอใจที่เข้มงวดเรื่องยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ

10 ชั่วโมงเหตุจลาจลในเรือนจำปัตตานี

สรุปเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นในเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานีตั้งแต่ตอนเย็นวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 16 กรกฎาคม 2559รวมประมาณ 10 ชั่วโมง โดยทำให้มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บ 7 รายและเสียชีวิต 3 ราย นอกจากนี้ยังทำให้อาคารทีทำการฝ่ายควบคุม อาคารอเนกประสงค์ อาคารฝ่ายการศึกษา รวม 3 หลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยถูกวางเพลิงเผาวอด

ทั้งเจ้าหน้าที่ได้ย้ายย้ายผู้ต้องขังที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลกว่า 300คนไปอยู่เรือนจำกลางสงขลาและเรือนจำนาทวี โดยในช่วงเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ขณะเดียวกันก็มีญาติของผู้ต้องขังจำนวนมากมารอติดตามสถานการณ์หน้าเรือนจำจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือนายมูหามัดซิดดิก หะยีเต๊ะ พี่ชายของนายมูฮัมหมัดอัณวัร หะยีเต๊หรือ“อันวาร์”หนึ่งในผู้ต้องขังคดีความมั่นคง

โดยนายมูหามัดซิดดิกบอกว่า เจ้าหน้าที่ยืนยันยันว่า นายมูฮัมหมัดอัณวัรไม่เกี่ยวข้องกับเหตุจลาจล เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นเพียงล่ามให้กับผู้ต้องขังที่พูดภาษาไทยไม่ได้เท่านั้น

ปลัดยุติธรรมยัน“อันวาร์”ไม่เกี่ยวข้อง

ต่อมาเวลา16.30 น.วันเดียวกันนี้นายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายปฏิคม วงษ์สุวรรณ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายนพพร รัตนวัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ได้แถลงเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นในเรือนจำกลางปัตตานี

โดยนายชาญเชาว์ ยืนยันว่า จากการตรวจสอบเหตุดังกล่าวไม่มีผู้ต้องขังคดีความมั่นคงที่มีอยู่ 50 คนเข้าไปเกี่ยวข้องการเหตุจลาจลแต่อย่างใดแต่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะนายมูฮัมหมัดอัณวัร หะยีเต๊ ที่ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา ผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจึงไม่ได้ถูกย้ายออกไป

ขณะที่นายนพพร กล่าวว่า ส่วนเอกสารข้อเสนอของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่มีชื่อนายมูฮัมหมัดอัณวัรปรากฏอยู่และมีการเผยแพร่ทางสื่อสังคมนั้น ยืนยันว่าไม่ได้มาจากเรือนจำกลางปัตตานีแต่มาจากไหนไม่รู้

สาเหตุจาก 2 นักโทษไม่พอใจที่เข้มงวดเรื่องยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือ

ทั้งนี้ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธร อ.เมือง จ.ปัตตานี นายวีรนันทร์ เพ็งจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยนายนพพร รัตนวัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานีพล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี)และนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีเดียวกันด้วย

โดยนายนพพรแถลงว่ามีสาเหตุมาจากนักโทษ 2 คนซึ่งเคยก่อเหตุจลาจลในเรือนจำกลางจังหวัดสงขลามาแล้ว ต่อมาปี 2558 ถูกย้ายไปอยู่เรือนจำกลางนราธิวาสก่อนจะย้ายมาเรือนจำกลางปัตตานีได้ประมาณ2 เดือน และตั้งแต่ตนมาเป็นผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานีเมื่อประมาณ 9 เดือนที่ผ่านมาได้ให้เจ้าหน้าที่กวดขันเรื่องยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือจึงทำให้ผู้ต้องขังไม่พอใจ

นายนพพร แถลงด้วยว่า ขณะนี้ได้ย้ายผู้ต้องขังที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจล 333 คนไปอยู่เรือนจำในพื้นที่จังหวัดสงขลาหลังจากนี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าพบว่าผู้ต้องขังคนไหนไม่เกี่ยวข้องก็จะนำตัวกลับมายังเรือนกลางจังหวัดปัตตานีอีกครั้ง ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายนพพรได้ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เวลาประมาณ16.00 น.วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ขณะที่ผู้ต้องขังกำลังจะขึ้นโรงนอนได้เกิดเหตุผู้ต้องขังปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และต้องวิ่งหนีออกจากเรือนจำต่อมาตนประสานงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคลี่คลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ต่อมาผู้ต้องขังต้องการเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี แต่ผู้ว่าฯติดภารกิจอยู่ที่กรุงเทพฯ กับประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี จึงได้ติดต่อไปยังนายแวดือราแมมาช่วยเจรจา ซึ่งผู้ต้องขังเรียกร้อง 3 ข้อ ต่อมาเพิ่มเป็น 11ข้อ แต่เจ้าหน้าที่มองว่าไม่สามารถรับข้อเสนอได้เนื่องจากผิดกฎหมายต่อมาผู้ต้องขังจึงวางเพลิงเผาทำลายทรัพย์สินในเรือนจำ ทำให้เกิดความเสียหายจำนวน 4ล้านบาท

เผยชื่อผู้ต้องขังที่เสียชีวิต

นอกจากนี้ทำให้มีผู้ต้องขังเสียชีวิต 3 ราย คือ 1.นช.เกียรติศักดิ์ จันทร์ดวง 2.นช.เสริม จันทร์สุนทร 3.นช.สุอนันนต์ ป้องเช้า โดยสองคนแรกเสียชีวิตในเรือนจำ ส่วนอีกคนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลจนกระทั่งเวลา 02.00 น.เจ้าหน้าที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้

พล.ต.ต.ทะนงศักดิ์ กล่าวว่า หลังได้รับการประสานงานมา ตำรวจก็ไปเข้าคลีคลายโดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ทำให้ไม่มีคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่ม

นายแวดือราแม กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่พยายามอย่างที่สุดในการเจรจาหรือใช้สันติวิธีกับผู้ต้องขัง แต่ไม่สำเร็จเจ้าหน้าที่จึงใช้กำลังคลีคลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด

แถลงข้อเท็จจริงของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม

ขณะเดียวกันทางกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมออกแถลงข้อเท็จจริงกรณีนี้ว่า สาเหตุเกิดจากเข้มงวดกวดขันในการตรวจค้นโทรศัพท์มือถือและยาเสพติดในเรือนจำ รวมถึงการจัดระเบียนเรือนจำ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและง่ายต่อการตรวจค้น จนทำให้ผู้ต้องขัง 2 ราย ไม่พอใจ ผู้บัญชาเรือนจำกลางปัตตานี จึงขออนุญาตย้ายผู้ต้องขังดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ซึ่งทำให้ผู้ต้องขังทั้ง 2 ราย ที่เป็นแกนนำในการก่อจลาจลในครั้งนี้รวบรวมผู้ต้องขังคนอื่นๆ รวมเป็น 200 รายก่อจลาจลขึ้นในเวลา 16.02 น.วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 และเหตุการณ์ได้ลุกลามจนกระทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐได้สนธิกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ได้ในที่สุด

กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดในกรณีนี้ โดยได้จัดตั้งหน่วยบัญชาการ ทั้งในส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ เพื่อรับรายงาน ประเมินสถานการณ์ และสั่งการแก้ไข้ปัญหา ไปยังหน่วยงานบัญชาการในพื้นที่

นอกจากนี้ยังได้ประสานหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ ได้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร ตำรวจ และพนักงานดับเพลิง รวมถึงเรือนจำกลาง ประธานเขต เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากนั้นได้ทำการเจรจาต่อรองกับผู้จลาจล ซึ่งขณะนั้นได้ก่อความรุนแรง โดยการเผาอาคารที่ทำการฝ่ายควบคุม ทำร้ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้ต้องขังอื่น รวมถึงได้ยื่นขอเสนอ 11 ข้อ โดยผู้บัญชาการเหตุการณ์ยังไม่อนุญาตให้มีการใช้กำลัง แต่ให้แยกผู้ต้องขังที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาจากกลุ่มที่ก่อจลาจล

เมื่อการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั้งเวลาประมาณ 21.20 น.ผู้ต้องขังดังกล่าวได้ร่วมกันเผาประตูเรือนจำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแตกหัก หลบหนีออกเรือนจำ เมื่อได้รับรายงานสถานการณ์ดังกล่าวให้แก่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้ว จึงได้มีการมอบพื้นที่ให้แก่ทหารและตำรวจในพื้นที่ดำเนินการใช้กำลังในการควบคุมเหตุการณ์ได้ เวลา 23.00 น.

เนื่องจากผู้ต้องขังกลุ่มที่ก่อการจลาจลไม่รับข้อเสนอต่างๆ แม้ว่าเรือนจำยอมทำตามข้อเรียกร้องของผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าวแล้วก็ตาม หากแต่ยังคงกระทำการรุนแรง โดยมีการเผาสถานที่ราชการเพิ่มจนเป็นเหตุให้ต้องใช้กำลังในการควบคุมสถานการณ์ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่กำหนดไว้ และยังได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้ต่อผู้ต้องขังส่วนใหญ่และประโยชน์ของราชการ

ทั้งนี้ เรือนจำกลางปัตตานี ได้ทำการย้ายกลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อจลาจลไปยังเรือนจำต่างๆ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารสำหรับญาติผู้ต้องขัง ซึ่งหากต้องการรับทราบข้อมูลของลูกหลาน ในกรณีดังกล่าว สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เรือนจำกลางปัตตานีเบอร์ 073-414-254 หรือ ศูนย์ดำรงธรรมในพื้นที่

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนทั่วไป ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมญาติของผู้ต้องขังทุกฝ่าย จะเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และหากมีข้อสงสัยประการใด กรมราชทัณฑ์ยินดีให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

สรุปความเสียหาย  1.เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ บาดเจ็บจำนวน 2 ราย 2.ผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บ จำนวน 7 ราย 3.ผู้ต้องขังเสียชีวิต 3 ราย  4.อาคารทีทำการฝ่ายควบคุม อาคารอเนกประสงค์ อาคารฝ่ายการศึกษา รวม 3 หลัง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net