Skip to main content
sharethis
'ศุภชัย' ประธาน กกต. ยืนยัน 'ยิ่งลักษณ์' มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติ แม้ถูกตัดสิทธิ์ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ในระยะเวลา 5 ปี ชี้ใช้สิทธิ์ที่เขตบึงกุ่ม กทม. ด้าน ‘สมชัย’ เตือน 7 วันอันตรายก่อนลงประชามติ ไม่ควรเผยแพร่ผลโพลล์ รัฐบาลเปิดเวทีแสดงความเห็นร่าง รธน. ถึง 4 ส.ค. นี้
 
31 ก.ค. 2559 เว็บไซต์ ไอเอ็นเอ็น รายงานว่านายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถอดถอนออกจากตำแหน่ง จนส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีสิทธิ์ออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญได้ เนื่องจากการถอดถอนออกจากตำแหน่งดังกล่าว ส่งผลให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ในระยะเวลา 5 ปีเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งได้ เพราะไม่ได้มีการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ดังนั้น อดีตนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีลักษณะต้องห้าม ในการใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติ ทั้งนี้ตามข้อมูลการใช้สิทธิ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องไปใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 32 ภายในโรงเรียนคลองจำเจียก เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
 
‘สมชัย’ เตือน 7 วันอันตรายก่อนลงประชามติ ไม่ควรเผยแพร่ผลโพลล์
 
ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่านายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวเตือน 7 วัน ก่อนวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่าในเรื่องการทำโพลทำได้ แต่ห้ามเผยแพร่ผลนับตั้งแต่ 00.00 น. ของวันนี้ (31 ก.ค.) ไปจนถึง 16.00 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม โพลที่มีการเผยแพร่ผลก่อนวันนี้ สามารถค้างข้อมูลในหน้าเว็บไซต์ได้ ผู้แชร์ไม่ผิด แต่หากผู้ทำโพล เผยแพร่ซ้ำรอบใหม่ ในช่วงเวลาดังกล่าว มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ และการที่สถานีโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ สามารถเชิญบุคคลมาแสดงความเห็นในทางเห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ อย่างมีเหตุผล ขอให้มีการนำเสนอจาก 2 ฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน
 
สำหรับการที่หน่วยราชการที่ประสงค์จะอำนวยความสะดวกประชาชนในการจัดยานพาหนะ ต้องทำหนังสือขอมาที่ กกต.จังหวัด อย่างเป็นทางการ และต้องได้รับการอนุมัติก่อนจึงจะทำได้ โดยต้องเป็นกรณีพื้นที่ทุรกันดาร ยากลำบาก และอำนวยความสะดวกคนพิการ คนสูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เท่านั้น
 
ส่วนกิจกรรมสังคมต่าง ๆ ที่มีงานเลี้ยงอาหาร ให้พึงระมัดระวัง ไม่มีการพูดโน้มน้าวจูงใจ เพื่อให้ไปลงคะแนนในทางใดทางหนึ่ง นอกจากนี้ งานเลี้ยงทุกชนิดที่จัดขึ้น ตั้งแต่ 18.00 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม จนถึง 00.00 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม ไม่สามารถจัดเลี้ยงสุรา หรือจำหน่ายจ่ายแจกสุราได้
 
รัฐบาลเปิดเวทีแสดงความเห็นร่างรธน. 29 ก.ค.-4 ส.ค.
 
สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมาว่าพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเปิดเวทีให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ระหว่าง 29 กรกฎาคม -4 สิงหาคม 2559  โดยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อยากให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว และมีโอกาสรับรู้เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า แต่ละจังหวัดจะเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมกิจกรรม ณ สถานที่ที่จังหวัดกำหนด เน้นกลุ่มเป้าหมายหลากหลายพื้นที่และกลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มอาสาสมัคร กลุ่มผู้นำชุมชน และกลุ่มผู้สูงอายุ นักเรียนนักศึกษา ฯลฯ
 
“รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นการแสดงความเห็น และต้องการสนับสนุนให้มีการถกเถียงในสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวาง แต่ขอความร่วมมือทุกฝ่ายยึดมั่นในกฎกติกา ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือพูดหยาบคาย ใส่ร้ายป้ายสี อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม ได้มอบหมายให้ศูนย์รักษาความสงบฯ จังหวัด ประสานกองกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เพื่อร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วานนี้ (29 ก.ค.) ได้จัดเวทีแสดงความคิดเห็นที่จ.ชุมพร และสมุทรปราการ วันที่ 30 กรกฎาคม จ.นครนายก วันที่ 31 กรกฎาคม จ.หนองบัวลำภู วันที่ 1 สิงหาคม จ. กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ร้อยเอ็ด ระยอง เลย ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี ส่วนในวันที่ 2 สิงหาคม จะจัดเวทีใน 31 จังหวัด วันที่ 3 สิงหาคม 24 จังหวัด วันที่ 4 สิงหาคม 6 จังหวัด และอีก 2 จังหวัดที่เหลือคือ จ.น่านและสตูล อยู่ระหว่างดำเนินการ
 
“สำหรับหลักในการปฏิบัติ แต่ละจังหวัดจะทำงานร่วมกับกกต.จังหวัด เชิญวิทยากรให้ความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งจะอยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ ไม่สร้างความขัดแย้ง หรือนำไปขยายผลเป็นประโยชน์ของฝ่ายใด หากมีผู้ต่อต้านในระหว่างการจัดเวทีให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน และหากสถานการณ์มีแนวโน้มที่ไม่อาจควบคุมได้ ให้สั่งยุติการจัดเวที” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าว
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net