ที่เห็นและเป็นไป ว่าด้วยเรื่อง 'ไผ่ ดาวดิน' ตั้งแต่เช้ายันค่ำ จากชัยภูมิ ถึง ขอนแก่น

ความจริงแล้ววันนี้เป็นวันครบกำหนดฝากขังผลัดแรกของไผ่ ดาวดิน นักศึกษาที่ถูกจับกุมจากการแจกเอกสารคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 สิงหาคม (ก่อนวันออกเสียงประชามติ 1 วัน) หลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.ภูเขียว ได้นำตัวมาขออำนาจศาลจังหวัดภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อฝากขังและศาลได้อนุญาตตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ให้ฝากขังที่เรือนจำอำเภอภูเขียวมาตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา และไผ่ ประกาศอดอาหารมาตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 

ความตั้งใจของผู้เป็นพ่อแม่ ทนายความ และกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาที่ศาลฯ ในวันนี้คือ ต้องการใช้สิทธิในการยื่นขัดค้านไผ่ในผลัดที่ 2 แต่ความยุ่งยากก็เริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อพนักงานอัยการแจ้งว่า "พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว และพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องดำเนินคดีกับไผ่ จำเลยที่ 1 และวศิณ จำเลยที่ 2 (วศิณยื่นขอประกันตัวออกไปตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.) แล้ว " และ "จะพิจารณาคดีในวันนี้"

แน่นอน... ไม่มีใครทราบเรื่องนี้และไม่คาดคิดว่าศาลจะพิจารณาคดีในวันนี้ด้วย

คดีนี้มีผู้ตกเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด 2 คน ดังนั้นการพิจารณาคดีจะทำได้ก็ต่อเมื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 คนต้องมาที่ศาล แต่วันนี้มีเพียงไผ่เท่านั้นที่ถูกควบคุมตัวมาที่ศาล แต่วศิณไม่มา เพราะ ศาลนัดวศินให้มาพบในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ และวศิณเองก็ไม่ทราบว่าจะมีการพิจารณาคดี จึงไม่ได้เดินทางมาศาล

เมื่อผู้ต้องหามาไม่ครบ ก็ไม่สามารถพิจารณาคดีได้ ผลที่ตามมาคือ ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเป็นวันที่ 22 สิงหาคม 2559 เวลา 09.00 น. และ "ให้ขังไผ่ไว้ก่อนในระหว่างรอการพิจารณาคดี"  หมายความว่า ไผ่ต้องถูกขังในเรือนจำอำเภอภูเขียวต่ออีก 3 วัน

ทนายความจึงยื่นคำร้องคัดค้านการขังในระหว่างรอพิจารณาคดี แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า "โจทย์ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง และศาลประทับฟ้องแล้ว จึงมีอำนาจออกหมายขังจำเลยที่ 1 (ไผ่) ไว้ระหว่างรอพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.71 และ ม.88 เว้นแต่จะมีการประกันตัว" จึงจะสามารถปล่อยตัวชั่วคราวได้

ในฐานะสื่อมวลชนที่ไปทำข่าวในวันนี้ ผมมีโอกาสได้สอบถามไผ่ถึงเรื่องการอดอาหารและการประกันตัว เขาบอกว่า ตั้งใจที่จะอดอาหารจนครบกำหนดการฝากขังผัดแรกในวันนี้ ส่วนจะประกันตัวหรือไม่ขอให้พ่อแม่และทนายความเป็นผู้ตัดสินใจ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังยืนยันที่จะสู้ต่อ

เมื่อไผ่ไม่คัดค้านการประกันตัวและครอบครัว ทนายและเพื่อนๆ มีความเห็นว่า การออกมาอยู่ข้างนอกจะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงตัดสินใจยื่นประกันตัวไผ่ โดยศาลคิดหลักทรัพย์ตีเป็นเงิน 150,000 บาท โดยนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา ผู้เป็นพ่อของไผ่ซึ่งเป็นทนายความได้ใช้ตำแหน่งทนายความค้ำประกันและวางเงินสดเพิ่มอีก 30,000 บาท เพื่อประกันตัวลูกชาย ซึ่งศาลก็ได้อนุญาตและปล่อยตัวไผ่ชั่วคราว หมายความว่าไผ่จะได้ออกจากเรือนจำและกลับบ้านในวันนี้อย่างแน่นอน

แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด... เพราะนอกจากคดีนี้ ไผ่ยังมีอีก 1 คดี ที่มีหมายจับจ่ออยู่แล้ว นั้นคือ คดีในความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากกรณีร่วมกับพวกทำกิจกรรมต้านรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2558 ซึ่งตำรวจขอนแก่นได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารขอนแก่นไว้แล้ว และตำรวจ สภ.ภูเขียวได้ขออายัดตัวไผ่ไว้แล้วเช่นกัน นั้นหมายความว่า หากไผ่ได้รับการปล่อยตัวในคดีนี้ ตำรวจขอนแก่นก็จะมารับตัวเพื่อนำตัวไปยังศาลทหาร ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น

ซึ่งก็เป็นตามที่ว่า เพราะภายหลังจากที่หนังสือการอนุญาตปล่อยตัวมาถึงเรือนจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอนแก่นพร้อมหมายจับก็ตามมาทันที นาทีนี้ทุกคนรู้แล้วว่าไผ่คงไม่ได้กลับบ้านแน่นอน

ผู้เป็นพ่อและแม่เข้าใจและไม่ขัดขืนหากนำตัวลูกชายไปที่ จ.ขอนแก่น แต่ขอเพียงได้พบหน้าลูกและให้ลูกได้เซ็นหนังสือมอบอำนาจให้ผู้เป็นแม่สามารถลงทะเบียนเรียนให้ได้ในระหว่างถูกคุมขัง แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากทางเรือนจำ

ราวๆ 17.30 น. รถของตำรวจขอนแก่นที่มารออยู่ก่อนหน้านี้ เคลื่อนเข้าไปในเรือนจำ ท่ามกลางการจับจ้องของบรรดาเพื่อนๆ ที่มารอรับไผ่ออกจากเรือนจำ นาทีนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่านี่คือรถที่จะพาไผ่ไปขอนแก่น และนั้นคือความจริง ไม่นานนักรถคันที่ว่าก็ถอยหลังออกมา จากประตูเรือนจำ นอกจากตำรวจประมาณ 4 นายที่อยู่ในรถแล้ว อีกหนึ่งคนคือ "ไผ่ ดาวดิน" ทว่า รถถอยออกมายังพ้นประตูเรือนจำ ก็ต้องเดินหน้ากลับเข้าไป เมื่อผู้เป็นแม่และน้องสาว ตัดสินใจนั่งคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อขวางไม่ให้รถถอยออกไป พร้อมกับตัดพ้อถึงความอยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรม

แม่และน้องสาว นั่งอยูเช่นนั้นเกือบ 1 ชั่วโมง โดยมีเพื่อนๆ ของไผ่นั่งอยู่ไม่ห่าง ในขณะที่ฝนการเริ่มปรอยลงมา เกือบหกโมงเย็นกว่าๆ เจ้าหน้าที่ของเรือนจำออกมาเจรจา ซึ่งจบลงด้วยการอนุญาตให้ผู้เป็นแม่เพียงคนเดียวเข้าพบลูกชาย เพื่อแลกกับการเปิดทางให้รถได้วิ่งออกไป

การพบปะระหว่างแม่และลูกอยู่ในระยะเวลาไม่นานนัก เมื่อผู้เป็นแม่ออกมา ไม่นานรถของตำรวจก็ขับออกจากด้านในของเรือนจำอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปด้วยดี ไผ่และเพื่อนทักทายกันผ่านกระจกด้านข้างของรถที่เขานั่งอยู่

"สู้ๆ"

นี่คือประโยคสั้นๆที่เพื่อนและเขาทักทายกัน ก่อนที่รถคันนั่นจะวิ่งพ้นประตูเรือนจำออกไป โดยมีรถตำรวจประกบหน้าและหลัง มุ่งหน้าไปที่ จ.ขอนแก่น โดยทนายความและเพื่อนๆบางส่วนที่ตามขบวนไป

ทันทีที่ถึงขอนแก่น ไผ่ถูกนำตัวมาที่ศาลทหาร มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น กระทั้งประมาณ 2 ทุ่มเศษ มีรายงานว่า อัยการศาลทหารมีความเห็นสั่งฟ้องไผ่ ในคดีดังกล่าวว่า ได้ร่วมกับพวกอีก 6 คน ชุมนุมทางการเมือง โดยรวมตัวกันร้องเพลง และชูป้ายต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลด้วยข้อความ “คัดค้านรัฐประหาร” ที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นการร่วมกันชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยตุลาการศาลมณฑลทหารบกที่ 23 รับฟ้องของอัยการ และได้นัดสอบคำให้การไผ่ ในวันที่ 22 ก.ย.2559 ( อีก 34 วั​น ) (อัพเดทล่าสุด เมื่อ 20 ส.ค. ศาลฯ เลื่อนเวลานัดสอบคำให้การเข้ามาเป็นวันที่ 23 ส.ค.นี้)โดยให้คุมขังระหว่างการพิจารณาคดี โดยจะถูกนำไปขังที่เรือนจำกลางขอนแก่นตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป.

0000

หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกในเฟซบุ๊ก Siwa Loho โดยผู้เขียนได้อนุญาตให้เผยแพร่ในประชาไท

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท