ยันศาลยุติธรรมมีการพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างรวดเร็ว ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ ตามหลักในการบริหารจัดการคดีเพื่อให้บริการแก่ประชาชนผู้มีอรรถคดีให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ทั่วถึง เท่าเทียมกัน และเสียค่าใช้จ่ายน้อย ตามนโยบาย “อำนวยความยุติธรรมโดยยึดมั่นในหลักนิติธรรม” ของประธานศาลฎีกา

ที่มาภาพ เพจ Banrasdr Photo

8 ก.ย.2559 นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เสนอข่าว ทำนองว่า คดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล “…ใช้เวลาไต่สวนถึง 19 ปี ที่สุดศาลฎีกาตัดสินจำคุกนายสนธิ ข้อหาทำรายงานประชุมเท็จ “เอ็ม กรุ๊ป” เพื่อกู้เงินธนาคารกรุงไทย 20 ปีไม่รอการลงอาญา…” นั้น เกี่ยวกับคดีนี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ กับพวกรวม 4 คนเป็นจำเลย ฐานความผิดต่อพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่า แม้คดีนี้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2539 และกระทำความผิดครั้งสุดท้ายในวันที่ 18 พ.ย. 2541 แต่มีการนำคดีมาฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 27 มี.ค. 2552 หลังจากศาลมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วมีการนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสี่ครั้งแรกในวันที่ 22 เม.ย. 2552 แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1(นายสนธิ) ต้องรักษาตัวจากการถูกคนร้ายลอบยิง ไม่สามารถมาศาลได้ จึงต้องเลื่อนคดี 2 ครั้ง และสามารถสอบคำให้การและนัดตรวจพยานหลักฐานได้ในวันที่ 12 ต.ค. 2552 จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ โจทก์ขอสืบพยานจำนวน 16 ปาก 5 นัด จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3(นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัทแมเนเจอร์ฯ ) และจำเลยที่ 4( นางสาวยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บริษัทแมเนเจอร์ฯ) ขอสืบพยานรวม 9 ปาก 6 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 (นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)) ขอสืบพยาน 6 ปาก 4 นัด ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 29 – 30 ก.ค. 2553,วันที่ 8 และ 15 ต.ค. 2553, วันที่ 26 พ.ย. 2553 นัดสืบพยานจำเลยวันที่ 18 – 21 ม.ค. ,วันที่ 8 – 11 , 15 และ 16 มี.ค. 2554 ต่อมามีการสืบพยานโจทก์ตามที่กำหนด จนถึงวันที่ 18 ม.ค. 2554

นายสืบพงษ์ แถลงด้วยต่อว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ปากที่ไม่สามารถนำตัวมาเบิกความที่ศาลได้ และให้สืบพยานจำเลยทั้งสี่ แต่โจทก์แถลงขอสืบพยานเพิ่มเติมในนัดต่อมา และหลังจากนั้นในวันที่ 19 ก.ค. 2554 จำเลยทั้งสี่แถลงขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพ และขอสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ ในวันที่ 18 ต.ค. 2554 ศาลอาญาจึงนัดฟังคาพิพากษาในวันที่ 9 พ.ย. 2554 ต่อมาเนื่องจากในวันดังกล่าวมีการประกาศเป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษจึงเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 ม.ค. 2555 เมื่อถึงวันนัด จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา ศาลออกหมายจับจำเลยที่ 1 และอ่านคำพิพากษาในวันที่ 28 ก.พ. 2555 จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2555 และขอถอนอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2555 ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2555 หลังจากที่พ้นระยะเวลาโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์ วันที่ 10 ก.ย. 2555 ศาลอาญาส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา

ศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาคดีนี้เสร็จในวันที่ 9 มิ.ย. 2557 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในวันที่ 7 ส.ค. 2557 หลังจากนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นฎีกา และร้องขอให้ผู้พิพากษารับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง หลังจากผู้พิพากษารับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแล้วมีการรับฎีกาและคำร้องขอเพิ่มเติมฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ในวันที่ 22 ส.ค. 2557และวันที่ 5 ก.ย. 2557 ตามลำดับ ต่อมา ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2559 และ ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2559 จากระยะเวลาที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด จะเห็นว่ามีการฟ้องคดีหลังเกิดเหตุแล้วเกือบ 13 ปี มิใช่ศาลชั้นต้นใช้เวลาไต่สวนถึง 19 ปี ดังที่ปรากฏในคอลัมน์ข่าว

นายสืบพงษ์ แถลงอีกว่า ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น มีเหตุจำเป็นอันต่างๆ ที่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต้องเลื่อนออกไป ไม่ว่าจะเป็นการรักษาตัวของจำเลยที่ 1 ที่ถูกลอบยิง หรือภัยธรรมชาติ นับป็นเหตุจำเป็นในการเลื่อนคดีตามที่กฎหมายบัญญัติทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ในปัจจุบันศาลยุติธรรมมีการพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างรวดเร็ว ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เป็นไปตามหลักในการบริหารจัดการคดีเพื่อให้บริการแก่ประชาชนผู้มีอรรถคดีให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ทั่วถึง เท่าเทียมกัน และเสียค่าใช้จ่ายน้อย ตามนโยบาย “อำนวยความยุติธรรมโดยยึดมั่นในหลักนิติธรรม” ของนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา