เครือข่ายสลัม 4 ภาค เรียกร้องต่อรัฐบาลและกรุงเทพมหานคร ให้ตั้งคณะกรรมการพหุภาคีตามนโยบายประชารัฐ และร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุด ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่สาธารณะ การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยมีฐานจากวัฒนธรรมชุมชน สิ่งเก่าและใหม่ จะต้องอยู่ร่วมกันได้ ฯลฯ
ประชาชนร่วมคล้องแขนปกป้อง 'ชุมชนป้อมมหากาฬ' (ที่มาภาพ: Banrasdr Photo)
7 ต.ค.2559 เครือข่ายสลัม 4 ภาค ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวด้านสิทธิที่อยู่อาศัย ออกแถลงการณ์ หยุด !! ไล่รื้อ ชุมชนป้อมมหากาฬ พัฒนาเมืองทางเลือกใหม่ คนจนต้องอยู่คู่เมือง
โดยแถลงการณ์ ระบุว่า สืบเนื่องกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตรทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลสรุปมอบหมายให้ “มหาดไทย” เป็นหน่วยงาน หลักนำพื้นที่สาธารณะประโยชน์กลับคืน รวมถึงกรณีชุมชนป้อมมหากาฬ โดยระบุว่า ภาครัฐจำเป็นต้องน้า พื้นที่ดังกล่าวกลับมาเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย ส้านักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และกองทับบก ให้ร่วมวาง แผนการรื้อถอนนั้น
เครือข่ายสลัม 4 ภาค เห็นว่าการ พัฒนาเมืองโดยการทำลายชุมชนโบราณ ทำลายวิถีความเป็นชุมชน แล้วนำมาทำเป็นสวนหย่อมทั้งที่มีผล การศึกษาแล้วว่าบริเวณพื้นที่หลังกำแพงป้อมมหากาฬเป็นพื้นที่ปิด ไม่เหมาะแก่การทำเป็นสวนหย่อม และ เป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองในสังคมโลกปัจจุบัน เสมือนรัฐบาลไม่ได้เข้าใจในการแก้ปัญหากรณีที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ทั้งที่เพิ่งผ่านวันที่อยู่อาศัยโลกไปเพียงไม่กี่วันรัฐบาลกลับออกมาตรการ รื้อถอนทำลายที่อยู่อาศัยอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
เครือข่ายสลัม 4 ภาค ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและกรุงเทพมหานคร ต้องเปลี่ยนทัศนะคติใน การพัฒนาเมืองที่มุ่งเน้นแต่สร้างวัตถุต่างๆ แล้วเบียดขับ ไล่รื้อคนจนกระทั้งไร้ที่ยืน ไร้ที่อยู่อาศัยในสังคมเมือง โดยมีข้อเรียกร้องดังนี 1. ให้ตั้งคณะกรรมการพหุภาคีตามนโยบายประชารัฐ และร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุด 2. ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่สาธารณะ พื้นที่ส่วนกลางที่จะเชื่อมโยงกับย่านเมืองเก่าทั้งหมด 3. การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยมีฐานจากวัฒนธรรมชุมชน สิ่งเก่าและใหม่ จะต้องอยู่ร่วมกันได้ 4. การอนุรักษ์ต้องเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่เสริมความเป็นโบราณสถาน ภูมิทัศน์ และวัฒนธรรมที่ เสริมการอนุรักษ์ที่เป็นสากล
"เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลและกรุงเทพมหานคร จะเข้าใจถึงความเดือดร้อน และมีมุมมองในการ พัฒนาเมืองที่ต่างไปจากเดิม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมในสังคม" เครือข่ายสลัม 4 ภาค ระบุท้ายแถลงการณ์