พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์: มุขดูงานต่างประเทศ

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 

เหลืออีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีของคนอเมริกัน

ขณะที่มีเหตุการณ์ซ้อนเกิดขึ้น นั่นก็คือเหตุการณ์วางระเบิดในเมืองต่างๆ ภายในประเทศนี้ ที่นับเป็นความซับซ้อนของสถานการณ์อย่างหนึ่ง แม้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหน่วยงานต่างๆ ฝ่ายอเมริกันจะออกมายืนยันถึงการควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมดก็ตาม และทุกองคาพยพในส่วนของรัฐและเอกชนยังคงทำงานตามปกติทุกๆ เมือง ไม่ว่าในรัฐใดก็ตาม

แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็สร้างความตระหนก ตะลึงพรึงเพริดให้แก่คนอเมริกันและชาวโลกไปพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อทั้งการเมือง การเลือกตั้งและเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจแห่งนี้

ทั้งๆ ที่ช่วงนี้บรรดาหน่วยงานของไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ ก็ทยอยเดินทางมายังอเมริกากันไม่ขาดสาย จาก 2 เหตุผลใหญ่ คือ หนึ่ง ติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งอเมริกัน และ สอง ดูงานการเลือกตั้งอเมริกัน

ภายใต้ 2 เหตุผลดังกล่าว คาดว่า พวกที่มีอาชีพสื่อมวลชน เป็นพวกที่เดินทางมายังแดนอเมริกามากที่สุด และเป็นอย่างนี้มาทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้วันเลือกตั้งหรือในวันเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะการเลือกตั้งผู้นำอเมริกันเสมือนเป็นการเลือกตั้งผู้นำของโลกที่ผู้คนทุกประเทศ ล้วนตระหนักดีว่า นโยบายหรือบุคลิกลักษณะของประธานาธิบดีอเมริกันนั้น มีผลต่อความเป็นไปทางการเมือง และทางเศรษฐกิจของโลก อันโลกพึงติดตามรับฟังและติดตามด้วยความสนใจ

สื่อมวลชนไทยเองก็ไม่น้อยหน้าสื่อชาติอื่น ที่มาด้วยเหตุผลของหน้าที่หรือการทำงาน และส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า การทำงานของสื่อมวลชนในปัจจุบันนั้น มีการแข่งขันกันสูง กล่าวคือ นอกจากหาข่าวผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ(Wire services) แล้ว ยังมีการหาข่าวหรือข้อมูลตรงจากพื้นที่อีกด้วย ซึ่งก็นิยมทำกันหลายสมัยต่อเนื่องกันมาและสมัยเลือกตั้งนี้ก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน

ภาพที่เห็นในส่วนการทำงานของสื่อมวลชนไทย เช่น สื่อทีวี หรือสื่อหนังสือพิมพ์ที่เดินทางมาทำข่าวการเลือกตั้ง ในสมัยเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ส่วนหนึ่งก็คือ การมุ่งเฉพาะรายงานสถานการณ์ทั่วไปหน้าหน่วยเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งข่าวอเมริกันได้ อาจเป็นเพราะขาดการเตรียมตัวของผู้สื่อข่าวหรือองค์กรข่าวที่หมายถึงการประสานงานล่วงหน้าก่อนมาทำข่าว หรือโดยวัฒนธรรมของการเสนอข่าวแบบฉาบฉวย ขอเพียงได้ชื่อว่ามาทำข่าวที่อเมริกา เป็นอันใช้ได้แล้วก็เป็นได้ ได้แบ็คกราวด์ของภาพที่หน่วยเลือกตั้งก็ถือว่า สำนักข่าวของเรา “โกอินเตอร์”แล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ทั้งน่าคิดว่า หลักการของการทำงานด้านสื่อมวลชนเชิงลึกควรเป็นเช่นนี้หรือ?

เพราะสื่อมวลชนต้องแสวงหาข้อมูลหรือแหล่งข้อมูลเชิงลึกให้ได้มากที่สุด ซึ่งหากไม่มีคอนเนคชั่นกับแหล่งข่าวท้องถิ่นแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะเกิดภาพของความฉาบฉวยขึ้น สื่อมวลชนไทยบางสำนักถึงขนาดหาข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคือ หาข้อมูลจากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นนั่นเอง ซึ่งเป็นลักษณะของไหวพริบแบบศรีธนญชัยประการหนึ่ง ลืมไปว่า การเตรียมตัวก่อนมาเดินทางมาอเมริกาหรือการประสานกับแหล่งข่าวท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญ

แน่นอนว่า เรื่องดังกล่าวนี้ สื่ออเมริกันหรือแม้แต่สื่ออาชีพใดๆ ก็กระทำกันอย่างเป็นวัฒนธรรม ตามหลักการทำงานของสื่อมานมนาน เช่น การนัดสัมภาษณ์นักการเมืองที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้แต่สื่อมวลชนด้วยกัน หรือแม้แต่การสัมภาษณ์ประชาชนทั่วไป ไม่เพียงแค่การหาข่าวหน้าหน่วยเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เหตุผลส่วนที่สอง คือผู้ที่เดินทางมาดูงานการเลือกตั้งอเมริกันครับ

คนกลุ่มนี้ นอกจากเป็นหน่วยงานเอกชนแล้ว ยังมีหน่วยงานภาครัฐของไทยรวมอยู่ด้วย ปีนี้ผมไม่ทราบว่าคนของรัฐไทยจะเดินทางมาเพื่อการนี้มากน้อยขนาดไหน การเดินทางมาของคนกลุ่มนี้แน่นอนว่า รัฐให้การสนับสนุนด้านงบประมาณหรือค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

อย่างเช่น ก่อนหน้านี้ หน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดที่มีนายประพันธ์ นัยโกวิท เป็นหัวหน้าคณะ เคยเดินทางมาดูงานด้านการเลือกตั้งของอเมริกามาแล้ว ซึ่งก็ถือว่าตรงกับงานที่ กกต.รับผิดชอบอยู่ ก็คือการจัดการการเลือกตั้งในประเทศไทย ถือเสียว่า แบบฉบับการจัดการการเลือกตั้งในอเมริกาเป็นแบบฉบับที่น่าสนใจเช่นเดียวกับการเลือกตั้งในประเทศประชาธิปไตยในโลกอีกหลายประเทศ

ส่วน กกต.ของไทยจะนำเอาแบบฉบับของการเลือกตั้งดังกล่าวไปใช้ในประเทศไทยได้มากน้อยขนาดไหน หรือถูไถใช้แบบ “หอเอน” ก็สุดแล้วแต่สถานการณ์และองคาพยพทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง เพราะหากไม่นำเอาเนื้อหาสาระของการดูงานไปใช้เลย การเดินทางไปมาดูงานเมืองนอกก็ย่อมไม่คุ้มค่ากับงบประมาณหรือค่าใช้จ่ายและเวลาที่เดินทางมาดูงาน

ขณะที่การเดินทางมาเมืองนอกอย่างอเมริกาหรือแม้แต่ประเทศอื่นๆ ของคนกลุ่มนี้ มิใช่เฉพาะดูงานเรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการดูงานหลายหลากมากมิติ เพราะแม้แต่ในบ่อนคาสิโนลาสเวกัสก็มีกลุ่มดูงานนี้ให้เห็นอยู่สม่ำเสมอ อาจถือเป็นของแถมหรือส่วนหนึ่งของการดูงานก็เป็นได้

นอกเหนือไปจากการนำเสนอในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เช่น วัฒนธรรมไทย สินค้าไทย หรือแม้แต่การนำเสนองานเชิงวิชาการ ทั้งในส่วนของการนำเสนออย่างเดียวและการแลกเปลี่ยนซึ่งกัน สิ่งที่ผมคิดว่า ฝ่ายผู้มาดูงานควรมี คือศึกษาทำความเข้าใจวัฒนธรรมอเมริกันมาก่อน เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจโดนเขาหักหน้า คือไม่ไว้หน้า เหมือนที่คณะดูงานแบบทางการของไทยคณะหนึ่งเคยโดนมาก่อนหน้านี้ที่สำนักงานของซีเนเตอร์ (สว.) อเมริกันท่านหนึ่งในย่านดาวน์ทาวน์ลาสเวกัส ถนนลาสเวกัสบูเลอวาร์ด เนวาดา แม้ว่าฝ่ายไทยจะไปหาเขาโดยมิตรจิตรมิตรใจเพียงใดก็ตาม

นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางไปพรีเซ้นต์งานต่างๆ ในต่างประเทศนั้น ไม่น่าจะดำเนินการในกรณีการเดินทางไปอเมริกาเท่านั้น แต่ควรเตรียมการก่อนเดินทางสำหรับทุกประเทศ ยกเว้นคิดว่า เป็นการเดินทางร่วมคณะไปท่องเที่ยว ถ่ายรูปโชว์อัพโหลดลงเฟซบุ๊ก เหมือนที่นิยมกระทำกันมาจนกลายเป็นวัฒนธรรมฯ เสมือนการดูงานหรือการพรีเซ้นต์งานเป็นดุจดังการท่องเที่ยว หากเพราะเรามีความรู้สึกกันในแบบวัฒนธรรมไทยไปแล้วว่า การเดินทางไปโดยงบประมาณของบุคคลหรือหน่วยงานอื่น เป็นเสมือนการท่องเที่ยวที่ "โอ้.....ชีวิตของเราช่างโชคดีวิเศษอะไรเช่นนี้ !!!"

ในส่วนของการนำเสนอทางด้านวิชาการของไทยเองก็มีปัญหาให้เห็นเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ไม่เพียงแต่ยกโขยงกันไปจำนวนมาก เสมือนเดินทางไปดูงานมหรสพหรือท่องเที่ยวข้ามประเทศแล้ว พวกที่ยกโขยงกันไปนั้น ส่วนใหญ่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับงานวิชาการที่เอามานำเสนอ แถมบางคนยังไม่ทราบว่าไปนำเสนอเรื่องอะไรด้วยซ้ำ

แห่ร่วมคณะกันไปจนหน้าแตกก็มี เพราะเข้างานไม่ได้ เจ้าภาพเขาจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าไปและสะดวกที่จะต้อนรับได้ในจำนวนที่เขากำหนดไว้

เดี๋ยวนี้ทางฝ่ายอเมริกันหรือฝรั่งส่วนหนึ่งเขารู้ทันวัฒนธรรมจำอวดแบบไทยๆ ครับ ก็เลยมีคนหัวใสทำธุรกิจหากินกับนักวิชาเกินชอบสร้างภาพ สร้าง “เวทีลอย”ให้นำเสนอเลย อยากพูดอะไรพูดไป แต่ต้องจ่ายสตางค์ให้เขา หากต้องการขึ้นเวทีนำเสนอเชิงวิชาการ เขาถ่ายรูป บันทึกภาพ หลักฐานทุกอย่างให้เสร็จสรรพเลยทีเดียว

ไม่ทราบใครฉลาดหรือใครไม่ฉลาดกันแน่ครับ “เวทีอุปโลกน์”แบบนี้ ตอนนี้เริ่มมีทั่วไป ทั้งในอเมริกา ยุโรปหรือแม้กระทั่งออสเตรเลีย

0000

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท