นายกฯ เผยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขอทำพระทัยร่วมคนไทย ก่อนขึ้นสืบราชสมบัติ-สนช.งดประชุมจนกว่าจะดำเนินการตามกฎมณเฑียรบาล


 

เมื่อเวลาประมาณ 21.40 น. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในนามของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคสช. ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนทั้งประเทศไปด้วยกัน เราอยู่ในวาระที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเมื่อหัวค่ำวันเดียวกันนี้ตนได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในแล้วปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ และท่านขอเวลาสำหรับกระบวนการของกฎหมายในการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัตินั้นให้รอเวลาที่เหมาะสม เมื่อทรงร่วมแสดงความเสียใจและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ร่วมกับประชาชนผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมโดยทรงยืนยันว่าทรงตระหนักในหน้าที่องค์รัชทายาท ในส่วนของพระราชภารกิจต่างๆ จะทรงปฏิบัติต่อไปในฐานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร

“หวังว่าทุกคนคงเข้าใจและไม่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย” พล.อ.ประยุทธกล่าว

ขณะเดียวกัน เวลาประมาณ 21.37 น. การประชุมสภานิติบัญญัติ (สนช.) เริ่ฟมต้นขึ้น สมาชิกทั้งหมด 250 คน มีสมาชิกที่ลงลายมือชื่อ 216 คน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติ ได้ขอให้สมาชิกทั้งหมดยืนสงบนิ่งถวายพระอาลัยเป็นเวลา 9 นาที จากนั้นได้เปิดประชุม โดยกล่าวสั้นๆ ราว 1 นาทีแล้วปิดการประชุม

นายพรเพชรกล่าวว่า “ซึ่งสภาจะได้ดำเนินการตามบทบัญญิของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2559 (น่าจะหมายถึงรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557-ประชาไท) มาตรา 2 ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 ต่อไปนะครับ และจะไม่มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวาระปกติจนกว่าจะมีการดำเนินการตามโบราณราชประเพณีกฎมณเฑียรบาลและและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระเบียบวาระที่ 2-7 ไม่มีนะครับ วันนี้ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่มาประชุม ผมขอปิดประชุมครับ”

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ 2550 บัญญัติไว้ดังนี้ 

มาตรา 22 (การสืบราชสมบัติ) ภายใต้บังคับมาตรา 23 การสืบราชสมบัติให้เป็นไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467

การแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ เมื่อมีพระราชดำริประการใด ให้คณะองคมนตรีจัดทำร่างกฎมณเฑียรบาลแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลเดิมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อมีพระราชวินิจฉัย เมื่อทรงเห็นชอบและทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประธานองคมนตรีดำเนินการแจ้งประธานรัฐสภาเพื่อให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้รัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับเป็นกฎหมายได้

ในระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุหรือสภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภาในการรับทราบตามวรรคสอง

มาตรา 23 (การสืบราชสมบัติ) ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบและให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ

ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้คณะองคมนตรีเสนอพระนามผู้สืบราชสันตติวงศ์ตามมาตรา 22 ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อรัฐสภาเพื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ในการนี้จะเสนอพระนามพระราชธิดาก็ได้ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ

ในระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุหรือสภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภาในการรับทราบตามวรรคหนึ่งหรือให้ความเห็นชอบตามวรรคสอง

มาตรา 24 ในระหว่างที่ยังไม่มีประกาศอัญเชิญองค์พระรัชทายาทหรือองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตามมาตรา 23 ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน

ในกรณีที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งไว้และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อไปตามวรรคหนึ่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานองคมนตรีทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน

ในกรณีที่ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามวรรคหนึ่งหรือทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวตามวรรคสอง ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๐ วรรคสาม มาใช้บังคับ

ก่อนหน้าการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ระบุถึงการดำเนินการเรื่องนี้ว่า รัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ การสถาปนารัชทายาทดังกล่าวได้ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา ‘ประกาศสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร’ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2525 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการคือ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท