ประยุทธ์วอนทุกคนมีสติในชีวิตประจำวัน โมโหกันไปไม่เกิดประโยชน์ ต้องเห็นใจคนอื่นบ้าง

ประยุทธ์  ระบุ รบ.ช่วยชาวนาทั้งระบบ ครม.เห็นชอบในหลักการทบทวนโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60
 
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี 8 พ.ย. 2559 (ที่มา เว็บไซต์ทำเนียฯ)
 
8 พ.ย. 2559 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลา 13.40 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือชาวนาทั้งระบบว่า ได้สั่งการ ให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาถึงเรื่องหนี้สินของชาวนา เพื่อจะให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมตามหลัก ของกฎหมาย และเสถียรภาพด้านการเงินการคลังของประเทศในปัจจุบัน พร้อมกล่าวยอมรับว่า เห็นใจชาวนาทุกคนที่ประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ แต่ถ้าจะนำงบประมาณมาแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรจำนวนมากพร้อมกันทีเดียวจะสร้างปัญหาให้กับงบประมาณด้านอื่น ๆ ไปด้วย
 
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาจนสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนาได้ในเบื้องต้น แต่ถ้าสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และยั่งยืนจะทำให้เกษตรกรชาวนามีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยเฉพาะต้องมีการรวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์ที่ผลิตข้าว สีข้าวไว้บริโภคเองภายในประเทศ และส่งออกเพื่อขายข้าวให้กับต่างประเทศ ซึ่งสหกรณ์การเกษตรจะต้องมีความเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรชาวนาให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้นต่อไป
 
ต่อปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเช่น กรณี น๊อต กราบรถกู นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ว่า ขอให้ทุกคนมีความยับยั้งชั่งใจ เพราะจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่สังคม และขอให้มีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งมีความเห็นใจซึ่งกันและกัน จะทำสิ่งใดขอให้ที่เจตนาก่อน สำหรับผู้กระทำความผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย
 
"ทุกคนต้องยับยั้งชั่งใจ มีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องเห็นใจคนอื่นเข้าบ้าง โมโหกันไปกันมาไม่เกิดประโยชน์" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ทางภาคใต้ถือเป็นความก้าวหน้าในการพัฒนาเรื่องของการเจรจา แต่จะไม่มีการแถลงข่าวภายหลังการพูดคุย เพราะจะเป็นการสร้างแรงกดดันระหว่างกัน ขอให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้รับมอบหมายโดยตรง ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ขอให้ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ และไม่ต้องการให้ขยายความ หรือติติงเจ้าหน้าที่ และฝ่ายตรงข้าม เพราะไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงและเกิดความสูญเสียตามมา ที่ผ่านมาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความรู้ความสามารถ ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน
 
ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้ ไดมีมติเห็นชอบในหลักการทบทวนโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
 
ซึ่งสาระสำคัญของ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/60 ระบุว่า (1) พื้นที่ดำเนินการ ให้ขยายพื้นที่และชนิดข้าวตามโครงการฯ ดังนี้ 1) พื้นที่ปลูกข้าวเปลือกหอมมะลิทุกจังหวัด (ขาวดอกมะลิ 105 และ กข.15) ทั่วประเทศ จากเดิมกำหนดเฉพาะในเขตพื้นที่ 23 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2) พื้นที่ปลูกข้าวเปลือกเจ้านาปี และข้าวเปลือกปทุมธานี 1 (2) เป้าหมาย ให้ ธ.ก.ส.จ่ายสินเชื่อการขายผลิตผลเพิ่มเติม โดยใช้ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขตพื้นที่ 23 จังหวัด และนอกเขตพื้นที่ เป็นหลักประกัน จำนวนประมาณ 2 ล้านตัน ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกปทุมธานี 1 เป็นหลักประกัน จำนวนประมาณ 1 ล้านตัน

(3) กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตัน 1) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขตพื้นที่ 23 จังหวัด กำหนดวงเงินสินเชื่อและค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก เช่นเดียวกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิในเขตพื้นที่ 23 จังหวัด 2) ข้าวเปลือกเจ้า ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 ในอัตราไม่เกิน ร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยพิจารณาจากราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกเจ้าในปัจจุบันที่ประมาณตันละ 7,800 บาท วงเงินสินเชื่อต่อตัน 7,000 บาท 3) ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 ในอัตรา ไม่เกินร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยพิจารณาจากราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ในปัจจุบันที่ประมาณตันละ 8,700 บาท วงเงินสินเชื่อต่อตัน 7,800 บาท

(4) ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ให้มีค่าใช้จ่ายในการตากข้าวเปลือกและค่าแรงงานในการเตรียมข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการฯ เช่นเดียวกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ จึงให้ค่าตากข้าวเปลือกและค่าแรงงานในการเตรียมข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการ ตันละ 1,500 บาท โดยจ่ายเป็นค่าเตรียมข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการในวันเบิกรับเงินกู้ 1,000 บาท และจ่ายเพิ่มอีกตันละ 500 บาท ในวันที่ไถ่ถอนข้าวเปลือกหลังจากเข้าร่วมโครงการ ไม่น้อยกว่า  30 วัน

ขณะที่กรณีเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนหากราคาข้าวเปลือกในตลาดต่ำกว่าวงเงินสินเชื่อต่อตันให้ ธ.ก.ส. พิจารณาขยายระยะเวลาไถ่ถอนและชำระคืนออกไปไม่เกิน 3 เดือน และให้มีคณะกรรมการระบายข้าว ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ ธ.ก.ส. ดำเนินการระบายข้าวเปลือกที่ใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ดังกล่าว หากเกิดภาระส่วนต่างระหว่างราคาที่โครงการกำหนดในการให้สินเชื่อกับราคาจากการระบาย รัฐบาลจะชดเชย ส่วนต่างดังกล่าวให้ ธ.ก.ส.

การจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ผู้ปลูกข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกปทุมธานี 1 เพื่อช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อย โดยใช้ฐานข้อมูลเกษตรกรที่ได้รับเงินสนับสนุนตามโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุน การผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 โดยกำหนดจ่ายให้แก่เกษตรกร ตันละ 2,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกินกว่าที่ให้กับข้าวหอมมะลิไม่เกิน 12,000 บาท ต่อครัวเรือน ทั้งรายที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/60 และไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ โดย ธ.ก.ส. โอนเงินเข้าบัญชีให้กับเกษตรกร ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2559 ถึงวันที่ 28 ก.พ. 25560

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท