Skip to main content
sharethis

ปธ.สนช.ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ทูลเกล้าฯ ร่างรธน.แล้ว สนช.ต้องพิจารณาร่างก.ม.ประกอบ รธน. 10 ฉ. ภายใน 60 วันภายหลังรับร่าง อย่างรอบคอบและรัดกุม 

ที่มาภาพ เว็บไซต์วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

14 พ.ย. 2559 คณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดสัมมนาเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปตามเจตนารมย์ของร่างรัฐธรรมนูญ โดย พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวเปิดงานสัมมนาดังกล่าว ซึ่ง พรเพชร ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติ นำขึ้นทูลเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง สนช. มีหน้าที่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนด 60 วันภายหลังรับร่าง โดยเฉพาะร่างสำคัญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง คือ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งหากพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดจะถือว่า สนช.เห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอมา ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่พิจารณาร่างจึงต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความสนใจ เสียสละเวลาในการทำหน้าที่ภายใต้การทำงานที่รอบคอบ รัดกุม และใช้เวลาให้คุ้มค่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตีความและการบังคับใช้กฎหมายในภายหลังที่อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งได้

“ด้วยกรอบระยะเวลาการพิจารณา จะมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้คณะกรรมมาธิการที่มาพิจารณา ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีความสนใจ และเสียสละเวลาในการพิจารณา เพื่อให้แล้วเสร็จตามเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติในอนาคตต่อไป” พรเพชร กล่าว 

ประธาน สนช.กล่าวด้วยว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงขั้นตอน ความสำคัญ การเตรียมพร้อมในทุกด้าน เปิดโอกาสให้แสดงความเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์และการทำงานต่างๆ เพื่อให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ รธน.ที่จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ พร้อมเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่าเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมนอกสถานที่ เพื่อให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทำได้อย่างเต็มที่ แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด

นอกจากนี้ งานสัมมนาดังกล่าว ยังมีการบรรยายเรื่อง เจตนารมณ์ของร่าง พ.ร.ป.ตามบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญ โดยอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนรชิต สิงหเสนี โฆษก กรธ. ซึ่งได้ชี้แจงถึงกรอบเวลาและสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ป. โดยเฉพาะร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะนำส่งให้ สนช.ในวันถัดจากวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้
 
ทั้งนี้ กรธ.ได้วางหลักการใน ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  เน้นการแก้ไขปัญหานายทุนพรรค และทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง พร้อมยืนยันว่า กรธ.ไม่เคยพูดถึงการเซตซีโร่พรรคการเมือง เป็นเพียงข้อห่วงใย และการวิพากษ์วิจารณ์จากภายนอกเท่านั้น เพราะในบทเฉพาะกาล กำหนดให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ยังคงเป็นพรรคการเมืองตามร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ต้องแก้ไขข้อบังคับพรรคการเมืองให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ร่าง พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ไม่เช่นนั้น จะไม่สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้
 
เช่นเดียวกับ การจัดทำทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง และบัญชีทรัพย์สินของพรรคการเมือง ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หากไม่เสร็จตามกำหนด จะไม่สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญใหม่ได้ ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.นั้น ย้ำว่า หลังร่างมีผลบังคับใช้ กกต.ชุดเดิมจะอยู่ได้ เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net