Skip to main content
sharethis

เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ประท้วงอย่างสันติ นั่งภาวนา-โกนหัว ทวงสัญญาจากรัฐบาล ปมเตรียมดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ พันเอกคฑาวุธเชิญเข้าประชุม ยันจะติดตามเรื่องให้ ย้ำเจ้าหน้าที่ฝ่ายความั่นคงอย่าจับกุม พร้อมขอให้ประท้วงโดยไม่รบกวนการจราจร

18 พ.ย. 2559 เวลา 09.59 น. ที่บริเวณป้ายรถเมล์ ตรงข้ามประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินได้รวมตัวกัน 4 คน เพื่อนั่งสมาธิภาวนา และโกนผม เพื่อแสดงถึงการต่อต้านการดำเนินการที่เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังจากถ่านหินในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ท่ามกลางการจับตาของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบราว 30 คน

ต่อมาเวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาเจรจาโดยขอให้กลุ่มผู้ประท้วงย้ายเข้าไปในสำนักงาน กพ. ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกจับกุม โดยผู้ประท้วงได้ยอมย้ายเข้าไปด้านในสำนักงาน กพ. ตามคำขอของเจ้าหน้าที่

สำหรับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เกิดจากการที่รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้กับเครือข่ายปกป้องอันดามันฯ โดยข้อตกลงระบุว่า รัฐบาลยอมที่จะชะลอกระบวนการ EIA ยุติการประมูลโครงการที่เกี่ยวกับถ่านหิน และการสร้างโรงไฟฟ้า และให้เครือข่ายฯทำพลังงานหมุนเวียน 3 ปี ภายใต้การดูแลจากรัฐบาล รายละเอียดตามคำประกาศของเครือข่ายปกป้องอันดามันฯ

ต่อมาในเวลา 12.45 น. กลุ่มผู้ประท้วงจากเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้ออกมารวมตัวที่บริเวณทางเท้าด้านหน้าสำนักงาน กพ. ตรงข้ามประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาแจ้งว่าในเวลา 13.00 น. จะมีขบวนเสด็จจึงขอความร่วมมือให้ย้ายกลับเข้าไปด้านในสำนักงาน กพ. ผู้ประท้วงจึงให้ความร่วมมือตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้ได้มีสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่เดินทางมาเพื่อสังเกตุการณ์การประท้วงอย่างสันติวิธีในครั้งนี้ เพื่อทั้งได้ให้กำลังใจแก่ผู้ประท้วงด้วย ท่ามกลางการเฝ้าจับตาของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบตลอดเวลา

ต่อมาในเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าอย่าเพิ่งออกไปด้านนอก เนืองจากได้ประสานงานให้ตัวแทนจากสำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีให้เข้ามาเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงในเวลา 13.30 น.

เวลา 14.00 พันเอกคฑาวุธ ขจรกิตติยุทธ ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมาเพื่อประชุมเจรจาประเด็นปัญหาขอกลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันฯ

ต่อมาเวลา 14.45 ประสิทธิชัย หนูนวล แถลงถึงผลจากการประชุมเจรจาโดยยืนยันในหลักการ และข้อเสนอของทางเครือข่ายว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่ได้มีประเด็นใดที่เป็นประเด็นใหม่ เพียงแต่ต้องการมาทวงสัญญาที่นายกรัฐมนตรีได้เคยให้ไว้กับเครือข่ายฯ คือการชะลอกระบวนการ EIA ยุติการประมูลที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และให้รัฐบาลสนับสนุนการทำพลังงานหมุนเวียนเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเป็นเป็นการพิสูจน์ว่าพลังงานทางเลือกสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง

ทั้งนี้ประสิทธิชัย หนูนวล หนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงในครั้งนี้ได้ระบุว่า ทางด้านพันเอกคฑาวุธ ได้ชี้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่เข้าร่วมประชุมด้วยว่า การจัดกิจกรรมของเครือข่ายปกป้องอันดามัน สามารถทำได้แต่อย่างให้เป็นการรบกวนการจราจร และขอความร่วมมือทางเครือข่ายให้ย้ายสถานที่ประท้วง เมื่อมีขบวนเสด็จผ่านมายังบริเวณดังกล่าว

ประสิทธิชัย ระบุด้วยว่า จะยังคงทำกิจกรรมประท้วงอย่างสันติวิธีต่อไป จนจะได้รับความชัดเจนจากทางรัฐบาลที่จะดำเนินการตามข้อตกลงทั้งสามข้อที่เคยให้ไว้ก่อนหน้า

ต่อมาเวลา 15.00 ได้มีนิสิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เดินทางมาที่สำนักงาน กพ. เพื่อให้กำลังใจ และเรียนรู้ประเด็นปัญหาเรื่องพลังงานจากกลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันด้วย

00000

คำประกาศ เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน

18 พ.ย. นั่งภาวนาหน้าทำเนียบ

ตามการเรียกร้องของเครือข่ายอันดามันจากถ่านหินเมื่อครั้งก่อน ส่งผลให้รัฐบาลยอมรับเงื่อนไขของเครือข่ายฯ ด้วยการให้ชะลอกระบวนการอีไอเอ ยุติการประมูล และให้กระบี่ทำพลังงานหมุนเวียน 3 ปีภายใต้การสนับสนุนสายส่งและการรับซื้อของรัฐบาล

ลำดับถัดมา ข้อตกลงเรื่องการประมูลได้ถูก กฟผ.ฉีกสัญญาด้วยการประกาศให้บริษัทไชน่าพาวเวอร์เป็นบริษัทผู้ประมูลต่ำสุดของการสร้างโรงไฟฟ้าและบริษัทอิตาเลียนไทยสำหรับการสร้างท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหิน

ส่วนการให้กระบี่ทำพลังงานหมุนเวียน 3 ปีนั้น รัฐบาลได้ตั้งกรรมการไตรภาคีเพื่อการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ และผลการศึกษาของอนุกรรมการว่าด้วยพลังงานหมุนเวียนมีข้อสรุปว่าจังหวัดกระบี่มีศักยภาพการทำพลังงานหมุนเวียนจำนวน 1,700 เมกกะวัตต์ มากกว่าการใช้ทั้งจังหวัดกว่า 10 เท่าตัว แต่กรรมการไตรภาคีก็ไม่ได้จัดทำแผนเพื่อให้จังหวัดกระบี่ดำเนินการหรือแม้แต่จะมีข้อสรุปใดๆก็ไม่เกิดขึ้น

การประชุมครั้งสุดท้ายของกรรมการไตรภาคีเป็นการกระทำเฉกเช่นของเด็กเล่นด้วยการเอากระดาษให้กรรมการกากบาทว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการสร้างโรงไฟฟ้า โดยไม่แยแสผลการศึกษาแต่อย่างใด เมื่อกรรมการสอบถามถึงการดำเนินการขั้นต่อไป ประธานกรรมการบอกว่าไม่มีการประชุมอีกต่อไปและจะไปรายงานกับนายกเอง โดยไม่มีรายงานสรุปของกรรมการแต่อย่างใด พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับเรื่อง พรบ.ปิโตรเลียม ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ภายใต้คนเดียวกัน เขาชื่อ พลเอกสกนธ์ สัจจานิตย์

นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอีกหลายอย่างในกรรมการที่เชื่อได้ว่าไม่นำไปสู่ข้อสรุปตามที่ตกลงกัน

ประกอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประกาศตลอดเวลาว่าต้องเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
กฟผ.ได้กระทำการหลายอย่างที่เชื่อว่าไม่ยอมยุติการเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้า

ด้วยเหตุทั้งมวล ทำให้เครือข่ายเชื่อว่าการดำเนินการจะไม่นำไปสู่ข้อตกลงอย่างแน่นอน

เราไม่อาจรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นทั้งมวลกับอันดามันเพียงเพื่อประโยชน์ของพ่อค้าถ่านหิน

จึงขอใช้ความสงบ นั่งภาวนา ให้รัฐบาลรักษาคำสัตย์
ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหินและให้กระบี่ทำพลังงานหมุนเวียนเพื่อการพึ่งตนเอง 100 เปอร์เช็นต์

18 พย.2559

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net