Skip to main content
sharethis
เบส อรพิมพ์ แจงผ่านรายการ 'ถามตรงๆ' ปมคนอีสานไม่พอใจ ยันมิได้มีวัตถุประสงค์ในการหยามหมิ่น วอนฟังทั้งก้อนจะเข้าใจ เผยเป็นการบรรยายในเชิงการปลุกใจ ระบุคน 2-3 พันคน ที่นั่งอยู่ตอนนั้นไม่มีปัญหาเลย ขณะที่ ห้างหัวหิน ยกเลิก ทอล์คโชว์ หวั่นกระทบความรู้สึก
ที่มาภาพ Thairath   
 
18 พ.ย. 2559 จากกรณี การพูดถึงคนอีสานกับความรักต่อในหลวง ร.9 ของ เบส อรพิมพ์ รักษาผล นักพูด ที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเธอกล่าวตอนหนึ่งซึ่งเป็นการพูดในอดีตที่ จ.มหาสารคาม ของเธอว่า  "รู้ไหมว่าในหลวงทำงานมา 4 พันกว่าโครงการ น้อยหรือมาก ตอบตัวเอง พี่ไม่ถามว่าคุณรักในหลวงไหม รุ้อย่างเดียวว่าคนอีสาน ในหลวงเสด็จบ่อยมาก และช่วยคุณเยอะมาก คนอีสานโปรดฟัง ในหลวงรักพวกคุณ  แปลกนะที่บางทีพวกคุณลืมในหลวงเนาะ แปลกอะ พี่ไม่ได้ว่านะคะ พี่เข้าใจเพราะคุณมันเกิดช้าไง เกิดมาเห็นในหลวงป่วยสินะ แล้วรู้ไหมว่าก่อนจะป่วย เขาทำอะไร"
 
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.29 น. อรพิมพ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ 'ถามตรงๆ กับจอมขวัญ' ซึ่งเผยแพร่ทาง Thairath
 
"เบสพยายาม มีความรู้สึกว่าเราเงียบ เพราะว่าเราไม่มีความตั้งใจที่ไม่ดีอะไรเลยกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เบสคิดวาาถ้าเงียบกระแสทุกอย่างก็คงเงียบไป ไม่ต้อชี้แจงอะไรเพราะว่าในเจตนา ในความรู้สึกหรือว่าในอะไรก็ตามไม่มีความรู้สึกไม่ดีหรือเจตนาไม่ดีเลย จึงคิดว่าอยากให้ทุกอย่างเงียบไป แต่ว่าพอกระแสมันกว้างขึ้น กว้างขึ้นทุกคนส่งมา เมื่อเช้านี้เบสไม่เลือกที่จะเสพข้อมูลอะไร หลายคนส่งมาจนเบสมีความรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่กระทบตัวเรานะ กระทบควรอบข้าง แล้วกระทบสังคมอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเราในฐานะคนพูด ในฐานะนักพูด น่าจะออกมามีโอกาสได้พูดอะไร หรือมีโอกาสได้บอกอะไรกับคนที่เขาอยากรู้" อรพิมพ์ กล่าว
 
ต่อประเด็นให้ข่าวเรื่องสัมภาษณ์วีซ่าไปสหรัฐอเมริกาไม่ผ่านนั้น อรพิมพ์ กล่าวว่า เนื่องจากตนได้พูดไว้หลายเวทีก่อนหน้านั้นแล้วว่าหากไม่มีอะไรผิดพาด ตนจะได้ไปพูดในช่วงนั้นที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้มีสื่อที่รู้ข่าวและคอยติดตามว่าได้ไปหรือไม่ ตนจึงตอบไปว่าสัมภาษณ์วีซ่าไม่ผ่าน ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปทันเวลาหรือได้ไปไหม ในส่วนของการให้ข่าวคือให้แบบนั้น เพราะทางโน้นได้มีการประสานงานทุกอย่างและจัดเตรียมและจองหลายอย่างไว้แล้ว  วันนั้นสื่อมวลชนก็ได้สอบถามว่าไม่ผ่านเพราะอะไร นั่นก็เป็นการพูดเปิดปากครั้งแรกของตนว่าวีซ่าไม่ผ่าน แต่ตนไม่ได้ให้สัมภาษณ์เพื่อที่จะบอกว่าทำไมวีซ่าฉันไม่ผ่าน แค่นั้นเอง
 
อรพิมพ์ ยืนยันว่าตอนนี้ได้ยื่นขอวีซ่าใหม่แล้ว และจะมีการสัมภาษณ์ภายในอาทิตย์หน้านี้
 
สำหรับคลิปที่ถูกวิจพากษ์วิจารณ์ กรณีการพูดถึงคนอิสานกับความรักต่อในหลวง ร.9 ที่ จ. มหาสารคาม นั้น  อรพิมพ์  กล่าวว่าเป็นการพูดเมื่อต้นปี 59 ตนได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ที่คิดว่าตนจะสามารถพูดในด้านการสร้างจิตสำนึกพลเมืองได้ ตนจึงได้ไปในงานของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งไม่ใช่ที่เดียว ตนไปหลายจังหวัดและไม่ใช่ภาคเดียว ตนไปหลายภาค
 
"และวิธีการสื่อสารของแต่ละภาคก็เป็นแบบนั้น เวลาเบสสื่อสารเบสก็จะเรียกคนภาคนั้น เป็นแบบนั้น เช่น คนภาคอีสาน คนภาคเหนือ คนภาคใต้หรือคนกรุงเทพ เบสก็เรียกเป็นแบบนั้น แต่ในกลุ่มก้อนของการพูดทั้งหมดจะจะเป็นกลุ่มก้อนของการรู้หน้าที่พลเมืองและการพูดเรื่องรักสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องยอมรับว่าในทุกพื้นที่ที่เราไปอาจจะมีความเข้าใจผิดบางหรือน้องๆ ไม่ได้รับข้อมูล หรือน้องๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจบ้าง วิธีการสื่อสารของเบสถ้าสื่อสารกับผู้ใหญ่จะสื่อสารอีกแบบแต่วิธีการสื่อสารกับเด็กในสไตล์ของเบสคือสื่อสารแบบใช้ภาษาเป็นกันเอง ภาษาแบบวัยรุ่น ภาษาแบบเด็ก ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ฟังมันอาจจะมีความรู้สึกว่าทำไมมันเป็นภาษาที่ง่ายๆ แต่เบสกำลังสื่อสารกับเด็ก" อรพิมพ์  กล่าว
 
อรพิมพ์  กล่าวด้วยว่าเหตุการณ์ในคลิปผู้ฟังเป็นผู้ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ที่เข้าร่วมรับฟังเรื่องหน้าที่พลเมืองและรุ้คุณชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เป้าหมายของงานต้องการให้ผู้ฟังรู้หน้าที่ของการเป็นพลเมือง และเป้าหมายหลักๆ เลย คือให้ได้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อจะได้เดินหน้าประเทศไทยได้ต่อไป 
 
"จริงๆ เวลาเบสบรรยายเรื่อง ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เบสจะบรรยายในเชิงการปลุกใจ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องการจะสื่อในวันนั้นเบสอยากบอกว่าถ้าฟังทั้งก้อนทั้งหมดชั่วโมงครึ่งในการบรรยายท่านจะเข้าใจเหมือนคน 2-3 พันคน ที่นั่งอยู่กับเบสตอนนั้น ณ เวลานั้น ไม่มีอะไรที่กิดความไม่เรียบร้อยเลย ณ เวลาที่เรากำลังบรรยายทุกคนฟัง ทุกคนเข้าใจ เพียงแต่ว่าถ้าตัดออกมา แค่เป็นก้อนๆ ตอนๆ ส่วนๆ ท่านจะไม่เข้าใจว่าบริบทที่อยู่ก่อนหน้า กับอยู่หลังจากนั้น คืออะไร ก่อนหน้าเราโยงมาเรื่องพลเมือง หลังจากนั้นคือการโยงให้ทุกคนได้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่กลุ่มก้อนตรงกลางที่เป็นกลุ่มก้อนของการปลุกใจในภาษาของเบส เบสใช้ลักษณะของการปลุกใจให้ฮึกเหิม ปลุกใจให้กลับมาคิด ปลุกใจให้กลับมาหวนคิดถึงสิ่งที่เราอาจจะลืมไป มิได้มีวัตถุประสงค์ในการล่วงเกินหรือหยามหมิ่นเลย เพราะถ้าไปดูคลิปของภาคอื่นเบสก็จะพูดแบบนี้ โดยเฉพาะเป็นภาคใต้เบสพูดภาษาใต้แล้วพูดภาษาที่ตรงแล้วแรงกว่านี้อีก เพราะมันเป็นการพูดปลุกใจ ทั้งหมดถ้าได้ดูในบริบทภาพรวมท่านอาจจะเข้าใจมากขึ้น" อรพิมพ์  กล่าว
 
“เบสอยากขอโทษ ไม่ได้ขอโทษเพื่อให้เรื่องจบ แต่ขอโทษจากหัวใจจริงๆ เบสทำงานด้านนี้มา 10 กว่าปี เพราะอย่างเดียวคือวันหนึ่งเบสอยากจะมีส่วนในการใช้เสียงของเบสในการช่วยสร้างสิ่งดีๆ ในประเทศชาติ วันนี้คำพูดตอนหนึ่งที่ถูกตัดออกมามันกลายเป็นการจุดชนวนบางอย่างของความแตกแยก

“เบสอยากขอโทษที่คำพูดของเบสไปทำให้พี่น้องชาวอีสานรู้สึกไม่ดี ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ทำงานภาคที่เบสไปเยอะที่สุดคือภาคอีสาน และภาคที่เบสผูกพันมากที่สุดในการทำงาน ตั้งแต่เริ่มต้นฝึกพูดมาก็คือ ภาคอีสาน เบสไม่มีทางที่จะคิดกับพี่น้องคนอีสานไม่ดี เพราะเบสเติบโตมาจากสายหน้าที่การเป็นนักพูดจากภาคอีสานก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เบสอยากจะพูดกับพี่น้องชาวอีสานมากที่สุดคือเบสขอโทษนะคะ ถ้าสิ่งที่เบสทำจากความตั้งใจในการทำงานมันไปกระทบความรู้สึกของท่าน เบสขอโทษด้วยหัวใจ ถึงเบสจะไม่ใช่คนอีสาน อยากขอโทษด้วยใจจริง ให้อภัยหรือไม่ให้อภัยก็ไม่เป็นไร แต่เบสไม่อยากให้สิ่งที่พูดออกมาจากความตั้งใจในการทำงานจุดชนวนให้เราไม่รักกันหรือแตกแยกกัน หรือมาทะเลาะกันในประเด็นที่เปราะบางมาก เบสไม่โทษใครเลยมันเป็นเพราะสิ่งที่เบสพูดไป ถ้าท่านได้ฟังทั้งหมดจะเข้าใจ ว่าเบสไม่มีเจตนาที่ไม่ดีเลยกับพี่น้องคนอีสาน” อรพิมพ์  กล่าว

อรพิมพ์ ยังทิ้งท้ายด้วยว่า ขอให้สบายใจด้วยว่าจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้ท่านได้รู้ว่าตนบริสุทธิ์ใจและยินดีจะทำงานให้กับพี่น้องทุกภาคต่อไป

 

ห้างหัวหิน ยกเลิก ทอล์คโชว์ หวั่นกระทบความรู้สึก

ขณะที่ ศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก HuaHin Market Village ยกเลิกกิจกรรมทอล์คโชว์ของ อรพิมพ์ ด้วย หลังกระเเสวิพากษณ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ กรณีคลิปพาดพิงคนภาคอีสาน โดยระบุเหตุผลว่า แจ้งยกเลิกกิจกรรมทอล์คโชว์ของคุณ เบส อรพิมพ์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อความรู้สึกของทุกท่าน และเพื่อไม่ให้กระทบต่อกิจกรรมถวายความอาลัยที่จัดขึ้นสำหรับชาวหัวหินและนักท่องเที่ยวทุกท่าน ทั้งนี้กิจกรรมอื่นยังดำเนินงานตามปกติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net