Skip to main content
sharethis
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) ออกแถลงการณ์กรณีศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาคดีการสังหารนายใช่ บุญทองเล็ก จี้ภาครัฐดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อนำตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน การสังหารและการใช้ความรุนแรงต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อยุติวงจรการลอยนวลพ้นผิดและป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
 
 
28 พ.ย. 2559 สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) ออกแถลงการณ์ กรณีศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาคดีการสังหารนายใช่ บุญทองเล็ก โดยระบุว่าในประเทศไทย แม้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนทุกคนจะได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยให้การรับรอง เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่บุคคลมีความเสมอภาคกันโดยไม่มีเงื่อนไข แต่สถานการณ์การคุมคามและความรุนแรงที่กระทำต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในระดับชุมชนยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
การจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และเสรีภาพในการรวมกลุ่มสมาคมของขบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่ผ่านมา ทำให้นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและความเป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่ยืนหยัดต่อสู้เรียกร้องสิทธิในที่ดิน และสิทธิในการรวมกลุ่มเพื่อก่อตั้งชุมชนเกษตรกรขึ้นมาใหม่หรือ สิทธิในการตั้งถิ่นฐานใหม่ และความมั่นคงทางอาหาร ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อมีชีวิตที่ดีและเข้าถึงการจัดสรรทรัพยากร ต้องทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการข่มขู่คุกคาม การใช้ความรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน การถูกดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญา การถูกขับไล่ออกจากที่ตั้งถิ่นฐานของตนเอง หรือแม้กระทั่งการถูกบังคับให้สูญหาย เช่น กรณี นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ และ กรณีนายเด่น คำแหล้ 
 
ในภาคใต้ของประเทศไทย จากการดำเนินนโยบายที่ล่าช้าของภาครัฐในการปฏิรูปที่ดิน เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อนักปกป้องสิทธิด้านที่ดิน การถูกคุกคามทำร้ายจากผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น เช่น การลอบสังหารนักปกป้องสิทธิที่ดินชุมชนคลองไทรพัฒนา และสมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) จำนวนสี่ราย รวมถึงกรณีการลอบสังหารนายใช่ บุญทองเล็ก ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์มีนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 เวลา 09.00 น. ณ ศาลจังหวัดเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
 
การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรนักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินทำกินที่ถูกลอบสังหารอย่างต่อเนื่อง โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้ ตั้งแต่กรณี นายสมพร พัฒนภูมิ ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2553 และนางมณฑา ชูแก้ว และนางปราณี บุญรักษ์ ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปตลาดเมื่อปี 2555 ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 นายใช่ บุญทองเล็ก ถูกลอบสังหารที่บ้านพัก ซึ่งแม้จะมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัย แต่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยหนึ่งราย โดยศาลเห็นว่าพยานหลักฐานและการนำสืบยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และต่อมาในวันที่ 8 เมษายน 2559 นายสุพจน์ กาฬสงค์ สมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนา ซึ่งเป็นพยานคนสำคัญในคดีการลอบสังหารนายใช่ บุญทองเล็กถูกลอบยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะเดินทางกลับเข้ามาในชุมชน โดยคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล และศาลนัดสืบพยานในเดือนธันวาคม 2559
 
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ จึงขอเรียกร้องให้ 1. ภาครัฐและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตราทางนโยบาย ทางกฎหมาย และทางปฏิบัติเพื่อคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนชนบท ตามปฏิญญาว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 2. ภาครัฐดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อนำตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน การสังหารและการใช้ความรุนแรงต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อยุติวงจรการลอยนวลพ้นผิดและป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต และ 3. ภาครัฐส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และเสรีภาพในการรวมกลุ่มสมาคมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยให้การรับรอง
 
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ขอขอบคุณทีมทนายความจากสำนักงานสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ และสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตามนำเสนอข่าวในคดีนี้ และนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวขบวนการต่อสู้เพื่ิอสิทธิในที่ดินทำกินของเกษตรกรและคนจนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอขอบคุณผู้แทนจากองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สนับสนุนการทำงานของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้
 
 
 
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net