Skip to main content
sharethis

ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยกฟ้อง ' สนธิ ลิ้มทองกุล' แกนนำพันธมิตรฯ คดีหมิ่นเบื้องสูง กรณีกล่าวซ้ำคำพูด 'ดา ตอร์ปิโด' บนเวทีปราศรัยปี 51 ทนายระบุศาลชี้ขาดเจตนา แค่ตัดข้อความบางส่วนมาพูดเพื่อเร่งตำรวจดำเนินคดี 

 

แฟ้มภาพ

10 ก.พ. 2560 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ ที่ อ.2066/2553 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112       

กรณีวันที่ 20 ก.ค. 2551 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ด้วยการกระจายเสียงเครื่องขยายเสียง ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนหลายคน มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และทางอินเทอร์เน็ต โดยผ่านทางเว็บไซต์ของเอเอสทีวีให้ประชาชนทั้งคนไทยและต่างชาติได้รับชมและรับฟังทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มีข้อความซึ่งจำเลยนำเอาคำปราศรัยของ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ที่พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องท้องสนามหลวง อันเป็นการพูดที่มีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มาพูดซ้ำ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต กทม. ขอให้ลงโทษตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ
       
คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาวันที่ 26 ก.ย. 2555 เห็นว่าการพูดของจำเลยสืบเนื่องมาจากการที่ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เป็นการพูดโดยถอดข้อความบางตอนมาสรุปให้ประชาชนฟัง โดยจำเลยเห็นว่าคำพูดของ ดารณีเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และพระราชินี จึงเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้นดำเนินคดีต่อ ดารณี จึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยสรุปคำพูดของ ดารณี เมื่อฟังโดยรวมแล้วเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีต่อ ดารณี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการขยายคำพูดของ ดารณีอันมีเจตนาโดยตรงเพื่อหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และพระราชินี การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ให้พิพากษายกฟ้อง
       
ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำคุก สนธิ เป็นเวลา 3 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี เนื่องจาก เห็นว่า จำเลยนำคำพูดของ ดารณี หรือดา ตอร์ปิโด ที่พูดพาดพิงสถาบันเบื้องสูง มาปราศรัยที่เวทีพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการนำคำพูดมาหมิ่นประมาทซ้ำ ซึ่งจำเลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาเนื้อหามาถ่ายทอดพูดซ้ำในที่สาธารณะ เพราะประชาชนบางส่วนไม่ทราบว่า ดารณี หรือดา ตอร์ปิโด พูดอย่างไร ก็มาทราบจากการที่จำเลยพูด ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลกระทบต่อสถาบัน อันเป็นการกระทำที่ไม่ระวังระวังอย่างเพียงพอ การกระทำเป็นการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว ต่อมาสนธิจำเลยยื่นฎีกาขอให้พิพากษายกฟ้องโดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว สนธิ ลิ้มทองกุล มาจากเรือนจำกลางคลองเปรม โดยมีบุคคลใกล้ชิดมาให้กำลังใจด้วย
       
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคแรก บัญญัติว่า “บุคคลใดจะต้องรับผิดในทางอาญา ก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยประมาท” สำหรับคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่เจตนา และเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวปราศรัยในที่ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการกล่าวอ้างถึงคำปราศรัยของ ดารณี ที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระราชินี เป็นการสรุปเอาเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสำคัญจากคำปราศรัยของ ดารณีที่จะชี้ให้เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯดังกล่าว โดยมิได้กล่าวข้อความอื่นใดที่จะส่อให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงแต่อย่างใด แต่จำเลยยังเรียกร้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีแก่ ดารณี เนื่องจากเชื่อว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีต่อ ดารณี เพราะเหตุที่ ดารณีอยู่ในกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลในขณะนั้น โดยมีเจตนาปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ มิให้บุคคลใดก้าวล่วงหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ ซึ่งเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 70 การกระทำของจำเลยย่อมขาดองค์ประกอบความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคแรก
       
การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
       
ภายหลัง สุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ กล่าวว่า ศาลเห็นว่าการกระทำของ สนธิ นั้นขาดเจตนา โดยสนธิมีเจตนาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจับกุมดำเนินคดี ดารณี หรือ “ดา ตอร์ปิโด” เพราะเห็นว่าขณะนั้น ดารณีได้พูดปราศรัยที่ท้องสนามหลวงมาแล้ว 2-3 วัน ดังนั้นการกระทำจึงเป็นคนละเจตนากัน 

สำหรับ ดารณี หรือ “ดา ตอร์ปิโด” นั้น ถูกปล่อยตัว เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2559 หลังถูกจำคุกมาแล้วกว่า 8 ปี ในคดีหมิ่นพระบรมเดชา นุภาพ จากการขึ้นปราศรัยที่เวทีสนามหลวงเมื่อปี 2551 ซึ่ง ดารณี ดารณีถูกจับกุม และไม่ได้รับการประกันตัว ตั้งแต่ 22 ก.ค. 2551

คำพิพากษาศาลฎีกา คดีสนธิ : 

 

ที่มา โพสต์ทูเดย์ ผู้จัดการออนไลน์ และ Voice TV

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net