“การเข้ามามีส่วนร่วมในอาเซียนไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก[ของสหรัฐฯ] แต่เป็นการลงทุนที่ส่งผลต่อผลประโยชน์แห่งชาติในระยะยาว” แดเนียล รัสเซล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ ย้ำ พร้อมชี้เกาหลีเหนือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสันติวิธีในเวทีนานาชาติ-เห็นใจทางการมาเลเซียกรณีฆาตกรรม ‘คิม จองนัม’
แดเนียล รัสเซล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ กรุงโซล เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559
(ที่มา: flickr/ U.S. Department of State/ แฟ้มภาพ)
8 มี.ค. 2560 กระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกาจัดให้มีการแถลงข่าวของแดเนียล รัสเซล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก ผ่านทางโทรศัพท์ร่วมกับสื่อต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแดเนียลจะลงจากตำแหน่งภายในสัปดาห์นี้ ก่อนไปร่วมงานกับสถาบัน Asia Society Policy Institute ในฐานะสมาชิกอาวุโสเพื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียในอนาคต
รัสเซล กล่าวปาฐกถาสั้นๆ เกี่ยวกับความต่อเนื่องของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยรัฐบาลโอบามาจนถึงปัจจุบันว่า ความเป็นไปทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง วัฒนธรรมของสหรัฐฯ นั้นเกี่ยวพันโดยตรงกับความเป็นไปในเอเชียแปซิฟิก ถึงแม้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์จะให้ความสำคัญกับความมั่งคั่งและความมั่นคงในประเทศ แต่การร่วมมือกันระหว่างภูมิภาคเพื่อรับมือกับความท้าทายในระดับโลกจะตอบสนองต่อผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในอีกทางหนึ่ง ปัจจุบันสหรัฐฯ และประเทศในภูมิภาคนี้ได้มีการพูดคุยกันในหลายประเด็น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะคงบทบาทในการสร้างเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งในภูมิภาคฯ
ต่อประเด็นจุดยืนในภูมิภาคอาเซียนของรัฐบาลทรัมป์ที่ยังมีความคลุมเครือนั้น ว่าที่สมาชิกอาวุโสประจำสถาบัน Asia Society Policy Institute กล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญกับการเป็นคู่ค้าที่ยุติธรรมและการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก ตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมาได้มีการร่วมมือในภูมิภาคในประเด็นระดับโลกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ สภาวะสิ่งแวดล้อมทรุดโทรม รวมไปถึงภาวะโลกร้อน และในปัจจุบันได้มีการติดต่อกันระหว่างทรัมป์และเหล่าผู้นำประเทศในอาเซียน รวมถึงการติดต่อระหว่างประเทศในส่วนของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ แสดงให้เห็นว่ามีความเคลื่อนไหวขึ้นแล้ว
“การเข้ามามีส่วนร่วมในอาเซียนนั้นไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก[ของสหรัฐฯ] แต่เป็นการลงทุนที่จะส่งผลต่อผลประโยชน์แห่งชาติในระยะยาว” รัสเซลย้ำและว่า สิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่ทำได้ก็คือรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีเพื่อสานต่อไปสู่การบรรลุเป้าหมายในระดับชาติ ภูมิภาค และระดับโลก
ต่อประเด็นของการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในเกาหลีใต้โดยสหรัฐฯ นั้น รัสเซล กล่าวว่า เป็นมาตรการป้องกันภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ สหรัฐฯ และเกาหลีใต้มีการไตร่ตรองถึงระดับการป้องกันอย่างรอบคอบแล้ว โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้สร้างความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาค และสหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการด้านการป้องกัน การให้คำมั่นด้านความมั่นคงในภูมิภาคเพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งสันติภาพที่จะยังคงปฏิบัติต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ รมต. ช่วยกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ ได้ขอให้เกาหลีเหนือใช้แนวทางสันติวิธีในการสร้างความมั่นคง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับนานาชาติ ซึ่งผลประโยชน์ดังกล่าวไม่อาจจะได้มาจากการบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคฯ
สำหรับกรณีความตึงเครียดระหว่างมาเลเซียกับเกาหลีเหนือจากเหตุการณ์ฆาตกรรม คิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือในมาเลเซีย รัสเซล กล่าวว่า ความตึงเครียดดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ‘น่าเสียใจ’ ทั้งยังแสดงความเห็นใจทางการมาเลเซียและยกย่องการสืบสวนสอบสวนของมาเลเซียที่มีความเป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์สูง รัสเซลกล่าวว่า เขาเข้าใจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี และกระทรวงต่างประเทศมาเลเซียในการขับเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ กัง โชล ภายหลังมีการกล่าวหากระบวนการสืบสวนของมาเลเซีย โดยหวังให้ทั้งสองประเทศหาทางแก้ไขร่วมกันโดยเร็ว และขอให้ทางเกาหลีเหนือปล่อยผู้ถูกคุมขังชาวสหรัฐฯ ในเกาหลีเหนือด้วย