สื่อตะวันตกวิเคราะห์ เคียร์ต วิลเดอร์ส นักการเมืองขวาชาตินิยม ผู้สร้างโวหารเหยียดมุสลิม หรือที่สื่อเรียก 'ทรัมป์แห่งเนเธอร์แลนด์' จะชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้หรือไม่ หรือจริงๆ แล้วเนเธอร์แลนด์อาจมีระบบการเมืองที่แตกต่างออกไป รวมถึงวีลเดอร์สเองก็อาจอยากเป็นแค่ 'ตัวป่วน' ทางการเมือง
มาร์ก รุท (Mark Rutte) (ซ้าย) นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ผู้นำพรรค VVD
และเคียร์ต วิลเดอร์ส (Geert Wilders) (ขวา) ผู้นำพรรคขวาจัดแบบประชานิยม PVV
(ที่มา: Rijksvoorlichtingsdienst/Flickr และ Metropolico.org)
ในศึกการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 มี.ค.ที่จะถึงนี้ที่เนเธอร์แลนด์ มีการจับตามองว่า เคียร์ต วิลเดอร์ส นักการเมืองฝ่ายขวาผู้ที่สื่อบางแห่งเทียบเขาเป็น "โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งเนเธอร์แลนด์" จะสามารถชนะการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ในยุคสมัยที่ชาติตะวันตกดูเหมือนจะขวาหันจากผลการโหวต 'เบร็กซิต' (Brexit) และการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ
เคียร์ต วิลเดอร์ส เป็นนักการเมืองจากพรรคปาร์ตีฟอร์ฟรีดอมหรือพีวีวี (PVV) เขาเป็นผู้ที่นิยามตัวเองว่าเป็น "เสรีนิยมฝ่ายขวา" แต่สื่อบางแห่งก็เรียกเขาว่าเป็นพวก "ขวาจัด" ในเนเธอร์แลนด์มีทั้งกลุ่มคนที่สนับสนุนเขาและกลุ่มคนที่ต่อต้านเขา โดยที่วิลเดอร์สเป็นที่รู้จักดีในฐานะคนที่ชอบแสดงความคิดเห็นวิพากษ์อิสลาม เขาเคยถูกฟ้องร้องว่ายุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อเชื้อชาติหลังหาเสียงต่อต้านชาวโมร็อกโกในเนเธอร์แลนด์เมื่อปี 2557
ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเนเธอร์แลนด์วันที่ 15 มี.ค. นี้ ถึงแม้ผลโพลล์จะระบุว่าวีลเดอร์สมีคะแนนนิยมนำนักการเมืองอื่นๆ แต่วอชิงตันโพสต์ก็วิเคราะห์ว่ามีหลายปัจจัยที่นักชาตินิยมผู้นี้อาจจะไม่ชนะการเลือกตั้ง
วอชิงตันโพสต์ระบุถึงสิ่งที่ทำให้วีลเดอร์สถูกเปรียบเทียบกับทรัมป์จากกรณีที่เขาเคยเปรียบเทียบว่ามัสยิดเป็นเสมือน "ศาสนสถานนาซี" รวมถึงมีจุดยืนต่อต้านผู้อพยพจากกลุ่มประเทศอิสลาม วีลเดอร์สยังเคยชื่นชมชัยชนะของทรัมป์และนโยบายกีดกันการเดินทางของทรัมป์ด้วย
วีลเดอร์สยังอาศัยช่องทางสื่อฝ่ายขวาอย่าง Breitbart รวมถึงเว็บไซต์ของพรรคพีวีวีและบล็อกของตัวเองในการแสดงความคิดเห็นของเขาในท่วงทำนองเดียวกับที่ทรัมป์แสดงความคิดเห็นของตัวเองในทวิตเตอร์ อีกทั้งยังใช้วิธีรีทวีตหรือทวีตซ้ำความคิดเห็นของคนที่กล่าวถึงเขาอย่างชื่นชมเช่นเดียวกับทรัมป์ด้วย
อย่างไรก็ตามวอชิงตันโพสต์ก็ระบุว่าระบบการเลือกตั้งของเนเธอร์แลนด์ทำให้เป็นการยากที่ตัวบุคคลจะชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากอย่างเดียว
เนื่องจากประชากรชาวดัทช์ 13 ล้านคนไม่ได้ลงคะแนนเสียงให้กับนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดีโดยตรงและไม่ได้ลงคะแนนเลือกตัวแทนที่เป็นตัวบุคคลคนเดียวต่อเขต จากการที่มีการแบ่งจำนวนที่นั่งในสภาตามสัดส่วนของคะแนนโหวตโดยรวมของพรรคในระดับชาติ จากการที่เนเธอร์แลนด์มีที่นั่งในสภาสูงสุด 150 ที่นั่งทำให้ระบบการเลือกตั้งของเนเธอร์แลนด์เป็นระบบที่เน้นสัดส่วนมากที่สุด
ในการเลือกตั้งวันที่ 15 มี.ค. ที่จะถึงนี้เนเธอร์แลนด์พรรคให้เลือกมากถึง 28 พรรค จึงมีการประเมินว่ามีราว 11-15 พรรค เท่านั้นที่จะได้ที่นั่งในสภา
หลังจากที่มีการแบ่งส่วนที่นั่งในสภาแล้วผู้แทนในสภาจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร แต่การที่จะได้รับการสนับสนุนจากส.ส. อย่างน้อยครึ่งหนึ่งในสภาคือ 75 ราย หัวหน้าพรรคการเมืองจะต้องทำข้อตกลงนโยบายและเสนอชื่อแต่งตั้งรัฐบาลให้พรรคอื่นๆ ด้วย โดยการหารือในเรื่องนี้โดยเฉลี่ยแล้วกินเวลาถึง 3 เดือน
มีการประเมินอีกว่าเป็นไปได้ที่จะมีแค่ 2 พรรคการเมืองเท่านั้นที่จะได้รับที่นั่งในสภามากกว่า 20 ที่นั่ง คือพรรคพีวีวีของวีลเดอร์ส และพรรคฟรีดอมแอนดเดโมเครซีหรือวีวีดี (VVD) ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์มีจุดยืนสนับสนุนกลุ่มธุรกิจ แต่การจะจัดตั้งรัฐบาลได้ต้องอาศัยพรรคอื่นๆ เป็นแนวร่วมและการสนับสนุน แต่มีความเป็นไปได้สูงมากที่พรรคใหญ่อื่นๆ ในเนเธอร์แลนด์จะปฏิเสธไม่ยอมร่วมมือกับพีวีวี
นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของเนเธอร์แลนด์ มาร์ค รุตต์ แห่งพรรควีวีดี มีพรรคที่เขาอยากให้ร่วมมือด้วยอยู่แล้วคืออดีตพันธมิตรพรรคตั้งแต่ปี 2553 อย่างพรรคคริสเตียนเดโมเครติคอะไลอันซ์หรือซีดีเอ (CDA) และพรรคสายก้าวหน้าอย่าง D66 ที่สนับสนุนการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกัน การให้คนเลือกจบชีวิตอย่างไม่เจ็บปวดได้ การค้าบริการทางเพศถูกกฎหมาย และการปลูกกัญชา ซึ่งทั้งสองพรรคหลังในปัจจุบันเป็นพรรคขนาดกลาง โดยพรรคแนวร่วมเหล่านี้มีพันธกรณีต่อการสร้างงานเพิ่มมากขึ้น
อีกพรรคหนึ่งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเนเธอร์แลนด์คือพรรคแรงงานหรือพีวีดีเอ (PvdA) วอชิงตันโพสต์ประเมินว่าพรรคนี้จะแพ้การเลือกตั้งอย่างมโหฬาร มีผลโพลล์ระบุว่าฝ่ายผู้สนับสนุนพรรคแรงงานผิดหวังที่พรรคแรงงานยอมรอมชอมกับพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างวีวีดีหลังจากทำงานด้วยกันในรัฐบาล 5 ปี นอกจากนี้ยังมีพรรคฝ่ายซ้ายอีก 2 พรรคคือพรรคกรีนและพรรคสังคมนิยมที่ต่อต้านอียูและต่อต้านโลกาภิวัตน์ได้รับการประเมินว่าน่าจะไปได้ดีในการเลือกตั้งครั้งนี้
วอชิงตันโพสต์ประเมินความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นสามทาง หนึ่ง คือได้รัฐบาลเป็นกลุ่มแนวร่วมที่ต่อต้านทั้งรุตต์และวีลเดอร์สจากพรรคการเมืองอย่างน้อย 6 พรรค สอง คือรุตต์ถอนคำมั่นก่อนหน้านี้แล้วนำวีลเดอร์สเข้าร่วมรัฐบาล สาม คือรุตต์เสนอจัดตั้งรัฐบาลพรรคแนวร่วมอนุรักษ์นิยมที่ได้คะแนนเสียงมากพอจนไม่ต้องพึ่งพรรคพีวีวี
แม้ไม่ชนะการเลือกตั้ง ก็ส่งอิทธิพลไปแล้วก่อนการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามวอชิงตันโพสต์มองว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร เนเธอร์แลนด์ก็มีแนวโน้มเปลี่ยนไปในทางชาตินิยม การใช้โวหารชาตินิยมของพรรคพีวีวีส่งอิทธิพลทำให้พรรคอื่นทำตาม โดยที่สมาคมนักกฎหมายของเนเธอร์แลนด์เปิดเผยว่าพรรคการเมืองพรรคใหญ่ทั้ง 5 พรรคต่างก็แสดงออกในเชิง "กีดกันอย่างเปิดเผย" ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญของเนเธอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคซีดีเอที่แง้มว่าจะออกจากสหภาพยุโรป พรรคแรงงานที่หัวหน้าพรรคเรียกร้องให้ "ภาคภูมิใจในความเป็นเนเธอร์แลนด์อีกครั้ง"
พรรควีวีดีในช่วงที่เป็นรัฐบาลก็ออกกฎหมายจำกัดการปกคลุมศีรษะในที่ต่างๆ อย่างโรงเรียน ขนส่งสาธารณะ สถานพยาบาล และอาคารรัฐบาล รุตต์ยังเสนอว่าจะออกกฎเข้มงวดขึ้นกับเรื่องผู้อพยพด้วย
ทั้งนี้ยังมีเรื่องของผลโพลล์ในเนเธอร์แลนด์ที่ทำให้คาดเดาไม่ได้จากในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้วพรรคสังคมนิยมมีคะแนนนำในโพลล์แต่คะแนนการเลือกตั้งได้ที่ 4 นอกจากนี้ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้มีประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งหน้าใหม่ร้อยละ 6.6 แต่พวกเขาไม่ชอบพรรควีวีดีที่เป็นพรรคกระแสหลักเลย มีนักวิจัยมองว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์เข้าใจความซับซ้อนของระบบการเมืองของพวกเขาดีและจะเลือกตั้งโดยคำนึงถึงเรื่องนี้จึงเป็นสาเหตุให้การสนับสนุนพรรคสังคมนิยมและพรรคพีพีวีลดลงในการเลือกตั้งปี 2555
วอชิงตันโพสต์สรุปว่าไม่ว่าวีลเดอร์สจะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเนเธอร์แลนด์หลังการเลือกตั้งนี้ด้วยหรือไม่ เขาก็ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ทางความคิดไปแล้ว แต่ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่ากระแสชาตินิยมที่เกิดขึ้นในอังกฤษและสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ด้วยหรือไม่
หรือเป็นนักการเมืองสายประท้วงมากกว่าอยากอยู่ในสภา?
ถึงแม้ว่าฝ่ายขวาในต่างประเทศจะอ้างใช้แนวคิดชาตินิยมจัดในการหาเสียงให้ตัวเองแต่ส่วนหนึ่งพวกเขาแสดงออกให้ตัวเองดูเหมือนว่ากำลังต่อต้านชนชั้นนำทางการเมืองด้วย วีลเดอร์สก็เป็นหนึ่งในนั้น อ้างว่าจะประกาศอิสรภาพจาก "พวกชนชั้นนำในกรุงเฮก" แต่ขณะเดียวกันก็ให้สัญญาว่าจะทำให้ประเพณีนิยมแบบยิว-คริสเตียน กลับมามีอำนาจนำในรัฐธรรมนูญเนเธอร์แลนด์
วีลเดอร์สยังถูกมองว่าเป็นพวก "ป่วน" การถกเถียงทางการเมืองของเนเธอร์แลนด์ในแบบที่ทรัมป์เคย "ป่วน" สหรัฐฯ แต่บทความในสื่อเดอะการ์เดียนก็ระบุว่ามันเป็นแค่เรื่องภายนอกเท่านั้น ขณะที่ทรัมป์เข้าสู่การเมืองสหรัฐฯ ในแบบ "คนนอก" วีลเดอร์สอยู่ในสภาเนเธอร์แลนด์มา 19 ปีแล้ว
เดอะการ์เดียนระบุถึงประวัติของวีลเดอร์สว่าเป็นคนที่เกิดและเติบโตในเมืองเวนโล ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมในจังหวัดลิมบูร์กที่มีศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกมีอิทธิพล พ่อของเขาเคยเป็นคนที่ต้องหนีไปซ่อนตัวในช่วงที่นาซียึดครองเนเธอร์แลนด์ แม่ของเขาก็เกิดในครอบครัวอาณานิคมดัทช์อีสต์อินดีที่ปัจจุบันเป็นประเทศอินโดนีเซีย พอลพี่ชายของเขาเคยบอกกับสื่อเยอรมนีเดอสปีเกลว่าวีลเดอร์สในช่วงวัยรุ่นเป็นคน "เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและก้าวร้าว"
ในทางการเมืองวีลเดอร์สเข้าสู่การเมืองโดยการเป็นสมาชิกพรรควีวีดีก่อนแต่อยู่ในสายของพวกฝ่ายขวาที่ไม่ไว้ใจสหภาพยุโรปเขาเข้าสู่สภาได้ในปี 2541 และออกนโยบายตัดสวัสดิการผู้คนที่ลางานด้วยสาเหตุทางจิตเวช วีลเดอร์สเริ่มสวมบทบาทของนักการเมืองต่อต้านมุสลิมต่อจากพิม ฟอร์ไตน์ หลังจากที่ฟอร์ไตน์ถูกยิงเสยชีวิตโดยนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในปี 2545
ในปี 2553 พรรคพีวีวีชนะที่นั่งในสภาได้ 24 ที่นั่ง แต่วีลเดอร์สปฏิเสธไม่ร่วมจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคเดิมของเขาคือวีดีดีที่นำโดยรุตต์ แต่ยอมเป็นพวกพรรคแนวร่วมเสียงข้างน้อยในสภาเพื่อแลกกับการมีปากเสียงในนโยบายที่เกี่ยวกับผู้อพยพและการรับผู้ลี้ภัย แต่หน้าท่ต่างๆในการดูแลเรื่องผู้อพยพแลัผู้ลี้ภัยกลับตกไปอยู่ในมือของเกิร์ด เลียร์ แห่งพรรคซีดีเอ ซึ่งเลียร์เองก้มองว่าตัวเขาถูกเอามาสกัดกั้นวีลเดอร์ส
ในช่วงหลายปีมานี้วีลเดอร์สก็เริ่มเพิ่มความหนักข้อในโวหารแบบต่อต้านมุสลิมมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นเสนอให้สั่งห้ามทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอิสลามทั้งมัสยิด โรงเรียนศาสนาอิสลาม คัมภีร์อัลกุรอาน และยับยั้งไม่ให้มีผู้อพพยพชาวมุสลิมเข้าประเทศ
แต่ในอีกมุมหนึ่งฟิลิป วอง ปราก ศาตราจารย์รัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมก็มองว่าวีลเดอร์สมีสไตล์ทางการเมืองและการอภิปรายที่หลุดกรอบออกมาจากพรรคการเมืองส่วนใหญ่ แล้วพรรคการเมืองอื่นๆ ก็เริ่มปรับจุดยืนตามวีลเดอร์สไปบ้างไม่มากก็น้อยในกรณีเรื่องผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ และการเรียนภาษาดัทช์
อย่างไรก็ตามพรรคของวีลเดอร์สไม่มีโครงสร้างที่เป็นทางการ ในพรรคมีเขาเป็นสมาชิกอยู่คนเดียว และไม่ค่อยปรากฏในการเลือกตั้งท้องถิ่น นักการเมืองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาก็เป็นไปในลักษณะตื้นๆ ทำให้เดอะการ์เดียนมองว่าถึงแม้วีลเดอร์สจะได้รับความนิยมแต่ก็ไม่สามารถสร้างการเคลื่อนไหวแบบทรัมป์ได้ อาจจะเป็นเหตุผลหนึงที่ทำให้วีลเดอร์สดูเหมือนเป็นนักการเมืองสายประท้วงมากกว่าจะต้องการเข้าไปอยู่ในสภาจริงๆ
เดอะการ์เดียนประเมินว่าถึงแม้ว่าวีลเดอร์สจะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นชั่วคราวในช่วงที่เขาถูกตัดสินคดีเหยียดเชื้อชาติเพราะชาวดัทช์เชื่อว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของเขา อย่างไรก็ตามในการสำรวจล่าสุดพบว่าข้อได้เปรียบตรงนี้ของวีลเดอร์สไม่มีอยู่แล้ว เขาอาจจะไม่ได้คะแนนอยู่ในสองอันดับแรกด้วยซ้ำ เขาคงจะได้รับบทบาทเป็นตัวนำฝ่าย "ป่วน" การเมืองต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)