Skip to main content
sharethis

พล.อ.ประวิตร ระบุให้กองทัพเรือออกมาชี้แจงปมซื้อเรือดำน้ำจากจีน สวนยิ่งลักษณ์ ชี้เอาเงินที่เสียหายจากรับจำนำข้าวมาซื้อเรือดำน้ำจะซื้อได้ประมาณ 50 ลำ เผยกองทัพเรือเสนอแผนงานจัดซื้อมาแล้ว 10 - 20 ปี กิตติรัตน์ ชี้จำนำข้าวสร้างความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเกิดจากกลไกของตัวทวีคูณ

28 เม.ย.2560 กลายเป็นประเด็นโต้กันไปมาระหว่างการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนกับโครงการรับจำนำข้าว เริ่มจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้ออกมากล่าวหาถึงโครงการรับจำนำข้าวว่าทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณจำนวนมาก ต้องมาผ่อนชำระ ชดใช้หนี้ต่างๆ ในระบบการเงินการคลังของประเทศ ต่อมาวานนี้ (27 เม.ย.60) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของตนตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า การใช่วาระลับในการอนุมัติจัดซื้อเรือดน้ำดังกล่าว ทำให้ไม่มีการเปิดโอกาสให้หน่วยงานหรือสาธารณชนร่วมตรวจผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินที่ต้องมีภาระคำนึงถึงความจำเป็น ความเหมาะสมความคุ้มค่าและการเปรียบเทียบราคาอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทางราชการและประเทศชาติ และยังเป็นการใช้ภาระงบประมาณสูง ผูกพันหลายปีงบประมาณจนเป็นภาระหนี้ให้กับรัฐบาลถัดๆ ไปในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก 

ล่าสดวันนี้ (28 เม.ย.60) มติชนออนไลน์และเนชั่นที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสการโจมตีการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า คงไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มไปมากกว่านี้อีกแล้ว ต้องให้กองทัพเรือได้ออกมาชี้แจง

ต่อกรณีที่ยิ่งลักษณ์ โพสต์เฟซบุ๊กโดยนำประเด็นดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับโครงการจำนำข้าวนั้นเป็น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในส่วนของเรื่องจำนำข้าว ถามว่าเสียหายไปกี่แสนล้าน แต่ในส่วนของเรือดำน้ำซื้อหมื่นกว่าล้าน ถ้าเอาเงินที่เสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวมาซื้อเรือดำน้ำจะซื้อได้ประมาณ 50 ลำ

“คุณยิ่งลักษณ์ก็พูดไป แต่เรื่องเรือดำน้ำที่ซื้อมาก็เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งให้กับกองทัพ เป็นเรื่องการพัฒนาของกองทัพ ผมไม่เห็นว่าเสียหายตรงไหน เสียเงินไปแต่ก็ได้ของมา แต่โครงการจำนำข้าวเงินหายไปหมด ไปไม่ถึงตัวประชาชน แล้วเงินหายไปไหน ขาดทุน 5 แสนกว่าล้าน อยากให้คุณยิ่งลักษณ์ไปตอบพนักงานสอบสวน ไม่ต้องออกมาแบบนี้ ผมก็ชัดเจนในทุกเรื่องที่ทำไป ทำเพื่อความเข้มแข็งและศักยภาพของประเทศ ไม่ใช่ทำเพื่อใครเลย” พล.อ.ประวิตรกล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กองทัพเรือได้เสนอแผนงานมานานแล้ว ประมาณ 10 ถึง 20 ปี เพื่อพยายามที่จะซื้อ ซึ่งตนมองว่าไม่เห็นมีปัญหาและไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย เรือดำน้ำเราซื้อมาเพื่อนำไปใช้ดูแลทรัพยากร 5-6 ล้านที่อยู่ในฝั่งอันดามัน 200 ไมล์ทะเล เหตุผลตรงนี้แต่ไม่พูดกัน ไปพูดอะไรบ้าๆ บอๆ อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือจะออกมาชี้แจงเรื่องโครงการเรือดำน้ำในเร็ววันนี้ อย่างช้าที่สุดก็ไม่เกินวันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคมนี้ กองทัพเรือออกมาแถลง ซึ่งเขามีคณะกรรมการกว่า 30 คน ให้ไปถามในวันนั้น

ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการล็อกสเปกจากผู้มีอำนาจให้ซื้อของจีนนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใครจะพูดอะไรก็พูดได้ มีหลักฐานหรือไม่ ข้อมูลมาจากใครก็ไม่รู้ ยืนยันตัวตนไม่ได้ ซึ่งตนก็อยากจะพูดว่า เหมือนอย่างสุนัขเห่า ถามว่ารู้หรือไม่ว่าสุนัขมันเห่าใคร สื่อก็ไม่รู้

สำหรับกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น รองนายกฯประวิตรกล่าวว่า อยากยื่นก็ยื่นไป ก็ไม่เป็นไร ก็ได้หมด ซึ่งทาง สตง.ก็ต้องเรียกกองทัพเรือไปชี้แจง ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทุกอย่างโปร่งใส การซื้อขายก็เป็นแบบจีทูจี ทุกอย่างไปพูดกันเองหมด พร้อมทั้งยืนยันว่าคนเหล่านี้ไม่มีใครไปสั่งอะไรได้ เขาต้องนำเรือดำน้ำของประเทศต่างๆ มาเปรียบเทียบทั้งหมด และทำไปตามสเปก ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอให้เลิกพูดกันได้แล้วเรื่องเรือดำน้ำ

กิตติรัตน์ ยัน ‘จำนำข้าว’ คุ้มค่าทั้งทางเศรษฐกิจ-สังคม ผ่านตัวทวีคูณ

ทั้งนี้โครงกาจำนำข้าวนั้น กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจไว้ตั้งแต่ 10 ก.ย.58 ว่า เป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ที่มุ่งดูแลชาวนาที่เป็นกระดูกสันหลังที่กำลังผุกร่อนของชาติ โดยมีจำนวนชาวนาที่ได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมของโครงการฯ จำนวนถึงกว่า 3.7 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นประชากรกว่าร้อยละ 23 ของประชากรทั้งประเทศ การรับจำนำข้าวในราคาที่ถูกกล่าวหาว่าสูงเกินสมควรนั้น ถือว่าไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับต้นทุนการผลิต และรายได้สุทธิ ที่พวกเขาชาวนาผู้มีพระคุณของเราควรได้รับ แม้ว่า นโยบายสาธารณะที่สำคัญนี้จะต้องจัดสรรงบประมาณรายปี เข้าชดเชยโครงการฯ ที่ดูเหมือนจะมากสักหน่อย ก็ยังอยู่ในกรอบเพียงประมาณร้อยละ 5 ของงบประมาณประจำปีเท่านั้น จึงเป็นโครงการที่คุ้มค่าเพราะสามารถช่วยกลุ่มคนรายได้น้อยที่สุดในภาคเกษตรกรรม ได้ถึงร้อยละ 23 ให้พอลืมตาอ้าปากได้ ตัวเลขห้าแสนล้านที่ถูกหยิบขึ้นมากล่าวอ้างราวกับว่าเป็นภาระความเสียหายนั้น แท้ที่จริงเป็นเพดานเงินหมุนเวียน ที่ใช้ดูแลโครงการฯ มาแล้วถึง 5 ฤดูการผลิต โดยยังมีข้าวในคลังที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป การระบายข้าวที่มีความล่าช้าเกินสมควรจนเกิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มเติมขึ้นมานั้น รัฐบาลนี้ควรตรวจสอบการดำเนินงานว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้การระบายข้าวของโครงการฯ มีความล่าช้าเป็นอย่างมากในช่วงระยะเวลาปีเศษที่ผ่านมา และเดาว่าทีมเศรษฐกิจชุดเดิมคงไม่เคยใส่ใจที่จะอธิบายถึงประโยชน์ และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากกลไกของตัวทวีคูณ (Multiplier Effect) ผ่านหลักการการบริโภคเมื่อรายได้ดีขึ้น (Marginal Propensity to Consume) ทำให้เศรษฐกิจรวมของประเทศ ขยายตัวได้ปีละกว่า 3 แสนล้านบาทในปี 2555 ถึงปี 2556 หรือคิดเป็น ร้อยละ 2.7 ถึง 2.8 ของ GDP ของประเทศ

ซึ่งแปลว่าผู้คนทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจล้วนได้รับประโยชน์โดยถ้วนทั่ว โครงการรับจำนำข้าวเปลือก เป็นโครงการที่ดี และมีความคุ้มค่าทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม ภายใต้การบริหารการเงินและการคลังที่มีวินัยอย่างดี ทั้งในประเด็นระดับหนี้สาธารณะ และการบริหารงบประมาณของรัฐบาล

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net