Skip to main content
sharethis

รองปลัดฯยุติธรรม ปล่อย 'แพะ' หลังถูกจำคุกทั้งคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น-ร่วมกันค้ายาเสพติด โดยบงการมาจากในคุก แต่ศาลได้ยกฟ้องไม่เชื่อคำฟ้องของโจทก์ เหตุมีพยานหลักฐานเป็นพยานบุคคลน่าเชื่อถือ และด้านวิทยาศาสตร์ที่ขัดแย้งกับผู้ฟ้อง

26 พ.ค. 2560 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ดุษฏี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนดีเอสไอ และ ประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง ทนายความและเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี ได้เบิกตัว วรวิทย์ สินทองน้อย อายุ 30 ปี ชาวบ้านเมืองใหม่  อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี หลังศาลจังหวัดเดชอุดมมีคำพิพากษายกฟ้องในข้อหาร่วมกันสมคบคิดกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เนื่องจากศาลไม่เชื่อพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สภ.เดชอุดม ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องตามคดีหมายเลขดำที่ 1941/2559 ลงวันที่ 24 ส.ค. 2559 แต่เชื่อในหลักฐานของฝ่ายจำเลยที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ผู้บัญชาการเรือนจำกลาง รวมทั้งหลักฐานแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ที่มาสนับสนุน ศาลจึงเชื่อว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องจริง จึงตัดสินให้ยกฟ้องจำเลยและให้ปล่อยตัว

การปล่อยตัวครั้งนี้ มี แดง สินทองน้อย มารดาและญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนบ้านจำนวนกว่า 50 คน มารอรับวรวิทย์บริเวณประตูหน้าห้องควบคุม
 
ผู้จัดการรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติมว่า คดีความดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อปี 2553 วรวิทย์ พร้อมวัยรุ่นวัยเดียวกันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เดชอุดม จับกุมข้อหาร่วมกันใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 ต.ค. 2553 บนถนนสาธารณะบริเวณข้างโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอเดชอุดม ซึ่งมีการจัดชกมวยการกุศล ต่อมาถูกจับดำเนินคดีพร้อมกับกลุ่มวัยรุ่นรวม 6 คน และเมื่อเดือนธันวาคม 2554 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้จำคุกวรวิทย์ตลอดชีวิต ส่วนกลุ่มวัยรุ่นถูกตัดสินลดหลั่นกันลงมา
 
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559 ศาลฎีกาได้ตัดสินให้ยกฟ้อง วรวิทย์ เพราะมีเหตุผลขัดแย้งด้านวิถีกระสุนและระยะทางการยิงกับจุดที่ วรวิทย์ ยืนอยู่ ซึ่งได้รับการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แต่ วรวิทย์ กลับไม่ได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากถูกพนักงานสอบสวนขออายัดตัวในความผิดร่วมกันสมคบคิดกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ขณะถูกจองจำอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี จากคำซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกชุดสืบสวน สภ.เดชอุดม จับกุมได้ โดยระบุว่า วรวิทย์ เป็นผู้โทรศัพท์สั่งการจากภายในเรือนจำให้ผู้ต้องหาไปรับยาบ้าและนำยาบ้าไปมอบให้ผู้ซื้อ จนถูกจับได้ 
 
ภายหลัง วรวิทย์ ถูกอายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อ ทางครอบครัวได้ประสานให้ ประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง เป็นทนายความแก้ต่างให้ และ ประสิทธิ์ศักดิ์ มีการประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ได้ตามพิสูจน์ในคดีฆ่าผู้อื่นจนศาลฎีกากลับคำพิพากษา รวมทั้งมีการสืบเสาะจนได้ความว่าเรือนจำกลางอุบลราชธานี เป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง มีอุปกรณ์ใช้ตัดสัญญาณการใช้โทรศัพท์ ที่สำคัญระหว่างถูกควบคุม วรวิทย์ ไม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับคดียาเสพติดมาก่อน รวมทั้งจากการสอบถามเพื่อนบ้านก็ไม่พบพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวยาเสพติดเช่นกัน จึงได้นำพยานบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมทั้งหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์เสนอให้ศาลพิจารณา จนศาลเชื่อถือในหลักฐานและมีคำสั่งยกฟ้องและให้ปล่อยตัว วรวิทย์ พ้นจากการควบคุมเมื่อเย็นวันนี้ หลังต้องเป็นแพะถึงสองครั้งสองคราวต้องติดอยู่ในคุกนานถึง 7 ปี
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net