จรัลแปะรูปนักโทษมาตรา 112 ที่อนุสาวรีย์สาธารณรัฐ ที่ จตุรัสสาธารณรัฐ ปารีส วันที่ 22 พ.ค. 58 ภาพโดย ดิน บัวแดง
จรัล อธิบายเพิ่มเติมว่าตนยังมีเชื้อชาติไทย แต่สัญชาติเป็นเรื่องรัฐ และชาติไทยที่ผ่านมาไม่ได้เป็นของประชาชนแต่เป็นของผู้ปกครอง เพราะฉะนั้นมีหรือไม่มีไม่ได้หมายความว่าเราเสียชาติ
ประการที่สอง ฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐที่เน้นคุณค่าความเป็นพลเมือง ตอนมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยก็ได้รับการอบรมคุณค่าและหลักการดังกล่าว ประการที่สาม ตนลี้ภัยมา ก็เพราะว่ารัฐบาลเผด็จการมีหมายจับ มีคดีทั้งหมด 6 คดี และเมื่อก่อนตนนักปฏิวัติในเมื่อก่อน ปัจจุบันเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถ้าอยู่เมืองไทยก็คงติดคุกแล้ว แม้สมัยก่อนติดคุกจะเป็นการต่อสู้อย่างหนึ่ง แต่สมัยนี้มันไม่เข้มข้นขนาดนั้นแล้ว ดังนั้นการอยู่ต่างประเทศก็สามารถเคลื่อนไหวทางสากลง่ายขึ้น ไปไหนมาไหนไม่ต้องขอวีซ่า
สำหรับกรณีถูกโจมตีว่าตนไม่รักชาติไทยนั้น จรัล กล่าวว่า ตนเป็นนักสากลนิยม ความสำนึกเป็นนักสากลนิยม ตอนอยู่ในป่าต่อสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีสหายหลายคนถามถามกับตน ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อ สหายชัย ว่า ถ้าการปฏิวัติชนะแล้วจะทำอะไร ตนก็ยืนยันมาตลอดว่าจะไปปฏิวัติประเทศอื่น คือไม่ได้ผูกพันกับชาติ
จรัล เล่าถึงสถานการณ์การเมืองในไทยให้นักศึกษาฝรั่งเศสที่มาสังเกตการณ์การชุมนุม ที่ จตุรัสสาธารณรัฐ ปารีส 22 พ.ค. 58 ภาพโดย ดิน บัวแดง
จรัล อธิบายกระบวนการขอสัญชาติเบื้องต้นด้วยว่า การขอสัญชาติสำหรับผู้ลี้ภัยสามารถขอได้ทันที ถ้าเป็นคนทั่วไปถ้าแต่งงานกับคนฝรั่งเศส ต้องใช้เวลา 3 ปีขึ้นไป และถ้าเป็นคนธรรมดาต้องอยู่มากกว่า 5 ปี อย่างไรก็ตามการเป็นผู้ลี้ภัยกระบวนการยาวนานมาก โดยทั่วไป 2 ปี แต่ตน 1 ปี 9 เดือน เพราะว่ามันขาดเอกสารที่เป็นต้นฉบับ รวมทั้งการทดสอบด้านภาษาที่ตนมีความรู้ด้านนี้อยู่แล้วเนื่องจากเคยเรียนที่นี่ สำหรับสถานะผู้ลี้ภัยเขาให้ 10 ปี สำหรับการอยู่ แล้วก็ต้องต่อสถานะผู้ลี้ภัยไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นสัญชาตินั้นจะได้รับการคุ้มครองจากรัฐที่นี่ดีกว่า แต่ถ้าเป็นการคุ้มครองสากลการเป็นผู้ลี้ภัยจะดีกว่าเพราะจะได้รับการคุ้มครองจากประเทศที่ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย