งานขายอสุจิคัดเกรดตามวุฒิ-ส่วนสูงไม่มีจริง-ต้นทางจากปั๊มเพจอ้างชื่อทนายดัง

ประกาศรับซื้ออสุจิให้ราคาตามส่วนสูง วุฒิการศึกษาของเจ้าของอสุจิไม่มีจริง ตรวจพบชื่อ-เบอร์โทรตรงกับทนายความชื่อดังที่เคยตกเป็นข่าวถูกแอบอ้างชื่อปั๊มเพจธุรกิจนับร้อยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 นอกจากนี้ยังผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ห้ามเสนอซื้อขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน และยังกำหนดเงื่อนไขการผสมเทียมโดยใช้อสุจิว่าต้องเป็น "อสุจิของผู้บริจาค" เท่านั้น

2 ธ.ค. 2560 กรณีที่เมื่อคืนวานนี้ (1 ธ.ค.) เวลา 19.54 น. ในเพจ "งาน part time หางานพาร์ทไทม์ในกรุงเทพ งานพิเศษทั่วประเทศ" ลงประกาศ "งานขายอสุจิ ราคาจ่ายตามปริมาณ (นับเป็นซีซี)" โดยตั้งราคารับซื้อจำแนกตามส่วนสูง สีผิว และวุฒิการศึกษาของเจ้าของอสุจิ

โดยตั้งราคาที่รับซื้ออสุจิเพศชาย สูง 150 ซม. ซีซีละ 700 บาท สูง 165 ซม. ซีซีละ 900 บาท สูง 180 ซม. ซีซีละ 1,200 บาท และมีการจ่ายค่าตอบแทนเพิ่ม หากมีผิวขาว ให้เพิ่มซีซีละ 300 บาท อสุจิเพศชาย จบปริญญาตรี เพิ่มซีซีละ 200 บาท จบปริญญาโท ซีซีละ 400 บาท และจบปริญญาเอกเพิ่ม ซีซีละ 1,000 บาท

ข้อความที่อ้างเป็นประกาศรับซื้ออสุจิ (ที่มา: Facebook/PartTimethaibangkok)

ในประกาศยังระบุคุณสมบัติว่าต้องเป็นอสุจิแท้ไม่ผสมน้ำ ปลอดภัยจากโรคทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิด นำอสุจิของตัวเองผสมกับอสุจิของคนอื่นก็ได้ นอกจากนี้ยังอวดอ้างว่า อสุจิของผู้ที่สูงต่ำกว่า 165 ซม. จะนำไปทำเครื่องสำอาง ส่วนอสุจิของผู้ที่สูงมากกว่า 165 ซม. จะเอาไปเข้าธนาคารอสุจิ โดยในประกาศอ้างว่าเป็นธนาคารอสุจิเอกชนรายแรกของประเทศไทย

ในประกาศระบุว่าให้โทรศัพท์มาในเบอร์ที่ประกาศ "เพื่อนัดคิว ในการทำธุรกิจ เกรดนี้ ส่งคลีนิค (ต้องสด)" พร้อมยังชวนผู้สนใจที่อยู่ต่างจังหวัดว่า "นั่งรถเข้ามา หากคุณเกรด165+ ผมว่าคุ้ม ใช้เวลาในการทำธุรกิจไม่นาน หากส่งไปรษณีย์มา เกรดไหนก็ลงเกรดรวมหมด (เพราะไม่สด)" ฯลฯ

โดยจนถึงเวลา 00.30 น. ของวันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวพบว่าประกาศดังกล่าวยังคงอยู่ในเพจ โดยมีผู้แชร์ไปแล้วมากกว่า 4,400 ครั้ง

 

พบพิรุจข้อความมาจากเพจปั๊มอ้างชื่อทนายดัง-เนื้อหาเหมือนปี 57

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่าไม่น่าจะเป็นประกาศสมัครงานจริง โดยเมื่อตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และชื่อผู้ลงประกาศ พบว่าเป็นการอ้างชื่อทนายความชื่อดัง ผู้ใช้ชื่อว่า "ทนายธาตรี" (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายนปี 2557 เคยตกเป็นข่าวถูกแอบอ้างชื่อเปิดเพจประกอบธุรกิจต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตนับร้อยเพจ รวมทั้งเพจอวดอ้างรับจัดหาสุนัขสำหรับร่วมเพศ จนสื่อมวลชนอย่างเดลินิวส์นำไปรายงานข่าวทั้งในเว็บไซต์และในฉบับพิมพ์ โดยตีพิมพ์เป็นข่าวหน้าหนึ่ง และไม่สามารถแก้ไขได้ทันเมื่อมาทราบภายหลังว่าเป็นการอำ

โดยเมื่อคัดลอกข้อความที่ลงประกาศเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปีนี้ ก็จะพบว่ามีข้อความเชิญชวน ราคา เงื่อนไข ฯลฯ เหมือนกับข้อความที่เคยลงประกาศในเพจแอบอ้างเมื่อเดือนธันวาคมปี 2557

และเมื่อเวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุในประกาศ คือ 081-559XXXX และ 081-912XXXX ก็พบว่ากลายเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่เปิดให้บริการไปแล้วเช่นกัน

 

ซื้อขายอสุจิผิดกฎหมาย เงื่อนไขการผสมเทียมต้องเป็นอสุจิบริจาค

นอกจากนี้ หากมีงานรับซื้ออสุจิจริง ก็ไม่น่าจะถูกกฎหมายตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 41 ระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นําเข้า หรือส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน"

ในมาตรา 20 กำหนดเงื่อนไขของการผสมเทียมโดยใช้อสุจิว่าเป็น "อสุจิของผู้บริจาค" และการผสมเทียม "ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายที่ประสงค์ให้มีการผสมเทียม"

และในมาตรา 19 ยังปิดทางไม่ให้ผู้หญิงโสดผสมเทียมด้วย เพราะระบุเงื่อนไขว่า "การผสมเทียมต้องกระทําต่อหญิงที่มีสามีที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับการผสมเทียมที่แพทยสภาประกาศกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ"

นอกจากนี้ในมาตรา 29 ยังระบุว่าเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ " เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งประสงค์จะมีบุตร" และเจ้าของอสุจิ รวมทั้งไข่ ไม่ใช่บิดามารดา โดยในมาตราเดียวกันนี้ระบุว่า "...ชายหรือหญิงที่บริจาคอสุจิหรือไข่ ซึ่งนํามาใช้ปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนเพื่อการตั้งครรภ์หรือผู้บริจาคตัวอ่อนและเด็กที่เกิดจากอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนที่บริจาคดังกล่าว ไม่มีสิทธิและหน้าที่ระหว่างกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยครอบครัวและมรดก" (อ่านกฎหมาย)

 

การแพทย์ไทยปกปิดข้อมูลต้นทาง-ปลายทางการบริจาคอสุจิ

อนึ่งในรายงานข่าว "ฝันสลาย! สาวโสดอยากมีลูก หมดสิทธิ์ขอบริจาคสเปิร์ม มัดมือชก บีบมีผัว" เผยแพร่ในไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 ศ.เกียรติคุณ นพ.สมบูรณ์ คุณาธิคม อดีตประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุเรื่องคลังอสุจิหรือธนาคารสเปิร์มในประเทศไทยว่า เหลือแต่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีธนาคารสเปิร์ม หรือในโรงเรียนแพทย์ โดยนอกจากจะเก็บเชื้ออสุจิของผู้บริจาคแล้ว ยังสามารถเก็บเชื้ออสุจิแช่แข็งไว้เพื่ออนาคตจะไปฉีดให้กับภรรยาหรืออนาคตภรรยาได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายไม่กี่่ร้อยบาท

ส่วนเรื่องการบริจาคอสุจิ นพ.สมบูรณ์ระบุว่า ถือว่ามีคนบริจาคน้อย เพราะคนที่ยินดีบริจาคจริงๆ ลดน้อยลง ถึงขนาดที่ว่า ขอร้องกันแล้วขอร้องกันอีก โดยโรงเรียนแพทย์จะขอรับบริจาคได้กว้างขวางกว่า บางคนอยากบริจาคเพื่อการกุศล บางคนบริจาคเพื่อต้องการช่วยเหลือ หรือบางครั้งต้องขอร้องนักศึกษาแพทย์ให้มาช่วยคนไข้ สาเหตุที่ไม่ค่อยมีผู้บริจาค เพราะต้องถูกสอบประวัติ เจาะเลือดตรวจว่าไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ทั้งนี้อสุจิบริจาค ผู้บริจาคจะไม่รู้ว่าโรงพยาบาลจะไปมอบให้กับใคร ขณะที่คนรับบริจาคก็ไม่ทราบเช่นกันว่า อสุจินี้เป็นของใคร เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องเปิดเผยเหมือนในบางประเทศ อย่างเยอรมนีมีกฎหมายบังคับว่าเด็กที่เกิดจากอสุจิบริจาค เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว แพทย์จะต้องบอกเด็กว่าเกิดจากอสุจิของใคร (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

กรณีทนายดังถูกเล่นงาน-เพราะว่าความคดีรถชนร้านสเต๊กจนเจ้าของเสียชีวิต

สำหรับกรณีของทนายธาตรี ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายนปี 2557 เขาตกเป็นข่าวถูกแอบอ้างชื่อเปิดเพจประกอบธุรกิจต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตนับร้อยเพจ โดยแอบอ้างว่าประกอบธุรกิจประเภทต่างๆ รวมทั้งเพจอวดอ้างรับจัดหาสุนัขสำหรับร่วมเพศ จนสื่อมวลชนอย่างเดลินิวส์นำไปรายงานข่าวทั้งในเว็บไซต์และในฉบับพิมพ์ โดยตีพิมพ์เป็นข่าวหน้าหนึ่ง

อย่างไรก็ตามเมื่อเพจที่เผยแพร่ข้อความแอบอ้างดังกล่าวเฉลยว่าเป็นการอำในเวลา 00.34 น. ของวันถัดไป ปรากฏว่าหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ทัน เนื่องจากหนังสือพิมพ์ออกจากแท่นพิมพ์และกระจายไปตามสายส่งเสียแล้ว รวมไปถึงรายการโทรทัศน์ประเภทเล่าข่าวของช่อง 9 อสมท. ก็นำไปอ่านออกอากาศ โดยไม่ทันตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 ลงข่าวธุรกิจจัดหาสุนัขร่วมเพศ ซึ่งเป็นข้อความจากเพจปลอม โดยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทันก่อนวางจำหน่าย

โดยที่มาของการแอบอ้างเปิดเพจดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ทนายคนดังกล่าว เคยว่าความให้กับ น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ที่ขับรถกระบะพุ่งชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชน แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เป็นเหตุทำให้นายภาณุทัต ศักดิ์สืบพรรณ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านสเต็กเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และลูกสาว "น้องการ์ตูน" อายุ 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ประสาทตาฝ่อจนมีอาการตาบอด ร่างกายขยับไม่ได้ ยกเว้นแขนขาขยับได้บ้างเล็กน้อย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน 2557

คดีดังกล่าวเกิดเป็นประเด็นขึ้น เมื่อมีการเผยแพร่คลิประหว่างที่มีการไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย โดยครอบครัวผู้สูญเสียเรียกร้องค่ารักษา และความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ทนาย ได้พูดหยอกล้อกับลูกความว่า "น้ำผึ้ง…เธอไม่มีปัญญาหาเงินได้ เธอคงต้องไปโดดตึกตาย" แล้วบอกกับครอบครัวผู้สูญเสียว่า ให้ไปเจรจาค่าเสียหายในชั้นศาล

ทำให้เพจ The Dark Knights II (ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว) ประกาศให้ลูกเพจไปสร้างเฟสบุ๊คปลอมเพื่อโจมตีทนายผู้นี้ โดยมีการสร้างเพจทำธุรกิจสารพัดแอบอ้างว่าทนายคนดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินการ รวมทั้งเพจรับจัดหาสุนัขสำหรับร่วมเพศที่ต่อมามีการเฉลยว่าเป็นเพจอำดังกล่าว

อนึ่งทนายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อเปิดเพจรายนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2557 ระบุว่า เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่เลือกรับเป็นทนายคดีดังกล่าว ตัวเขาเป็นทนายความมาราวๆ 30 ปี แต่ต้องเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว รู้สึกเสียใจอย่างมาก จนอยากจะผูกคอตาย หากตนพูดอะไรออกไป ทำให้ใครไม่พอใจ ตนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และขอความเมตตาชาวเน็ต นักเลงคีย์บอร์ด ให้หยุดการกระทำแอบอ้างชื่อตนในโลกออนไลน์ ตนอยากจะกราบ 3 ครั้ง โดยไทยรัฐออนไลน์ระบุด้วยว่าในระหว่างสัมภาษณ์ เบอร์โทรศัพท์ของทนายผู้นี้มีสายดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สร้างความเดือดร้อนใจอย่างมาก

สำหรับคดีดังกล่าวต่อสู้กันจนถึงชั้นศาลฎีกา โดยมีคำพิพากษาศาลฎีกาในเดือนพฤศจิกายนปี 2559 ตัดสินจำคุกจำเลย 1 ปี ไม่รอลงอาญา ให้จ่ายเงินชดใช้ 6 ล้านบาท โดยยึดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

อนึ่ง น.ส.ศรัญญา ชำนิ ผู้เป็นแม่ของน้องการ์ตูนเคยเปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์เมื่อ 31 สิงหาคมปี 2559 ว่า หลังเกิดอุบัติเหตุต้องรักษาตัวน้องการ์ตูนนาน 6 เดือน ค่ารักษาเบื้องต้นคู่กรณีจ่ายค่ารักษาประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท หลังจากนั้นน้องการ์ตูนได้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้าน และเป็นหนี้โรงพยาบาล 1.96 ล้านบาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท