ความทุกข์ของคนที่อยู่บ้านตัวเองไม่ได้

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

บ้านผมอยู่คีรีวง นครศรีธรรมราช แต่ทุกวันหยุดยาวหรือช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ผมกลับกลับบ้านตัวเองไม่ได้ จำเป็นต้องอยู่กรุงเทพฯ เพราะที่บ้านเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ถนนในหุบเขารถติดกว่าสิบกิโลหลายชั่วโมงเช่นถนนในเมืองหลวง เราถูกกักขังในบ้าน จะไปไหนก็ลำบาก ออกไปเจอแต่คน คน คน จ๊อกแจ๊กจอแจไปหมด อย่าว่าแต่รถยนต์เลย ชาวบ้านที่ขับมอเตอร์ไซต์ก็ยังลำบาก ยิ่งหน้าผลไม้ขับรถขึ้นลงภูเขาหาบของก็หนักอยู่แล้ว ยังต้องเจอขบวนการนักท่องเที่ยวพลุกพล่านเต็มพื้นที่ขวางทางไปหมด เซลฟี่กลางถนนบ้างล่ะ จอดรถถ่ายรูปกลางสะพานเข้าออกบ้างล่ะ จอดรถในที่ห้ามจอดเพื่อลงไปซื้อของหรือเล่นน้ำบ้างล่ะ พอชาวบ้านไปบอกก็โดนต่อว่า ถีบรถจักรยานวกวนสับสนขวางทางจนชาวบ้านหักหลบไม่ทัน ล้มลุกคลุกคลานมานักต่อนักแล้ว บ้างก็ส่งเสียงดัง สร้างมลภาวะ ทั้งขยะ อากาศ และน้ำเสีย รบกวนความสงบเป็นอย่างยิ่ง (เดือดร้อนถึงชุมชนใกล้เคียงด้วย)

ที่นี่มีประชากรเพียง 10-15% ที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว แต่เราก็เห็นใจกันและกัน ไม่มีใครพูดอะไรมาก จะเล่าให้ฟัง วันหนึ่งผมไปนั่งทานอาหารร้านญาติ มีนักท่องเที่ยวจากสงขลาบอกว่า ทำไมที่คีรีวงไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ คำตอบที่ผมให้ก็คือ พี่ต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่ 70% ทำสวน มีคนได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว 10-15% คนอื่นไม่ได้มีหน้าที่ต้องต้อนรับใคร เขาอยากใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ ปราศจากการรบกวน อีกทั้งยังอธิบายให้เขาฟังพอสังเขปเรื่องการท่องเที่ยวที่รบกวนวิถีชีวิตชุมชน เช่น การทิ้งขยะ การเดิน/ถ่ายรูป/จอดรถขวางถนน สตาร์ทติดเครื่องยนต์(ทั้งรถบัสนำเที่ยว รถตู้ และรถส่วนตัว ควันโขมง) การขับรถบิ๊กไบซ์มาโชว์พาวส่งเสียงดัง หรือท่าทีดัดจริตตอแหล และมีพฤติกรรมเบ่งกร่างเหยียดหยามชาวบ้าน ฯลฯ

ท่านรู้มั้ยว่านโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐเป็นนโยบายการหาเงินที่มักง่าย ไม่รับผิดชอบระยะยาว นอกจากบรรดาข้าราชการจะฉกฉวยผลประโยชน์/คอรัปชั่น ทำงานสร้างภาพแบบลูบหน้าปะจมูกแล้ว ยังสร้างปัญหาให้ชาวบ้านทุกด้าน ทั้งเกิดอิทธิพลในท้องถิ่น เกิดช่องว่างทางรายได้ ทำลายสิ่งแวดล้อม ภูมิทัศน์ ต้นไม้ ลำคลอง และรบกวนวิถีชีวิต โดยรัฐไม่ได้วางแผนอะไรรองรับอย่างเป็นระบบ คิดแต่ เงิน เงิน เงิน ปล่อยให้ความโลภเข้าสิงคนในชาติจนทำให้ความเป็นมนุษย์เสื่อมถอยอยู่ทั่วไป

ความรำคาญใจของผม เช่นเดียวกับอาแหวว คุณเบญจมาศ นิมมานเหมินท์ ซึ่งอยู่เชียงใหม่ พอวันหยุดยาวทีไรต้องระเห็จระเหเร่ร่อนไปอยู่กรุงเทพฯ ทุกครั้งไป ท่านเห็นความพินาศของเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ภูเก็ต เวียงจันทน์ หรือวังเวียง ฯลฯ หรือไม่ เพราะไอ้เงินและคนอัปรีย์นี้แหละมาทำร้าย

ผมเข้าใจว่าบ้านเราใครอยากมาเที่ยวก็ย่อมได้ แต่อยากสะท้อนให้ท่านเห็นด้วยว่า หากเข้าใจถึงทุกบริบท และคำนึงถึงใจเขาใจเรา คนที่อยู่ข้างในส่วนมากก็อยากให้พี่น้องเพื่อนพ้องมีรายได้ อยู่ดีกินดี แต่ขอให้ท่านที่จะเป็น”นักท่องเที่ยว” โปรดระลึกไว้เสมอเวลาไปเที่ยวบ้านใครก็ตามว่า กรุณาเคารพซึ่งวิถีชีวิต อย่าไปเบียดเบียนความปกติสุขของใครเขา

ด้วยภราดรภาพ
วรา จันทร์มณี
บ้านเชิงชายคีรีวง
เสาร์ 17 มีนาคม 2561
 

(เพิ่มเติม) จากการที่ผมเขียนบทความ “ความทุกข์ของคนที่อยู่บ้านตัวเองไม่ได้” โดยได้เล่าถึงกรณีชุมชน “คีรีวง” ขอให้ท่านที่เข้าใจผิดโปรดใจเย็นๆ ผมรักบ้านเกิด และเมืองไทยเท่าพวกท่าน จึงตัดสินใจออกมาพูด และกรุณาอ่านบทความอย่างรอบคอบ ถ้วนถี่ ในบทความดังกล่าว สรุปเนื้อหา คือ

1. ผมไม่ได้ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยว และผมไม่มีสิทธิไม่ต้อนรับด้วย แต่เรียกร้องการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ หรือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือการท่องเที่ยวที่คำนึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

2. ผมเรียกร้องความรับผิดชอบในนโยบายการท่องเที่ยวของภาครัฐ และเรียกร้องให้แก้ไขทั่วประเทศ ไม่เฉพาะคีรีวง

ท่านที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ หน้า 4 ฉบับวันนี้ และฟังการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุ อส.มท.สงขลา วันนี้เวลาประมาณ 9.15 น.

ด้วยภราดรภาพ
วรา จันทร์มณี

 

ภาพ: ธวัช ลำพูศรี

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท