Skip to main content
sharethis

 

การมือง

ความสัมพันธ์"สะดุด"หลังสิงคโปร์อุ้ม "ทักษิณ"รัฐบาลไทยเล่นบทโหดออก3มาตรการตอบโต้เว็บไซต์คมชัดลึก -ระบุผิดคำพูด ผู้นำเคยรับปาก "สุรยุทธ์" ว่า "ไม่ทรยศ" ประธาน คมช.ยันไม่รู้เรื่องบล็อกสัญญาณซีเอ็นเอ็น หลายฝ่ายไม่เชื่อทักษิณวางมือ ระบุคำให้สัมภาษณ์ถือว่าส่งสัญญาณพร้อมเป็น"คลื่นบนน้ำ"

การเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเข้าพบผู้นำระดับรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ นอกจากสร้างความไม่พอใจให้ประชาชนไทยจำนวนหนึ่งในเรื่องบทบาทของประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากทราบดีว่า รัฐบาลไทยได้ยกเลิกพาสปอร์ตทูตของอดีตนายกฯ ซึ่งแม้ทางการสิงคโปร์จะระบุว่าเป็นการมาพบส่วนตัว แต่ก็สร้างความกังขาให้รัฐบาลไทยในระดับหนึ่ง

 

กระทรวงการต่างประเทศออกมาตรการตอบโต้สิงคโปร์ ให้ทักษิณเคลื่อนไหวทางการเมือง

ไอ.เอ็น.เอ็น-- กระทรวงการต่างประเทศออกมาตรการระงับความร่วมมือ และยกเลิกการประชุมร่วมหน่วยราชการพลเรือนกับสิงคโปร์ปลายเดือนนี้ เพื่อตอบโต้ที่อำนวยความสะดวกทักษิณ เคลื่อนไหวทางการเมือง

 

นายกิตติ วะสีนนท์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงผลการหารือหลัง นายกฤต กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญ นายปีเตอร์ ชาน เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยให้เข้าพบเพื่อชี้แจงท่าทีของทางการไทยว่ามีความไม่พอใจที่รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ยอมให้ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าพบ เนื่องจากเห็นว่าการพบปะดังกล่าวอาจมีนัยยะทางการเมืองอีกทั้งเห็นว่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความไว้เนื้อเชื่อใจกันของทั้ง 2 ประเทศได้ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกมาตรการระงับความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการพลเรือนไทย สิงคโปร์ CSEP รวมถึงยกเลิกการประชุม CSEP ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 29 - 31 มกราคมนี้ นอกจากนี้ยังได้ถอนคำเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสิงคโปร์ที่จะมาเยือนไทยภายใต้โครงการดังกล่าวออกไปอีกโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา พร้อมยืนยันมาตรการนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนี้แล้วและจะไม่กระทบกับประเทศอื่นๆ

 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยืนยันด้วยว่าในขณะนั้นไม่มีเอกอัครราชทูตไทยและเจ้าหน้าที่ของไทยประจำประเทศสิงคโปร์ให้การต้อนรับหรือดูแล พันตำรวจโททักษิณ ตามข่าวต่างประเทศที่ได้เสนออย่างแน่นอน 

 

"จรัล"นำลิ่ว17กมธ.ยกร่างฯ"สมคิด-วิชา-อังคณา"ติดโผ

เว็บไซต์คมชัดลึก -"จรัล"คะแนนนำลิ่ว "สมคิด-วิชา-อังคณา" ติดโผ พร้อมตั้งคณะทำงาน 7 คนจัดสรรสมาชิกลง กมธ.13 คณะ ด้าน "อังคนา"กดดันต้องเอาคนที่เป็นตัวแทน ปชช. "สมคิด" เสนอ รองเลขาธิการกฤษฎีกา-รองอธิบดีศาลปกรองกลาง-อดีตตุลาการศาล รธน.นั่ง กมธ.ยกร่างที่เหลืออีก 10

การประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) ช่วงสุดท้าย ได้มีการเลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 4 (2) ของ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 โดยให้ สสร.เสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิโดยคำนึงถึงคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กำหนดไว้ในมาตราดังกล่าว ซึ่งมีการเสนอรายชื่อทั้งสิ้น 33 คน แบ่งเป็น สสร. 30 คน และคนนอก 4 คน คือ 1.ร.ต.วิจิตร อยู่สุภาพ อดีตเลขาธิการ กกต. 2.นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม 3.นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และ 4.พ.อ.นรินทร์ พรรณราย หนึ่งใน 200 รายชื่อผู้ได้รับเลือกกันเองของสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ

 

หลังการลงคะแนน ปรากฏว่า 17 ลำดับแรกที่ได้รับเลือกเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 4 (2) มีดังนี้ 1.นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ 86 คะแนน 2.นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 79 คะแนน 3.นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. 75 คะแนน 4.นายเกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม อดีตกรรมการ ป.ป.ช. 72 คะแนน 5.นายศรีราชา เจริญพานิช รองศาสตราจารย์ด้านนิติศาสตร์ 66 คะแนน 6.นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ 61 คะแนน 7.นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย นีลไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม 57 คะแนน 8.นายไพโรจน์ พรหมสาส์น อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 57 คะแนน 9.น.ส.พวงเพชร สารคุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา 54 คะแนน 10.นายไชยยศ เหมะรัชตะ ศาตราจารย์ด้านนิติศาสตร์ 53 คะแนน 11. น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 47 คะแนน 12.นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. 47 คะแนน 13.นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุด 46 คะแนน 14. นายนุรักษ์ มาประณีต ตุลาการรัฐธรรมนูญ 44 คะแนน 15.นายปกรณ์ ปรียากร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 41 คะแนน 16.นายสนั่น อินทรประเสริฐ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อดีตอธิบดีกรมพลศึกษา 37 คะแนน และ 17.นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 35 คะแนน

ส่วนลำดับที่ 18 นั้นคือนายเจริญศักดิ์ โรจนฤทธิ์พิเชษฐ์ 33 คะแนน 19.พล.ร.อ.พีรศักดิ์ วัชรมูล 30 คะแนน และ 20.พล.ต.อ.มีชัย นุกูลกิจ 30 คะแนน

 

หลังการเลือกเสร็จสิ้น นายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธาน สสร. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้แจ้งที่ประชุมว่า รายชื่อทั้ง 25 คน นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธาน สสร. จะทำหนังสือแจ้งไปยังประธาน คมช.ให้ทราบภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้เป็นอย่างช้า

ต่อมา ได้มีการพิจารณาญัตติการกำหนดและแต่งตั้งกรรมาธิการสามัญและวิสามัญ ตามที่นายการุณ ใสงาม ได้เสนอญัตติไว้ว่าเรื่องนี้ได้มีการประชุมเป็นการภายในของ สสร.เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ได้มีมติตั้งกรรมาธิการสามัญทั้งหมด 13 คณะ ซึ่งตนก็ขอหารือที่ประชุมให้มีคณะทำงานประกอบด้วยสมาชิกทำงาน 5-7 คนเพื่อพิจารณากรอบการทำงาน เพื่อจัดสรรให้สมาชิกได้เลือกลงตามคณะกรรมาธิการต่างๆ ทั้งนี้อยากขอให้สมาชิกได้แสดงความจำนงว่าต้องการจะรับผิดชอบงานในกรรมาธิการชุดใดให้กรอกแบบฟอรม์ที่มอบให้ 3 ลำดับ และส่งกลับให้คณะทำงานภายในวันพฤหัสบดีที่ 18 ม.ค.นี้ ซึ่งที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาจัดสรรสมาชิก สสร.ให้เข้าสู่ตำแหน่งกรรมาธิการจำนวน 7 คน ประกอบด้วยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นางกรรณิการณ์ บันเทิงจิตร, นายวิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์ ,นายไพโรจน์ พรหมสาส์น, น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์, นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ซึ่งเป็นไปโดยตำแหน่งตามข้อบังคับการประชุม ทั้งนี้นายเสรีได้แจ้งให้ที่ประชุมถึงกำหนดการประชุมของ สสร.ว่า จะประชุมทุกวันจันทร์ เวลา 09.30 น. และปิดประชุมเวลา 17.55 น.

 

ทบ.เชื่อสหรัฐฯไม่งดฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ แค่ลดกำลังพลฝึก

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร บก.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่สหรัฐ อาจจะงดการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ 2007 ว่า สหรัฐมีกฎหมายเฉพาะของเขา ซึ่งประเทศที่มีการกระทำในลักษณะเช่นเดียวกับประเทศไทยขณะนี้มีกฎหมายที่จะไม่ให้ความสนับสนุนทางทหาร หรือให้ความสนับสนุนแต่อาจจะลดปริมาณลงได้ ทั้งนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าสหรัฐจะลดระดับการฝึก หรือมีการฝึกเต็มรูปแบบเช่นทุกปี ซึ่งเราคงต้องรอการตัดสินใจของสหรัฐอีกครั้ง

 

แหล่งข่าวจาก บก.สส. กล่าวว่า ที่ประชุมเหล่าทัพยังกังวลใจต่อความไม่แน่นอนของสหรัฐฯ ที่จะร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ 2007 หรือไม่ แม้การฝึกร่วมผสมในรหัสต่างๆ ไม่ได้อยู่ในหัวข้อการพิจารณา ในกฎหมายแซงชั่นที่ 508 ที่สหรัฐฯจะตัดความช่วยเหลือกับประเทศที่มีการปฏิวัติ รัฐประหารโค่นล้มการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่สหรัฐฯ จะมีคณะกรรมการร่วมระหว่างตัวแทนของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และโฮมแลนด์ ดีเฟ้นด์ ( Inter Agency Committee) ในการพิจารณาการฝึกประเภทต่างๆเป็นรายเดือน ทั้งนี้ คณะกรรมการฯได้พิจารณาให้การฝึกร่วมโคปไทเกอร์แล้ว ส่วนการฝึกคอบร้าโกลด์นั้น สหรัฐฯ ยืนยันว่าประชุมวางแผนการฝึกในเดือน ธ.ค.นี้ จะคงดำเนินต่อไป

 

สำหรับการฝึกภาคสนามนั้น สหรัฐฯ ยังไม่มีการอนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมอีกครั้งในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งในระหว่างนี้คณะกรรมการระหว่างไทย- สหรัฐฯ (Initial planning conference) ก็จะประชุมวางแผนการฝึก

 

เชื่อว่าคงไม่ยกเลิกไปเลย แต่กำลังพลของสหรัฐฯ ที่จะส่งมาร่วมฝึกอาจจะลดน้อยลง เนื่องจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศส่งกำลังไปอิรักเพิ่มอีก 2 หมื่นคน และบางหน่วยก็เป็นหน่วยที่คาดว่าจะมาฝึกกับไทย อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้หากเหล่าทัพใดเตรียมงบประมาณไว้สำหรับการฝึกร่วมผสมครั้งนี้ อาจมีการฝึกเตรียมพร้อมไปพรางๆ ก่อน เพราะสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีความแน่นอนมากนัก" แหล่งข่าวกล่าว  

 

ประธาน คตส.เตรียมเซ็นตั้งอนุกรรมการไต่สวน3คดีทุจริตพรุ่งนี้

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. เปิดเผยว่า วันนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อ คตส.แล้ว โดยร้องทุกข์กล่าวโทษ 2 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน

 

นอกจากนี้ นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ก็เข้ามายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ถูกกล่าวหาคดีการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 จำนวน 22 ราย และโครงการท่อร้อยสายไฟฟ้า สนามบินสุวรรณภูมิเป็นครั้งที่ 2 โดยการร้องครั้งนี้ ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นจะลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนทั้ง 3 ชุด ในวันพรุ่งนี้( 17)

 

ส่วนความคืบหน้าการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร คตส.จะส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึงหน่วยงานรัฐที่เสียหาย คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้มาร้องทุกข์โดยเร็ว

ต่างประเทศ

ปลูกถ่ายมดลูกครั้งแรกในสหรัฐ

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น-คณะแพทย์จากโรงพยาบาลนิวยอร์ค ดาวน์ทาวน์ ในสหรัฐ เปิดเผยว่า เตรียมดำเนินการทดลองปลูกถ่ายมดลูก โดยจะใช้รังไข่ที่ได้จากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นส่วนใหญ่ในร่างกาย

 

คณะกรรมการจริยธรรมของโรงพยาบาลได้รับรองแผนการนี้อย่างมีเงื่อนไข พร้อมเตือนผู้ที่ต้องการปลูกถ่ายมดลูกว่า อย่าเพิ่งคาดหวังผลลัพธ์ของการทดลองครั้งนี้ แม้คณะแพทย์จะเชื่อว่า ในเชิงเทคนิคแล้ว มีโอกาสทำได้ก็ตาม ขณะที่แพทย์หลายคนก็แสดงความกังวลในเรื่องโอกาสเสี่ยง และเตือนให้ดำเนินการทดลองให้มากกว่านี้ รวมทั้งทดลองปลูกถ่ายในสัตว์ก่อนเพื่อดูว่า มดลูกที่ผ่านมาปลูกถ่ายแล้วจะสามารถให้กำเนิดชีวิตใหม่ที่สมบูรณ์

 

แต่ทางคณะแพทย์แสดงความเชื่อมั่นว่าได้ใช้เวลาถึง 10 ปีศึกษาจนแน่ใจว่า กระบวนการปลูกถ่ายมดลูกมีความปลอดภัย และผู้เข้ารับการทดลองปลูกถ่ายมดลูกย่อมทราบดีถึงโอกาสเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

 

ผู้นำจีน - ฟิลิปปินส์ ลงนามความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุน

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุน ระหว่างจีน กับ ฟิลิปปินส์ ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แถลงการณ์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ผู้นำจีน และประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย ผู้นำฟิลิปปินส์ ลงนามความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนทั้งสิ้น 20 ฉบับ มูลค่ารวมหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ แถลงการณ์ ระบุรายละเอียดของข้อตกลงสำคัญ ๆ ที่มีทั้งสัญญาการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมกรุงมะนิลา กับภาคเหนือของฟิลิปปินส์

 ด้านนายอาเธอร์ แยป รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า จีนยังลงนามสัญญาลงทุนของบริษัทฟูหัว กรุ๊ป และไป่ตาฮวง กรุ๊ป ในการลงทุนพัฒนาผลผลิตข้าวและข้าวโพด และการสร้างกรีนเฮาส์เพื่ออุตสาหกรรมส่งดอกไม้จำหน่ายต่างประเทศ

 

บึ้ม!หน้ามหาวิทยาลัยกลางกรุงแบกแดดดับแล้ว 60 ราย เจ็บ 110

ผู้จัดการออนไลน์ - เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรายงงานวันนี้ (16) ว่า ได้เกิดเหตุระเบิดพลีชีพ 1 ครั้ง และเหตุคาร์บอมบ์อีก 1 ครั้ง หน้ามหาวิทยาลัยมัสตานซีรีญะห์ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงแบกแดด เหมืองหลวงของประเทศอิรัก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คน และได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 110 คน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม

 

คุณภาพชีวิต

 

ครม. เห็นชอบ เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค-ร.อ. น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก โดยปรับเพิ่มโทษผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา เสพยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ที่ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และหากทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่น -1 แสนบาท และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ถ้าทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 4 หมื่น -1 แสน 2 หมื่นบาท สั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาต และถ้าทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 6 หมื่น- 2 แสนบาท ให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

 ในร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว กำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนโดยสาร จะต้องสวมหมวกที่จัดขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่ และห้ามผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับรถจักรยานยนต์ ในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิได้สวมหมวกนิรภัย แต่ห้ามมิให้นำบทบัญญัตินี้ใช้บังคับแก่ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช หรือผู้นับถือศาสนาอื่นที่ใช้ผ้าหรือสิ่งอื่นใดโพกศีรษะ ตามประเพณีนิยม หรือบุคคลอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง นอกจากนี้ ได้เพิ่มบทกำหนดโทษกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่กระทำความผิดตามมาตรา 122 คือ ในส่วนของคนขับขี่ที่ไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท แต่ถ้าผู้โดยสารที่ไม่ปฏิบัติตาม จะถูกปรับไม่เกิน 500 บาทเช่นกัน แต่ในกรณีที่คนขับขี่และมีผู้โดยสารที่ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย คนขับขี่จะโดนโทษเป็นสองเท่า คือถูกปรับไม่เกิน 1,000 บาท

 

แก้กฎหมาย ผู้ชายมีสิทธิ์ฟ้องถูกหญิงข่มขืน

เว็บไซต์คมชัดลึก - กระทรวงยุติธรรมเตรียมดันกฎหมายคุ้มครองสิทธิเพศชายเข้าสู่ สนช. เผยเนื้อหาให้ชายถูกข่มขืนฟ้องได้ แถมให้สิทธิสามีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชายชู้ ด้านกลุ่มชายรักชายออกโรงหนุนทันที

 

นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในวันที่ 17 มกราคมนี้ กระทรวงยุติธรรมจะเสนอร่างกฎหมาย 3 ฉบับ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่ง และประมวลกฎหมายอาญาเพื่อให้สิทธิหญิงชายเท่าเทียมกัน โดยแก้ไขให้ฝ่ายชายที่ถูกข่มขืนมีสิทธิตามกฎหมาย สามารถฟ้องร้องให้ดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งได้เช่นเดียวกับผู้หญิง และยังมีการแก้ไขให้สามีมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชายชู้ของภรรยาตนได้ โดยกฎหมายเดิมให้สิทธิเพียงฝ่ายหญิงเท่านั้นที่สามารถฟ้องร้องสามีที่นอกใจไปมีภรรยาน้อยได้

 

ด้านนายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมือง กล่าวถึงการแก้กฎหมายเพื่อให้สิทธิผู้ชายดังกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ชายที่รักเพศเดียวกัน มักถูกกลุ่มผู้หญิงที่เรียกว่า "Faghag" ซึ่งเป็นกลุ่มผู้หญิงที่ชื่นชอบผู้ชายเป็นเกย์ ใช้สารพัดวิธีเพื่อให้ได้ผู้ชายที่เป็นเกย์มาเป็นแฟนหรือสามี เช่น การมอมเหล้า ล่อลวง เพื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วย สุดท้ายผู้ชายที่เป็นเกย์ก็จะต้องรับผิดชอบยอมแต่งงานด้วยเพราะเกรงกลัวกฎหมายจะเอาผิด แต่ถ้ามีกฎหมายที่ผู้ชายสามารถฟ้องร้องผู้หญิงที่ข่มขืนโดยที่ผู้ชายไม่ยินยอมก็จะเป็นทางเลือกและทางออกให้กลุ่มเกย์ที่กำลังถูกผู้หญิงกลุ่มนี้คุกคามได้

 

"ชาวเกย์กำลังเจอกับปัญหาผู้หญิงบางกลุ่มที่ชอบผู้ชายที่มีนิสัยตุ้งติ้ง เรียบร้อย ก็จะเข้ามาตีสนิท มอมเหล้า มอมเบียร์ พอเกย์เมาขาดสติก็จะถูกผู้หญิงจับเป็นสามี โดยเกย์ไม่ยินยอม ต้องยอมทนเป็นปลาผิดน้ำ เขาก็จะรู้สึกเสียใจ ไม่พร้อมจะมีลูก ไม่พร้อมจะมีเมียเป็นผู้หญิง ทำให้เขาสูญเสียโอกาส ถ้ามีกฎหมายที่ผู้ชายสามารถฟ้องร้องผู้หญิงที่ข่มขืนได้ เขาจะได้มีโอกาสชี้แจ้งต่อศาลได้ ว่าถูกผู้หญิงบางกลุ่มกระทำชำเราขณะขาดสติ" นายนที กล่าว

 

ส่วนอีกประเด็นที่ผู้ชายสามารถฟ้องร้องชายชู้ได้ นายนที กล่าวว่า กฎหมายที่ผู้ชายสามารถฟ้องร้องชายชู้ได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเกิดความเท่าเทียมในสังคม เนื่องจากที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงที่สามารถฟ้องร้องค่าเสียหายจากผู้ชายที่มีภรรยาน้อยได้

 

"กฎหมายฉบับนี้ น่าจะเป็นทางออกสำหรับผู้ชายที่กำลังมีปัญหาภรรยามีชู้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการนำเสนอกฎหมายอื่นๆ ที่ให้สิทธิความเท่าเทียมระหว่างชายรักชายมากขึ้นด้วย อย่างกรณีการจดทะเบียนสมรสของกลุ่มรักร่วมเพศ" นายนที กล่าว

 

นายกมลเศรษฐ์ เก่งการเรือ เลขาธิการสมาคมฟ้าสีรุ้ง กล่าวว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิความเท่าเทียมระหว่างชายกับหญิง ควรมีมาตั้งนานแล้ว เพราะที่ผ่านมาผู้ชายที่แปลงเพศแล้ว ถูกข่มขืนแต่มีความผิดแค่ทำอนาจารเท่านั้น ไม่ได้รับสิทธิที่เท่าเทียม

 

"เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าวมาก เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะคุ้มครองและให้สิทธิความเท่าเทียมเกิดขึ้นในสังคมไทย ทั้งในกลุ่มของชายรักชาย หญิงรักหญิง และชายรักหญิง แต่อีกประเด็นที่น่าสนใจ ที่กลุ่มผู้หญิงกำลังเคลื่อนไหวอยู่ คือการคุ้มครองภรรยาที่ถูกสามีข่มขืน แม้จะเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าผู้หญิงไม่พร้อม สามีก็ไม่มีสิทธิข่มขืนภรรยาได้" นายกมลเศรษฐ์ กล่าว

 

กระทรวงสาธารณสุข ใช้ 5 มาตรการหลัก ป้องกันหวัดนก

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค --การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึง เรื่องการพบเป็ดติดเชื้อไข้หวัดนกที่จังหวัดพิษณุโลก ว่า จากนี้ไปจะต้องเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า หลังจากพบสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนกในอีก 1 เดือน จะพบการติดเชื้อในคน แต่ขณะนี้ยังไม่พบการติดเชื้อไข้หวัดนกจากไก่สู่คน นพ.ธวัช กล่าวว่า การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ ได้ใช้ 5 มาตรการหลัก คือ 1.มาตรการเชิงรุกด้วยการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เคาะประตูบ้านให้ความรู้ทุกบ้านหากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติต้องรีบรายงานเจ้าหน้าที่ ขณะที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ หากพบคนไข้ เป็นไข้ ปอดอักเสบต้องซักประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกทุกรายและจัดเตรียมห้องแยกสำหรับผู้ป่วยที่สงสัยว่า จะติดเชื้อไข้หวัดนก นอกจากนี้ ต้องสำรองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และยาโอเซลทามิเวียร์ในทุกพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ที่เคยเกิดการระบาดมาก่อน เตรียมพร้อมรับเหตุฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งไทยได้เตรียมความพร้อมด้วยการซ้อมแผนเตรียมรับไข้หวัดนกไว้แล้ว ให้ความรู้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่เสี่ยงกับการติดเชื้อไข้หวัดนก และมีมาตรการป้องกันแบบบูรณาการร่วมกัน 4 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่งจะต้องตั้งศูนย์ปฏิบัติการหรือ War Room ให้ครบทุกจังหวัด และทำงานประสานกับทีมสอบสวนโรค (SRRT) ของกระทรวงสาธารณสุขที่มีอยู่ 1,300 ทีม นอกจากนี้ นพ.ธวัช กล่าวว่า การติดเชื้อไข้หวัดนกในไทยนั้นพบเฉพาะติดจากไก่สู่คนเท่านั้นในขณะที่ ในเวียดนาม พบการติดเชื้อจาก ไก่ เป็ด สู่คน และอินโดนีเซียพบการติดเชื้อจาก ไก่ เป็ด และห่านมายังคน นพ.ธวัช ย้ำว่า มีโอกาสน้อยที่เชื้อไข้หวัดนกในธรรมชาติจะแพร่เชื้อยังคน เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยพบการแพร่เชื้อจากไก่เท่านั้นมายังคน

 

ด้านนพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดครั้งนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วงเนื่องจากทั่วโลกมีการระบาดในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน เช่น เกาหลี อินโดนีเซีย เวียดนาม อียิปต์ แต่ก็มีการประชุมเพื่อเฝ้าระวังกันเป็นประจำอยู่แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงในการระบาดครั้งนี้คือความตื่นตัวของคนไทยในการป้องกันโรคไข้หวัดนกลดลงอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะเห็นว่าเป็นโรคที่มีการระบาด

 

ความมั่นคง

 

ทั่วโลกไม่มั่นใจความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น

ผู้จัดการออนไลน์ --เอเอฟพี - ผลสำรวจทัศนคติผู้ตอบคำถามใน 60 ประเทศทั่วโลก ของกัลลัป อินเตอร์เนชั่นแนลบ่งชี้ว่า 48% ของผู้ตอบคำถามมองว่า โลกใบนี้กำลังกลายเป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับลูกหลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวยุโรปและอเมริกัน ที่ยังคงขึ้นแท่นอันดับ 1 ในการมีทัศคติแง่ลบต่อเรื่องดังกล่าว

 

ผลสำรวจที่ได้นี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนทั่วโลกมีทัศนคติเชิงลบมากขึ้นภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี เมื่อเทียบกับผลสำรวจ "วอยซ์ ออฟ เดอะ พีเพิล" ที่กัลลัป อินเตอร์เนชั่นแนลจัดทำให้กับของเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่า กลุ่มตัวอย่างทั่วโลกที่มีทัศนคติต่อเรื่องนี้เชิงบวก มีจำนวนมากกว่าผู้มีทัศนคติแง่ลบ เป็นสัดส่วน

ผลสำรวจล่าสุดยังชี้ให้เห็นอีกว่า ทัศคติของผู้คนแถบตะวันออกกลางตกต่ำลงอย่างมาก โดยมีผู้ตอบคำถามสูงถึง 46% ที่เชื่อว่าโลกใบนี้กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับลูกหลาน เมื่อเทียบกับผลสำรวจชิ้นก่อนที่มีเพียง 30%

 

ทว่า ในด้านความเชื่อมั่นต่อความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจสำหรับคนรุ่นต่อไปกลับปรับตัวสูงขึ้น อยู่ที่ 62% ส่วนในด้านความเชื่อมั่นต่อนักการเมืองยังตกต่ำลงเรื่อยๆ โดยมีผู้ตอบคำถามปีนี้มากถึง 43% เชื่อว่านักการเมืองไม่มีความซื่อสัตย์ เมื่อเทียบกับผู้ตอบคำถาม 34% ในการสำรวจครั้งก่อน--จบ—

 

ดันภาคีอนุสัญญาก่อการร้าย"ป่วนรัฐ"โทษถึงขั้นประหาร

เว็บไซต์คมชัดลึก--"รัฐบาล"เล็งฐาน"ก่อการร้าย"วางโทษประหาร "ปฎิปักษ์ประมุข-ผู้แทนรัฐ"ระบุความผิดชัดขู่เข็นรัฐบาล-ปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน

ทำเนียบรัฐบาล-วันที่ 16 ม.ค.แหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติอนุมัติในวาระเร่งด่วน เรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศได้ "การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมที่กระทำต่อบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองระหว่างประเทศ รวมทั้งตัวแทนทางทูต ค.ศ.1973"

 

รายงานข่าวแจ้งว่า โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ประกอบด้วย ผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานได้พิจารณาเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ

โดยคณะกรรมการมีความเห็นว่า อนุสัญญาฯ ดังกล่าวถือเป็นกรอบทางกฎหมายในการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมีวัตถุประสงค์หลักคือ การคุ้มครองบุคคลผู้ที่ได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ ซึ่งได้แก่ประมุขของรัฐ ผู้แทนทางทูต และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ

 "ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่เป็นปฎิปักษ์กับบุคคลดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อข่มขู่หรือขู่เข็นรัฐบาลซึ่งเป็นบริบทของการก่อร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 และ 135/2 ประเทศไทยจึงสามารถเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม หรือออกฎหมายอนุวัติการแต่อย่างใด"

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อกฎหมายและมติครม.ที่สามารถนำมาใช้ตามอนุสัญญาฯ โดยไม่ต้องแก้ไขใหม่ มีอาทิ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2546 มาตรา 135/1 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดอาญา" ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรือันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ การกระทำใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ การกระทำใดอันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ

 "ถ้าการทำนั้นได้กระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็นหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท"

 

และมาตรา 135/2 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดขู่เข็ญว่าจะกระทำการก่อการร้าย โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะกระทำตามที่ขู่เข็นจริง หรือสะสมกำลังพล หรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการก่อการร้ายหรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนร่วมในการก่อการร้าย หรือรู้ว่า มีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใด อันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท"

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ครม.จะอนุมัติอนุสัญญาฯ ดังกล่าว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ระบุในคำสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงเดินทางไปจากประเทศจีนไปพบนายจายะ กุมาร รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เป็นการส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า "คงเป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องดำเนินการทางการทูตบางประการ 

 

สนช.แจง ผลประชุมตามคดี ระเบิด 8 จุดกลางกรุง

ไอ.เอ็น.เอ็น. - สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลง ผลการติดตามคดีระเบิด 8 จุดกลางกรุงเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ยัน จะไม่มีการจับแพะมาลงโทษพร้อมเตรียมเรียก พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ เข้าให้ปากคำเพิ่ม 23 ม.ค.นี้

 

นายไพศาล พืชมงคล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลงผลการประชุมติดตามการสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 จุดว่าที่ประชุมได้มีการเชิญ พลตำรวจโทภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนมาชี้แจง ว่าขณะนี้การดำเนินการใกล้จะสรุปได้แล้วว่าผู้ก่อเหตุและผู้บงการมาจากจุดไหน โดยคณะสืบสวนยืนยันว่า จะไม่จับแพะมาลงโทษ รวมถึงจะไม่ให้เกิดข้อครหาได้ว่า ที่จะต้องได้ข้อสรุปในคดีนี้นั้นจะไม่เป็นผลดีต่อการสืบสวน ก็จะทำให้เกิดการถูกกดดันและข้อผิดพลาดได้อย่างไรก็ตามในวันที่ 23 มกราคมนี้นั้น คณะอนุกรรมาธิการจะเชิญ พลตำรวจโทจงรัก จุฑานนท์ หัวหน้าคณะสอบสวนในคดีดังกล่าวมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในขณะที่การประชุมวันพรุ่งนี้ อนุกรรมาธิการจะดำเนินการศึกษาและสอบสวนเหตุการณ์เผาโรงเรียนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net