Skip to main content
sharethis
สำนักพระราชวัง สั่งไล่ออก 'ดิสธร วัชโรทัย' รองเลขาธิการพระราชวัง กรณีสั่งออกเอกสารรับรองบุคคลภายนอกบริจาค 25 ล้านบาท และเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทั้งที่เป็นส่วนลดซื้อสินค้า แอบอ้างพระปรมาภิไธย เลี่ยงภาษีรถยนต์ รวมทั้งชู้สาวกับหญิงอื่นบังคับให้ทำแท้งถึงสองครั้ง ก่อนบังคับแต่งงานกับชายอื่น 

ที่มาภาพ เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 

 

8 พ.ย.2560 หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังออกคำสั่ง เรื่อง ลงโทษไล่ข้าราชการออกจากราชการ ระบุว่า ด้วย ดิสธร วัชโรทัย ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ เลขที่ตำแหน่ง 650 สังกัดราชการบริหารส่วนกลาง อัตราเงินเดือน 76,800 บาท ได้กระทำผิดวินัย ฐานกระทำอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมีกรณีความผิดกล่าวคือ ดิสธรซึ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ อีกหน้าที่หนึ่ง ได้ใช้อำนาจของตน สั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นจำนวนเงินยี่สิบห้าล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด และ ดิสธร ได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าว เสนอต่อกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์

คำสั่งสำนักพระราชวังระบุต่อว่า ดิสธร ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ แล้วนำรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่ และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ดิสธร ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเอง เมื่อหญิงตั้งครรภ์กลับพาหญิงดังกล่าวไปทำแท้ง นอกจากนั้นเมื่อหญิงคนดังกล่าวตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง ดิสธร ก็ยังบังคับข่มขืนใจเพื่อให้ไปทำแท้งอีกครั้ง แต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยินยอม ดิสธร จึงบังคับหญิงคนดังกล่าวให้แต่งงานกับชายอื่น ซึ่งไม่เคยมีสัมพันธ์กัน

อีกทั้ง ดิสธร ได้นำดินที่ขุดทิ้งจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ซึ่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ขอรับบริจาคจากสภาสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แต่ดิสธรกลับนำดินกล่าวไปขายให้แก่โครงการหมู่บ้านจัดสรร และยังนำดินส่วนหนึ่งไปถมในพื้นที่ของครอบครัวตัวเอง ซึ่งมิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอรับบริจาค

"พฤติกรรมดังกล่าวของดิสธร เป็นการกระทำผิดราชสวัสดิ์และเป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นสมควรได้รับโทษไล่ออกจากราชการ"

สำนักพระราชวังพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของดิสธร วัชโรทัย เป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรง จึงเห็นควรลงโทษไล่ออกจากราชการ

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 มาตรา 15 และมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 จึงลงโทษไล่ ดิสธร วัชโรทัย ออกจากราชการ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2560 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 6 พ.ย. 2560 จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค.60 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ว่า มีพระราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุมัติให้สํานักพระราชวังดําเนินการปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งและย้าย ดิสธร วัชโรทัย ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ตําแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง ตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ราชการบริหารส่วนกลาง ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ประจําสํานักพระราชวังพิเศษ ตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ราชการบริหารส่วนกลาง สํานักพระราชวัง เป็นพิเศษเฉพาะราย ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2559 ประกาศ ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2559 โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

ดิสธร เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ภูมิ ชื่นบุญ เขียนไว้ใน ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ เมื่อ ธ.ค. 54 ว่า ดิสธร ยืนถวายการรับใช้อยู่เบื้องหลังของ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" (ร.9) เพราะนั่นคือหน้าที่ที่เขาเฝ้าปฏิบัติมาอย่างยึดมั่นด้วยความภาคภูมิตลอด24 ปี จนเรียกตัวเองว่าเป็น "บุรุษไปรษณีย์ประจำพระองค์" และเปรียบ "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์" เป็นดั่ง "ไปรษณีย์" คำว่า "บุรุษไปรษณีย์" ของดิสธรในที่นี้คือ บุคคลที่คอยทำหน้าที่นำพาความห่วงใย และความปรารถนาดีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปสู่ประชาชนในประเทศไทย และนั่นก็คือหน้าที่หลัก ๆ ของคุณใหม่ใน 24 ปีที่ผ่านมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net