กรรมการบริหาร มธ. มีมติรับ 'เคท ครั้งพิบูลย์' เป็นอาจารย์ และไม่อุทธรณ์

กรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (กบม.) มีมติยอมรับคำพิพากษาศาลปกครองกรณีไม่รับ 'เคท ครั้งพิบูลย์' เป็นอาจารย์ ไม่ยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด และรับเคทเข้าเป็นอาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ ยัน เหตุไม่ว่าจ้างไม่เกีี่ยวกับเรื่องเพศสภาพ

เคท ครั้้งพิบูลย์ (ที่มา: Facebook/โรงน้ำชา)

19 มี.ค. 2561 งานสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกแถลงข่าวเรื่อง ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ก.บ.ม.) กรณีเคท ครั้งพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (TGA)  ฟ้องร้องมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ วันที่ 19 มี.ค. 2561 สรุปใจความว่า หลังจากที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาว่า มติของ กบม. ที่ไม่ว่าจ้างเคทในตำแหน่งอาจารย์มีลักษณะการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทาง ก.บ.ม. จึงได้ทบทวนมติที่เคยไม่รับเคท และได้ลงมติในการประชุมวันที่ 19 มี.ค. โดยรับเคท ครั้งพิบูลย์ เข้าเป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ และด้วยเหตุดังกล่าว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงไม่อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด และยืนยันว่ามติที่ไม่รับเคทเป็นอาจารย์นั้นไม่ได้มีสาเหตุจากเรื่องเพศสภาพ

การตัดสินใจของ ก.บ.ม. ครั้งนี้สืบเนื่องจากวันที่ 8 มึ.ค. 2561 ที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรรมการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่จ้างเคทเป็นอาจารย์ ทั้งยังมีคำสั่งให้เรียกไปเซ็นสัญญาจ้างบรรจุเป็นอาจารย์ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด 

แถลงข่าวผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรณีคุณเคท ครั้งพิบูลย์ ฟ้องร้องมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ณ วันที่ 19 มีนาคม 2561

สรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มีประกาศรับสมัครอาจารย์ ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 คุณเคทเป็นผู้สมัครและผ่านการคัดเลือกโดยคณะ แต่คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (กบม.) มีมติเมื่อ วันที่ 2 มีนาคม 2558 ว่าไม่สมควรว่าจ้าง คุณเศทไม่เห็นด้วยจึงมีหนังสืออุทธรณ์มติดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กบม. ก็มีมติในเวลาต่อมา คือ วันที่ 22 มิถุนายน 2558 ยืนยันตามมติเต็ม คุณเคทจึงยืนฟ้องต่อศาล ปกครองกลาง 

สรุปคําพิพากษาศาลปกครอง

จากกรณีคุณเคทอื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางดังกล่าว ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2561 ศาลได้ มีคําพิพากษา คือ คําพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ บ.77/2561 ตัดสินเพิกถอนมติ กบม. ที่ ไม่ว่าจ้างคุณเคทในตําแหน่งอาจารย์ เพราะเหตุที่เป็นมติซึ่งมีลักษณะเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากแม้พฤติการณ์ของคุณเคทจะไม่เหมาะสมแต่ไม่ถึงขนาดเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีที่มหาวิทยาลัย จะไม่ว่าจ้างได้ อย่างไรก็ดี ศาลได้พิพากษาว่า มติ กบม. ที่ไม่ว่าจ้างนั้นมิใช่เพราะประเด็นเกี่ยวกับเพศสภาพ ของคุณเคทแต่ประการใด 

มติ กบม. วันนี้

จากคําพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ บ.97/2561 กบม. จึงได้ทบทวนมติที่เคย ไม่รับคุณเคท และน้อมรับคําพิพากษาที่ตัดสินว่า การที่คุณเคทเคยโพสต์ภาพที่ไม่เหมาะสมในสื่อสังคม ออนไลน์นั้น ไม่ถึงขนาดจะปฏิเสธไม่รับคุณเคทเข้าเป็นอาจารย์ กบม. ซึ่งปัจจุบันได้มีผู้บริหารมหาวิทยาลัย และคณบดีท่านใหม่หลายท่าน จึงลงมติในการประชุมในวันนี้ รับคุณเคท ครั้งพิบูลย์ เข้าเป็นอาจารย์ประจํา คณะสังคมสงเคราะห์ และด้วยเหตุดังกล่าว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงไม่อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

เมื่อ 12 ต.ค. 2558 เคทเดินทางไปศาลปกครองเพื่อยื่นฟ้อง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ถูกฟ้องที่1 และคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 2 หลังตนผ่านการคัดเลือกเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ซึ่งหลังจากที่ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อมติของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย(ก.บ.ม.) และมีมติ ไม่เห็นชอบจ้างตนเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยโดยแจ้งเหตุผลว่า “มีพฤติกรรมการแสดงออกด้วยการใช้ถ้อยคำผ่านสื่อสาธารณะในลักษณะที่ไม่เหมาะสม และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย" และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ยืนยันตามมติเดิมว่า ไม่จ้างตนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
 
เคท ฟ้องต่อ มธ. และ ก.บ.ม. ในข้อหาใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง จากกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติไม่เห็นชอบให้ว่าจ้าง เคท เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในตำแหน่งอาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ทั้งที่สอบผ่านข้อเขียนและสัมภาษณ์ โดยอ้างกรณีที่ เคท ได้โพสต์ภาพลิปสติกที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชายผ่านสื่อออนไลน์ จึงเห็นว่ามีพฤติกรรมการแสดงออกด้วยการใช้ถ้อยคำผ่านสื่อสาธารณะในลักษณะที่ไม่เหมาะสม และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย โดยในคำฟ้องได้ระบุว่าภาพลิปสติกดังกล่าวเป็นของฝากจากประเทศญี่ปุ่น เป็นการโพสต์เพื่อขอบคุณผู้ที่ซื้อฝากและเป็นการสื่อถึงเรื่องเพศวิถี และตามปกติ เคท เป็นผู้ที่ใช้สื่อออนไลน์ในการให้ข้อมูลเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน ความหลากหลายทางเพศวิถี เพศสภาพ เพราะมีประสบการณ์ทำงานวิชาการในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีมีทัศนคติเรื่องเพศที่ตายตัว มองความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องผิดปกติ รวมทั้งการที่ผู้ถูกฟ้องคดีนำสื่อออนไลน์มาเป็นดุลยพินิจในการพิจารณานั้น ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เป็นการเลือกปฏิบัติ
 
จึงขอให้ศาลปกครองสั่งเพิกถอนมติ ก.บ.ม. ครั้งที่ 5/2558 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2558 และมติ ก.บ.ม. ครั้งที่ 10/2558 เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2558 ที่มีมติไม่เห็นชอบจ้าง เคท เป็นอาจารย์ และให้ศาลสั่งให้ ก.บ.ม.รับเคทเป็นอาจารย์คณะสังคมศาสตร์ พร้อมให้ทางมหาวิทยาลัยชดใช้ค่าสินไหมแก่นายเคท เป็นเงิน 363,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียโอกาสแก่ เคท ในอัตราเดือนละ 23,700 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่า ก.บ.ม.จะรับ เคท เป็นอาจารย์ในคณะดังกล่าว

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท