มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน และ 57 องค์กรภาคประชาสังคมสังคม ออกแถลงการณ์แนะกรมคุ้มครองสิทธิฯ จัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน โดยให้เสนอยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น เพิ่มโทษหาก EIA/EHIA ใช้ข้อมูลเท็จ จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
20 ธ.ค. 2561 วานนี้ มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนร่วมองค์กรเครือข่าย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามกระบวนการจัดทำ “แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน” โดยมีตัวแทนชุมชนและภาคประชาสังคมเข้าร่วมประมาณ 40 คน ณ โรงแรมกานต์มณี ถนนประดิพัทธิ์ กรุงเทพฯ
ในการประชุมดังกล่าวได้มีการหารือเรื่องการติดตามการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน หลังจากที่มูลนิธิและเครือข่ายรวม 35 องค์กรได้ยื่นข้อเสนอต่อการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมแล้ว เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2561
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 สมณ์ พรหมรส อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้กล่าวในเวทีสหประชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนว่า แผนปฏิบัติการฯ ที่กำลังร่างนั้นกำลังจะแล้วเสร็จและคาดว่าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 2561 มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนและเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ติดตามกระบวนการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ มาอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดประชุมเพื่อติดตามเรื่องดังกล่าวขึ้น โดยประสานไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อให้นำร่างแผนปฏิบัติการฯ มาเผยแพร่
โดยในการประชุมกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้มอบหมายให้ นรีลักษณ์ แพชัยภูมิ ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เข้าร่วมประชุมกับภาคประชาสังคมเพื่อนำเสนอความคืบหน้าของการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ โดยระบุว่า ที่ผ่านมา กรมฯ ได้นำร่างแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากส่วนราชการและภาคธุรกิจแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขร่าง และคาดว่าจะจัดทำร่างให้แล้วเสร็จภายเดือนธ.ค. 2561 นี้ ก่อนนำเผยแพร่ต่อสาธารณะทางเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกประมาณ 1 เดือน ก่อนนำมาปรับปรุงและเสนอต่อสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนภาคประชาสังคมซึ่งเป็นตัวแทนของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาทั้งของภาคธุรกิจและภาครัฐและตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชนได้ร่วมกันตรวจสอบร่างแผนปฏิบัติการฯ ที่กรมฯ ได้นำเสนอพบว่า ข้อเสนอแนะจากภาคประชาสังคมบางส่วนได้ถูกนำไปบรรจุไว้ในร่างแผนปฏิบัติการฯ แล้ว แต่ยังมีข้อเสนออีกหลายประเด็นสำคัญซึ่งไม่ถูกบรรจุไว้ในแผน มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนและภาคีเครือข่ายจำนวน 58 องค์กร จึงตกลงร่วมกันว่าจะดำเนินการจัดทำข้อเสนอเพื่อเสนอแนะต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพอีกครั้ง และได้ออกแถลงการณ์เพื่อแสดงความเห็นต่อร่างแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ตัวแทนชุมชนและองค์กรภาคประชาสังคมผู้ติดตามการจัดทำ“แผนปฏิบัติการระดับชาติ ว่าด้วย ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน” ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 2561
ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดทำ “แผนปฏิบัติการระดับชาติ ว่าด้วย ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน” ซึ่งชุมชนและองค์กรภาคประชาสังคม จำนวน 35 องค์กร ได้ส่งข้อเสนอแนะต่อแผนดังกล่าว ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 โดยหลังจากนั้น ในฐานะที่เครือข่ายฯ ติดตามกระบวนการจำทำแผนดังกล่าวมาตลอด แต่ไม่เคยได้ทราบถึงเนื้อหาของร่างแผนปฏิบัติการดังกล่าว
ในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามกระบวนการจัดทำ “แผนปฏิบัติการระดับชาติ ว่าด้วย ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน” โดยเชิญตัวแทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพมาให้ข้อมูลถึงกระบวนการจัดทำแผนฯ ซึ่งทางกรมฯ ได้นำเอาร่างฉบับล่าสุด ฉบับลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 มาเผยแพร่ในการประชุมด้วย ทางผู้เข้าประชุมได้พิจารณาร่างดังกล่าวเปรียบเทียบกับข้อเสนอของชุมชนและภาคประชาสังคมที่ได้เสนอไว้ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 พบว่า เป็นที่น่ายินดีที่ข้อเสนอแนะบางส่วน ได้ถูกบรรจุไว้ในร่างเนื้อหาแผนฉบับนี้ แต่ก็ยังมีข้อเสนอแนะที่เป็นสาระสำคัญบางประการ ยังไม่ได้รับการบรรจุไว้ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ ๆ เช่น
- ให้ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ลิดรอนสิทธิชุมชน สิทธิในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในการแสดงออก ทั้งหมด
- ต้องมีกฎหมายลงโทษทั้งทางทางแพ่งและอาญากับบริษัทที่จัดทำ EIA/EHIA ที่ใช้ข้อมูลเท็จ ไม่สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และปัญหาข้อเท็จจริง
- การจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม โดยต้องจัดตั้งกองทุนก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตในการดำเนินงาน
- แก้ไขกฎระเบียบกองทุนยุติธรรมให้สามารถช่วยเหลือผู้ที่ถูกดำเนินคดีให้ดียิ่งขึ้น เช่น ให้มีความเป็นอิสระ มีมาตรฐานเดียวกัน รวดเร็ว มีทรัพยากรที่เพียงพอ และเพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชน เช่น ให้ตัวแทนจากภาคประชาสังคมเข้าร่วมในการทำงานของคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมระดับจังหวัด และให้การดูแลความปลอดภัยต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและให้ครอบคลุมถึงครอบครัวของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
- ให้อำนาจคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมากขึ้นในเรื่องการจัดการร้องเรียนที่มีผลบังคับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ให้จัดตั้งกองทุนเงินเยียวยาแรงงานข้ามชาติในการทำงานให้ครอบคลุม ตลอดทั้งให้ BOIต้องมีกระบวนการคุ้มครองแรงงานกรณีที่ทุนย้ายฐาน ปิดงาน หรือปิดกิจการ
- ให้รับรองอนุสัญญา ILO ข้อ 87 ข้อ 98 ตลอดทั้งอนุสัญญาอื่นๆที่เดี่ยวข้องกับแรงงานทั้งหมด
- เร่งรัดให้มีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ที่รับทราบข้อมูลที่รับทราบข้อเสนอและนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาสิทธิชุมชน ในทุกกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้แล้ว ทั้งกรณีโรงงานน้ำตาลในกัมพูชา กรณีการการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ประเทศเมียนมาร์
- ภาคธุรกิจต้องมีหน่วยงานรับเรื่องราวร้องเรียนที่มีลักษณะข้ามพรมแดน ตลอดทั้งยอมรับว่า การดำเนินกิจการของบริษัทที่ลงทุนในต่างประเทศ แม้จะมีการจดทะเบียนเป็นคนละนิติบุคคล แต่ต้องถือเสมอว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันที่ได้กระทำการ หากเกิดการละเมิดสิทธิโดยบริษัทในต่างประเทศก็จะรับผิดชอบร่วมกัน
จากการประชุมในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ได้มีข้อเสนอเพิ่มเติมจากชุมชนและเครือข่ายภาคประชาสังคม ซึ่งทางมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนจะรวบรวมทำข้อเสนอเพิ่มเติม เพื่อส่งให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพพิจารณาอีกครั้งภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ทันต่อกระบวนการสรุปเนื้อหาของแผนฯ ตามขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ทางพวกเราตามรายชื่อข้างท้าย เห็นว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุด นอกจากกรมฯ จะต้องนำข้อเสนอทั้งหมดของภาคประชาสังคมไปบรรจุไว้ในแผนแล้ว ทางกรมฯ จะต้องเผยแพร่เนื้อหาร่างแผนฯ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการให้ความเห็นในฉบับสุดท้าย ก่อนที่กรมฯ จะสรุปนำส่งต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ พวกเราฯยังเห็นว่า แผนปฏิบัติการระดับชาติ ว่าด้วย ธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินธุรกิจทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน และพวกเราจะทำหน้าที่ติดตามและผลักดันในนามภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดบังคับใช้แผนปฏิบัติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน และมีกลไกการตรวจสอบการปฏิบัติใช้ของภาครัฐและภาคเอกชนในอนาคตต่อไป
ลงชื่อ
- กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด จังหวัดเลย
- กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี
- กลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าชีวมวลอำเภอหนองหาร จังหวัดอุดรธานี
- กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูลุ่มน้ำลำพะเนียง
- กลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำลำเซบาย
- กลุ่มรักษ์น้ำอูน จังหวัดสกลนคร
- กลุ่มฅนรักษ์เกิดบำเหน็จณรงค์
- กลุ่มรักษ์บ้านแหง
- กลุ่มรักษ์ผาปัง
- กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอำเภอแม่สาย
- กลุ่มรักษ์ถิ่นเกิดตำบลคู
- กลุ่มลูกปูลม
- กลุ่มเด็กรักษ์หาดสวนกง
- เครือข่ายเยาวชนฅนต้นน้ำ
- เครือข่ายลุ่มน้ำสรอยจังหวัดแพร่
- เครือข่ายชุมชนรักอ่าวปากบารา
- เครือข่ายเทใจให้เทพาหยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน
- เครือข่ายประชาชน 7 จังหวัดลุ่มน้ำโขง
- เครือข่ายประชาชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดอุดรธานี
- เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่แห่งประเทศไทย
- เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน
- เครือข่ายพัฒนาชุมชนประมงท้องถิ่นระยอง
- เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล
- เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน
- เครือข่ายพลเมืองนครนายก
- มหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ
- สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
- สมาคมรักษ์ทะเลจะนะ
- สมาคมพิทักษ์สิทธิชุมชนเขาคูหา
- สมาคมพลเมืองนครนายก
- กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา
- โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่
- Mekong Butterfly
- เสมสิขาลัย
- เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนภาคใต้
- เครือข่ายประชากรข้ามชาติ
- เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ สาขาหาดใหญ่
- สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สาขาหาดใหญ่ (ภาคใต้ตอนล่าง)
- EarthRights International
- Extraterritorial Obligations Watch Coalition (ETOs Watch Coalitions)
- ศูนย์พิทักษ์สิทธิชุมชนลุ่มน้ำชีตอนล่าง
- ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม
- ศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทะเลสงขลา
- ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา
- ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
- ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น
- คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคใต้ (กป.อพช.)
- สมาคมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
- สมาคมรักษ์ทะเลไทย
- สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
- สมาคมผู้บริโภคสงขลา
- มูลนิธิภาคใต้สีเขียว
- มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม
- มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม
- มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
- มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
- มูลนิธิแม่น้ำนานาชาติ
- มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)