#ต้องช่วยกันเอาความจริงออกมา สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี มีหนังสือตอบกลับคำร้องถึงการใช้งบฯ สถาบันพระมหากษัตริย์ ของ 'ทนายอานนท์' โดยโยนต่อสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางแจง ส่วนกรณีขอให้นายกฯ เป็นพยาน ต้องรอหมายเรียกจาก ตร. อัยการ หรือศาลก่อน โดยประเด็นนี้ก่อนยื่นอานนท์ก็โดนฟ้อง พ.ร.บ.คอมฯ หลังยื่นหนังสือก็โดน ม.116
14 ธ.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น ที่ผ่านมา อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์หนังสือตอบกลับจาก สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือตอบกลับถึงตน ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะ กรณีเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและชี้แจงการใช้งบประมาณที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา
โดยหนังสือตอบกลับ ระบุว่า ได้ประสานส่งเรื่องให้ สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลาง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบกรณีที่ท่านได้มีหนังสือกราบเรียนนายกฯ ดังกล่าว เพื่อรับทราบข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่เเละอำนาจต่อไปเเล้ว สำหรับกรณีขอให้นายกฯ เป็นพยานบุคคลนั้น กรณีดังกล่าวหากพนักงานสอบสวน อัยการ หรือศาลได้มีหมายเรียกเอกสารหรือพยานบุคคลในกระบวนการพิจารณาคดีเเล้ว สำนักปลัดนายกฯ จะได้ดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมต่อไป
อานนท์ โพสต์ข้อความประกอบหนังสือนี้ด้วยว่า "หนังสือตอบกลับจากสำนักนายก เรื่องปกติก็ควรทำให้ปกติ ไม่เห็นจะแปลกอะไร"
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา อานนท์ ได้กล่าวถึงการยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเรียกร้องให้ชี้แจงการใช้การใช้งบประมาณที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า สืบเนื่องมาจากมีการถกเถียงกันถึงงบประมาณที่สนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์มาจากภาษีประชาชนหรือไม่ หลังจากนั้นตนก็ถูกเพจของกลุ่มกษัตริย์นิยมที่มาล่าแม่มด แจ้งความดำเนินคดีด้วยข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตนจึงต้องการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ข้อเรียกร้องของอานนท์ที่ระบุไว้ในหนังสือ มีทั้งหมด 3 ข้อ
- ข้อแรกให้มีการชี้แจงการใช้งบประมาณเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม และให้มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีทำหนังสือถึงพระราชวังให้ชี้แจงการใช้งบประมาณแผ่นดิน และเงินคงเหลือทั้งหมด
- ข้อสอง ให้ขอรับเงินงบประมาณแผ่นดินที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์จากทุกหน่วยงานของรัฐเฉพาะในส่วนที่เกินจำเป็นและที่คงเหลือคืน เพื่อนำมาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
- ข้อสุดท้าย ขอให้ส่งเอกสารที่ตรวจสอบแล้วแก่พนักงานสอบสวนในคดีที่เขาตกเป็นผู้ต้องหา และหากคดีต้องไปถึงชั้นศาล ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นพยานฝ่ายจำเลยในคดีด้วย
ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กแฟนเพจ อึ้งเอี๊ยะซือ เทื้อเอี้ยวเกีย V3 ซึ่งทางแฟนเพจได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2563 ว่ามีลูกเพจที่อาศัยอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีทนายอานนท์ด้วยข้อหานำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 จากการที่เขาไปถกเถียงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงบสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ใช้เงินภาษีประชาชน โดยทางเพจดังกล่าวโต้แย้งว่าพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เงินภาษี
ยื่นหนังสือขอตรวจสอบงบฯ ยังโดนแจ้ง 116
ทั้งนี้ อานนท์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวประชาไท ด้วยว่า จากการยื่นหนังสือครั้งนั้น มีคนไปแจ้งความ ม.116 ยุยงปลุกปั่น ตนที่ สภ.เมืองปทุมธานีซึ่งไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว
19 ต.ค.63 เวลา 10.00 น. ตร.สภ.เมืองปทุมธานี เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหา ยุงยงปลุกปั่น ม.116 และ พรบ.คอมฯ กับอานนท์ นำภา ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ จากเหตุอานนท์เข้ายื่นหนังสือต่อประยุทธ์เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องงบประมาณแผ่นดินส่วนพระมหากษัตริย์
— TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (@TLHR2014) October 29, 2020
อ่านต่อ https://t.co/8iYxFVYfp1 pic.twitter.com/ZhFdgG0e0r
ซึ่งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนจากสภ.เมืองปทุมธานี ได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาอานนท์ ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ จากเหตุที่ บุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทนายความ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.เมืองปทุมธานี กรณีเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. อานนท์ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดินที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และขอให้มีการเรียกรับคืนงบประมาณในส่วนที่ไม่จําเป็นมาใช้ในการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งมีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับที่มาของงบประมาณของสถาบันกษัตริย์
ศูนย์ทนายความฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหายังระบุว่า ระหว่างเดือนมีนาคม 2563 ตลอดมา อานนท์ได้มีการโพสต์ข้อความและภาพต่างๆ อันเป็นเท็จอีกหลายครั้งในลักษณะเดียวกัน บุญถาวรเห็นว่าการกระทำของอานนท์ เป็นการนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต อีกทั้งไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือเขียนข้อความติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทําได้เพื่อป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม หากแต่การกระทําของอานนท์เป็นการกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยการนําข้อมูลที่เป็นภาพและข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันมิใช่เป็นการกระทําไปในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
บุญถาวรจึงใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 50 ทําหนังสือยื่นต่อ พล.ต.ต. ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2563 เรื่องกล่าวโทษให้ดําเนินคดี หลังจากนั้นผู้แจ้ง จึงได้มากล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ให้ดําเนินคดีกับอานนท์ในความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฐานความผิด เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมยศ ดำจันทร์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.เมืองปทุมธานี ได้แจ้งข้อกล่าวหาอานนท์ในข้อหา “กระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ”
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)