Skip to main content
sharethis

รักษาการแทน ปธน. แห่งรัฐบาลเงา ‘NUG’ กล่าวสุนทรพจน์ในวันครบรอบ 74 ปีประเทศพม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ (4 ม.ค.) พร้อมเรียกการทำสงครามปกป้องตนเองต่อสู้กับกองทัพพม่าครั้งนี้ เป็น ‘การต่อสู้ครั้งที่ 2 เพื่อเอกราช’ 

ดูหว่าละชิละ รักษาการแทนประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) (ภาพจากไลฟ์สดเฟซบุ๊ก National Unity Government of Myanmar)

7 ม.ค. 65 สำนักข่าวพม่า ‘อิระวดี’ รายงานเมื่อ 5 ม.ค. 65 ระบุว่า ดูหว่าละชิละ รักษาการแทนประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของประเทศพม่า กล่าวในวันครบรอบ 74 ปี ประเทศพม่าได้รับเอกราชจากจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 ม.ค.ของทุกปี พร้อมระบุว่า การประกาศทำสงครามปกป้องตนเองของรัฐบาล NUG ซึ่งประกาศเมื่อ 4 เดือนก่อนหน้านี้ คือ การต่อสู้ครั้งที่ 2 เพื่อเอกราชของประเทศพม่า  

รักษาการ ปธน. รัฐบา่ล NUG ระบุว่า แม้ว่าประเทศพม่าขณะนี้จะได้รับเอกราชจากการปกครองของอาณานิคมแล้ว แต่ประชาชนยังคงต้องเจ็บปวด จากการใช้ความรุนแรงและการปราบปรามด้วยความโหดร้ายของรัฐบาลทหารพม่า (SAC) นอกจากนี้ ตัวแทน NUG ยังชี้ให้เห็นว่า นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี ค.ศ. 1948 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติไม่นาน จนถึงปัจจุบัน กองทัพพม่ามีการทำรัฐประหารไปแล้วทั้งสิ้น 4 ครั้ง ได้แก่ ในปี 1962 ยึดอำนาจจากอูนุ ปี 1988 ปี 1992 และล่าสุดปี 2021 

“ตราบเท่าที่เจ้าของอำนาจอธิปไตยของประเทศยังคงสูญเสียสิทธิของตนเอง เราไม่สามารถพูดได้ว่าประเทศได้รับเอกราชแล้ว” รักษาการ ปธน. กล่าว

อิระวดีเผยสถิติว่า นับตั้งแต่กองทัพพม่าทำรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ. 64 จนถึง 4 ม.ค. 65 กองทัพพม่าสังหารประชาชนที่ต่อต้านกองทัพไปแล้วทั้งสิ้น 1,435 ราย ทรมานผู้ถูกคุมขังจนเสียชีวิต 100 ราย และมีการจับกุมประชาชนอย่างน้อย 11,300 คน

ดูหว่าละชิละ กล่าวว่า ในการเผชิญหน้ากับการทำรัฐประหารนองเลือดและการใช้ความโหดเหี้ยมอย่างต่อเนื่องกับประชาชน ประชาชนไม่มีทางเลือกทางจากทำสงครามปกป้องตัวเอง เพื่อทำลายเผด็จการทหารพม่า 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน 7 ก.ย. 64 กองกำลังต่อต้านเริ่มปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายกองทัพพม่ามากขึ้น และทำให้กองกำลังความมั่นคงพม่าได่รับความเสียหายหนัก ขณะเดียวกัน เผด็จการทหารพม่าเพิ่มความโหดร้ายของพวกเขา มีการสังหารหมู่ประชาชน ใช้ประชาชนเป็นเกราะกำบัง ยิงกระสุนปืนใหญ่และทิ้งระเบิดในเขตที่พักอาศัยของพลเรือน ตลอดจนปล้นและเผาบ้านเรือนประชาชน

การรบระหว่างกองทัพพม่า และกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ (EAOs) รุนแรงขึ้น และมีบางกลุ่มเข้าร่วมกับกองกำลังพลเรือน

“เพื่อการล้มเผด็จการทหารพม่าและการสร้างสหภาพสหพันธรัฐประชาธิปไตย สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือพลังทางการเมืองทั้งหมด รวมถึงกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ ต้องสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเข้าร่วมกับการปฏิวัติประชาชน” รักษาการแทนประธานาธิบดี กล่าว

นอกจากนี้ ดูหว่าละชิละ ยังปฏิเสธข้อเรียกร้องของหัวหน้าคณะรัฐประหาร พลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพพม่า ที่ต้องการให้กองกำลังชาติพันธุ์เฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยการเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพ 

เขาระบุว่า เป็นความพยายามในการถ่วงเวลาและหาออกจากวิกฤตทางการเมือง หลอกลวงประชาคมโลก และทำให้กองกำลังต่อต้านสับสน 

“การทำรัฐประหารเหยียบย่ำความหวังต่อการสร้างสันติภาพ พวกเขา (กองทัพพม่า) ทำลายสันติภาพและอนาคตของประเทศ” ดูหว่าละชิละ กล่าว 

การประกาศสงครามของรัฐบาล NUG ต่อทหารพม่า ทำให้นานาชาติเรียกร้องให้ฝั่งกองทัพพม่าและฝ่ายพลเรือน เปิดการเจรจาร่วมกันหาทางออกจากวิกฤตการเมือง คริสทีน ชราเนอร์ บัวเกเนอร์ ผู้แทนพิเศษแห่งสหประชาชาติต่อสถานการณ์เมียนมา ก่อนที่เธอจะหมดวาระลง เธอเป็นหนึ่งในคนที่พยายามโน้มน้าวให้หัวหน้าคณะรัฐประหารเข้าร่วมการเจรจาหาข้อยุติวิกฤตการทางการเมืองและสังคมที่กำลังดำเนินอยู่หลังการทำรัฐประหารล่าสุด อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่าความพยายามหลายเดือนที่ผ่านมาต้องประสบความล้มเหลว และไม่ได้ผลลัพธ์ใดๆ กลับมา 

เธอกล่าวด้วยว่า ชัดเจนว่าทางทหารพม่าไม่ได้ตั้งใจแก้ปัญหาอย่างสันติ ซึ่งส่งผลให้กลุ่มการเมืองอื่นๆ รู้สึกว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา 

นอกจากนี้ ฉันทามติ 5 ข้อ ที่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย เคยรับปากในที่ประชุมอาเซียนสมัยพิเศษเมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว หนึ่งใน 5 ข้อนั้นเรียกร้องกองทัพพม่าเปิดการเจรจาหาทางออกทางการเมืองกับฝ่ายพลเรือน แต่ดูเหมือนฉันทามติดังกล่าวแทบไม่ใกล้เคียงกับการถูกนำไปปฏิบัติเลย

รักษาการแทน ปธน. รัฐบาลเงา กล่าวเพิ่มว่า อาชญากรสงครามที่เปื้อนเลือดของประชาชนไม่ควรจะมาเจรจา แต่ควรถูกนำตัวไปขึ้นศาลทั้งในและนอกประเทศมากกว่า 

นอกจากนี้ รัฐบาล NUG มีการจดบันทึกข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่ออาชญากรรมต่อพลเรือนที่กระทำโดยกองทัพพม่า และยื่นคำร้องให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อ

รักษาการแทน ปธน. รัฐบาลเงา ระบุว่า การปฏิวัติที่ประชาชนยอมเสียสละชีวิตในช่วง 11 เดือนหลังรัฐประหารจะต้องมีความคืบหน้าในปี ค.ศ. 2022 หรือ พ.ศ. 2565 และระบุด้วยว่าเขาไม่สงสัยเลยว่าประชาชนจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน  

ทั้งนี้ รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) เป็นรัฐบาลคู่ขนานหรือรัฐบาลเงาที่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วงชิงอำนาจการบริหารประเทศจากกองทัพพม่าที่ทำรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ. 64 รัฐบาล NUG ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อ 16 เม.ย. 64 หรือ 8 เดือนที่แล้ว โดยสมาชิกส่วนใหญ่มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. 63 ส.ส.จากพรรคการเมืองชาติพันธุ์ และนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย 

 

แปลและเรียบเรียง

Head of Myanmar’s Shadow Govt Vows to Continue ‘Second Struggle for Independence’

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net