Skip to main content
sharethis

สปสช.รณรงค์ 21 มี.ค. “วันดาวน์ซินโดรมโลก” ให้สาธารณชนตระหนัก และสนับสนุนพัฒนาการเด็กให้ดีขึ้นเท่าที่จะทำได้ พร้อมชูสิทธิประโยชน์บัตรทอง คัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ พร้อมขยายจำนวนครั้งฝากครรภ์ไม่จำกัด

 

21 มี.ค. 65 ทีมสื่อ สปสช. รายงานวันนี้ (21 มี.ค.) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยทุกวันที่ 21 มี.ค.ของทุกปี ถือเป็น วันดาวน์ซินโดรมโลก (World Down's syndrome Day) ซึ่งในวันนี้องค์การดาวน์ซินโดรมทั่วโลกจะจัดและเข้าร่วมงานที่ต้องการให้สาธารณชนเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับดาวน์ซินโดรม โดยมีการจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2549 ที่ประเทศสิงคโปร์ และจัดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันโดยสมาคมดาวน์ซินโดรม

นพ.จเด็ด ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับเด็กที่มีกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันในลักษณะเฉพาะตัว อันเกิดจากยีนหรือสารพันธุกรรมบนโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินเป็น 3 แท่ง ซึ่งเป็นที่มาของวันที่ 21 มี.ค.ของทุกปี โดยเด็กที่มีกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม จะมีปัญหาสุขภาพรวมถึงพัฒนาการที่ล่าช้า จำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพ การสนับสนุนพัฒนาการต่อเนื่อง ก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากและกลายเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการ

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่งมีหลักการสำคัญคือดูแลคนไทยให้เข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุขอย่างครอบคลุมและทั่วถึง รวมถึงผู้ที่มีกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม ให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้เข้าถึงการรักษา บริการสาธารณสุข การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ตามสิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทอง เพื่อส่งเสริมพัฒนาการให้ดีขึ้นเท่าที่เด็กสามารถจะทำได้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้จัดสรรงบประมาณรายปีให้กับ สปสช. เพื่อบริหารจัดการสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) ให้กับประชาชนคนไทยทุกสิทธิ ซึ่งจะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต และประหยัดงบประมาณในการรักษาพยาบาลในระยะยาวได้ โดยในปีงบประมาณ 2565 สปสช.จัดหมวดงบประมาณด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้ทันสมัยและเป็นปัจจุบันมากขึ้น

นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค สปสช. ได้จัดหมวดหมู่สิทธิประโยชน์ออกเป็นตามช่วงวัย ประกอบด้วย 1.สิทธิประโยชน์ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด 2.กลุ่มเด็กเล็กอายุ 0-5 ปี 3.กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6-24 ปี 4.กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี และ 5.กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยในส่วนการดูแลการตั้งครรภ์ในสิทธิประโยชน์ของบัตรทองนั้น ล่าสุดในปีนี้ได้มีการขยายกำหนดจากเดิมฝากครรภ์ 5 ครั้ง เปลี่ยนเป็นไม่จำกัดตามดุลยพินิจของแพทย์

พร้อมกันนี้ สปสช.ยังได้แยกการจ่ายสำหรับบริการฝากครรภ์และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Lab) ที่จำเป็นออกจากกัน รวมถึงการจ่ายเฉพาะการตรวจและบริการพิเศษ เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับบริการได้อย่างสะดวกและได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานตามที่กำหนด โดยให้บริการตรวจ Lab ประกอบด้วย ตรวจซิฟิลิส ไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี ตรวจนับความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) ตรวจคัดกรองโลหิตจางธาลัสซีเมีย (MCV และ/หรือ DCIP) และหมู่โลหิต (ABO/Rh) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีบริการตรวจอัลตราซาวด์ การตรวจสุขภาพช่องปากและบริการขัดทำความสะอาดฟัน การตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม และการตรวจยืนยันธาลัสซีเมียและภาวะดาวน์ซินโดรม ตั้งแต่การมาฝากครรภ์ครั้งแรกหรือครั้งถัดมา และตรวจซิฟิลิส ไวรัสเอชไอวี ซ้ำอีกครั้งเมื่อใกล้คลอด ซึ่งทั้งหมดจะช่วยให้พ่อ-แม่สามารถวางแผนการดูแลครรภ์ หรือเตรียมความพร้อมด้วย สปสช.จึงขอเชิญชวนหญิงตั้งครรภ์ทุกสิทธิการรักษาสามารถไปรับบริการฝากครรภ์ได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิของท่านเพื่อรับการดูแลตามสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ตามมาตรฐานการฝากครรภ์คุณภาพของกระทรวงสาธารณสุข

"ส่วนกลุ่มของเด็กแรกเกิด เมื่อทารกคลอดออกมาก็จะได้รับการตรวจภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนและโรคฟินิลคีโตนูเรีย โดยในปีนี้ได้มีการขยายสิทธิประโยชน์ใหม่สำหรับการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมเมตาบอลิก 40 โรคด้วยเครื่อง Tandem mass spectrometry ซึ่งปัจจุบันตรวจประมาณ 24 โรค ให้กับเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือสงสัยจากการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิประโยชน์บัตรทองที่มอบให้กับคนไทยตั้งแต่อยู่ในครรภ์" นพ.จเด็จ กล่าว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso

สำหรับ E-book สิทธิประโยชน์ส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคสำหรับคนไทยทุกกลุ่มวัย

https://stream.nhso.go.th/assets/portals/1/ebookcategory/159_NHSO_Health_Promotion_Guidebook/NHSO_Health_Promotion_Guidebook/#page=1

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net