Skip to main content
sharethis

ช่วงสาย กกต.แถลงหลังเปิดหีบแล้ว 2 ชั่วโมง มีเรื่องร้องเรียน 163 เรื่อง ซื้อเสียง-ให้ทรัพย์สิน-หลอกลวงใส่ร้าย ยันแจ้งเหตุความผิดพลาดของ กปน.ได้ แต่อย่าพูดลอยๆ ต้องระบุหน่วยให้ชัด เพราะจะไม่เป็นธรรมกับ กปน. ย้ำข้อพึงระวังก่อนหย่อนบัตร อย่าแสดงความเห็นตอนไลฟ์สด

14 พ.ค.2566 ช่วงสายของวันนี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.แถลงข่าวภาพรวมการเปิดหน่วยเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป ในทั่วประเทศ ว่าภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บางพื้นที่ฝนตกแต่ไม่ส่งผลกระทบ สิ่งที่พบคือประชาชนตื่นตัวออกไปใช้สิทธิอย่างคึกคัก บางหน่วยต้องต่อคิวเพื่อเข้าไปลงคะแนน ส่วนเรื่องการจราจรเป็นปกติ โดยในวันนี้การลงคะแนนจะดำเนินไปจนถึงเวลา 17.00 น. หากผู้สังเกตการเลือกตั้งหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ได้รับความสะดวก หรือพบเห็นความผิดพลาดในการทำหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วย (กปน.) สามารถแจ้งต่อ กกต.ได้ แต่ขอให้มีการระบุหน่วยอย่างชัดเจนอย่าพูดลอยๆ เพราะจะไม่เป็นธรรมกับ กปน.

นายแสวง กล่าวถึงข้อพึงระวังในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งว่า อย่าจัดขนคนไปลงคะแนนยกเว้นเป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุญาต ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อเข้าไปในคูหาแล้วอย่าถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว  อย่าทำเครื่องหมายที่เป็นที่สังเกตลงในบัตร ห้ามทำลายบัตร ห้ามใส่เสื้อที่มีโลโก้พรรคหรือสัญลักษณ์ของผู้สมัคร และห้ามนำบัตรออกจากพื้นที่ รวมถึงห้ามพนันผลการเลือกตั้ง ส่วนหลังการปิดหีบเลือกตั้งแล้วประชาชนหรือผู้แทนของพรรคการเมือง สามารถสังเกตการณ์การนับคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งได้รวมถึงสังเกตการณ์การนับคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ที่สถานที่นับคะแนนกลางในเขตเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ได้เผยแพร่สถานที่นับคะแนนดังกล่าวทั้ง 400 เขตลงไว้ในเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต.

นายแสวง ได้เชิญชวนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก 7 ชั่วโมง จึงอยากให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากๆ เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความชอบธรรม และเป็นที่ยอมรับของทุกคน

นายแสวง กล่าวถึงตัวเลขเรื่องร้องเรียนว่า ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ กปน. ส่วนเรื่องอื่น ๆ มีการร้องเรียนแล้ว 163 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นการซื้อสิทธิขายเสียง ให้ทรัพย์สิน หลอกลวงใส่ร้าย ในจำนวนพอๆกัน โดยเป็นการร้องในทุกพื้นที่ โดย กทม.อาจจะมากที่สุดเพราะมีจำนวนเขตเยอะ แต่จำนวนเรื่องร้องเรียน 163 เรื่อง เทียบกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่าน ๆ มาถือว่าน้อย ซึ่งอาจเกิดจากการกดดันป้องปรามของสำนักงาน กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบางส่วนที่สามารถจับกุมได้ก็ต้องรอดูผลการสืบสวน ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่ากรณีมีการไลฟ์สดของสื่อออนไลน์ และมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นโดยระบุชื่อพรรค หมายเลขผู้สมัคร จะเข้าข่ายว่าเป็นความผิดหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า วันนี้โดยหลักแล้ว กฎหมายห้ามหาเสียงซึ่งก็ต้องดูข้อเท็จจริงว่า สิ่งที่กระทำเข้าองค์ประกอบของการหาเสียงหรือไม่ ซึ่งจะต้องดูเป็นราย ๆ ไป แต่สื่อซึ่งเป็นผู้ที่ทำการไลฟ์สดนั้น ควรต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว เพราะการแสดงความคิดเห็นบางครั้งก็เสียงว่าจะเป็นการหาเสียงได้ ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง

ตำรวจเผยพบซื้อเสียงคืนหมาหอน 2 คดี อยู่ระหว่างสอบอีก 4 สรุปยอดทำผิดกม.เลือกตั้ง 49 คดี

มติชนออนไลน์ รายงานว่าที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนวัดสามัคคีธรรม ซอยลาดพร้าว 80 แยก 14 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาใช้สิทธิเลือก ส.ส.

โดย ผบ.ตร.ได้เดินเข้ามาที่หน่วยเลือกตั้งและต่อคิวเพื่อลงคะแนนเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป พร้อมพูดคุยสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งและเดินดูความเรียบร้อย ก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่ารู้สึกดีที่ได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในฐานะพลเมืองไทย แต่ก็ยอมรับมีความกังวลเรื่องการจราจรในฐานะเป็นตำรวจ เนื่องจากคาดว่ามีประชาชนออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก บางหน่วยทราบว่ามีมากกว่า 5 พันคนขึ้นไป จึงได้กำชับตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั่วประเทศ ในการอำนวยความสะดวกดูแลประชาชนตลอดช่วงการลงคะแนนเลือกตั้งและหลังปิดหีบ ที่คาดว่ามีประชาชนมารอดูการนับคะแนนเสียง รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะมีฝนตกในหลายพื้นที่ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงาน จึงกำชับให้ตำรวจดูแลเรื่องชุดกันฝนและอุปกรณ์เตรียมการให้พร้อมเพรียง

ผบ.ตร. กล่าวต่อว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา พบการกระทำผิดเกี่ยวกับการซื้อเสียงแล้ว 5 คดี โดยคืนหมาหอนพบ 2 คดี อยู่ระหว่างการสืบสวนอีก 4 คดี สรุปขณะนี้ดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดกฎหมายเลือกตั้งรวม 49 คดี, ส่วนการทำลายป้ายหาเสียงทั้งหมดพบกว่า 200 คดี พร้อมระบุว่าใช้กำลังตำรวจกว่า 150,000 นาย ดูแลการเลือกตั้งทั่วประเทศกว่า 90,000 หน่วยเลือกตั้ง พร้อมฝากเตือนประชาชนและผู้ประกอบการงดจำหน่ายสุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนถึงเวลา 18.00 น.และระมัดระวังเรื่องการสวมใส่เสื้อที่มีสัญลักษณ์หรือโลโก้พรรคไปเลือกตั้ง ห้ามเล่นการพนันทายผลการเลือกตั้ง และถ่ายบัตรมาโชว์ เพราะเข้าข่ายทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

สำหรับบรรยากาศเขตเลือกตั้ง โรงเรียนวัดสามัคคีธรรม หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบความเรียบร้อยของหีบเลือกตั้ง และเปิดให้ประชาชนเข้าใช้สิทธิในเวลา 08.00 น. เป็นต้นมา มีประชาชนทยอยเข้าใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และครอบครัว จึงมีเจ้าหน้าที่คอยสอบถามและบอกเส้นทางตั้งแต่ทางเข้า แต่เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่ทราบว่าตนเองต้องใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งใด

สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 5 หน่วยเลือกตั้งที่ 8, 9 ,10,11 โรงเรียนวัดสามัคคีธรรม มีจำนวนผู้ใช้สิทธิทั้งหมด 3,009 คน

หลังจากนั้น เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้เดินทางตรวจจุดหน่วยเลือกตั้งเต็นท์บริเวณลานจอดรถด้านหน้ามูลนิธิโพธิภาวนาสงเคราะห์ สะพานใหม่ พื้นที่ สน.บางเขน ซึ่งเป็นหน่วยที่มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมากถึง 10,043 คน ซึ่ง ผบ.ตร.ได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องการจราจรที่จอดรถ เเละให้กำลังเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ 

จับซื้อเสียงเพิ่มอีก 3 จังหวัด สงขลา-พระนครศรีอยุธยา-พิจิตร หลักฐานเงินสดพร้อมโพยรายชื่อ ส่วนใหญ่ยังปัดเป็นหัวคะแนน

วันนี้ (14 พ.ค.) Thai PBS รายงานว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนวันเลือกตั้งยังพบการทุจริตเลือกตั้งในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะการซื้อเสียง แม้จะจับกุมได้พร้อมของกลาง แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ

โดยที่ จ.สงขลา ตำรวจประจำป้อมควนลัง อ.หาดใหญ่ คุวบคุมตัวนายวินัย บัวทอง อายุ 59 ปี พร้อมเงินสด 100,000 บาท และโพยรายชื่อชาวบ้านกว่า 100 คนไว้ตรวจสอบ หลังตำรวจได้รับแจ้งจากเครือข่ายประชาชนสังเกตการเลือกตั้งควนลัง พบรถต้องสงสัยจอดข้างกำแพงเทศบาลเมืองควนลัง เพื่อเตรียมซื้อเสียงเลือกตั้ง

ตรวจค้นในรถ พบบัญชีรายชื่อชาวบ้าน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่ออยู่ในรถกว่า 100 คน และมีเงินสดอยู่ในซองจำนวน 100,000 บาท พร้อมสติกเกอร์ผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 9 พรรคการเมืองหนึ่ง ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง

นายวินัย อ้างว่า เป็นหัวคะแนนให้ผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่งจริง มีหน้าที่รวบรวมรายชื่อชาวบ้านให้หัวคะแนนอีกทอดหนึ่ง ส่วนเงิน 100,000 บาท และโพยรายชื่อชาวบ้านที่พบในรถ ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะรถคันดังกล่าว มีทีมงานมาขอให้ช่วยขับรถเท่านั้น

ขณะเดียวกัน มีคลิปภาพเหตุการณ์ขณะกลุ่มพลเมืองดี เข้าไปขอตรวจสอบหญิงอายุ 34 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ในพื้นที่ต.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร หลังนำเงินซื้อเสียงไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านบริเวณร้านค้า โดยในตัวพบรายชื่อ และเงินซื้อเสียง เป็นธนบัตร 1,000 บาท จำนวน 5 ฉบับ และธนบัตร 500บาท อีก 8 ฉบับ รวม 9,000 บาท

ผู้ก่อเหตุยอมรับว่า รับเงินสดดังกล่าวมาจากพรรคการเมือง พรรคหนึ่ง เพื่อนำมาจ่ายลูกบ้าน คนละ1,000 บาท

ขณะที่ ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จับกุมหญิงคนหนึ่ง พร้อมของกลางเป็นเงินสดจำนวนหนึ่ง และรายชื่อของบุคคลที่ถูกจดไว้ในกระดาษ โดยเธออ้างว่าไม่ได้เป็นหัวคะแนน แต่ได้ไปรับเงินจำนวนดังกล่าวมาจริง เพื่อจะนำไปมอบให้กับลูกหลานที่อยู่ตามรายชื่อ

โดยได้รับมาจากหัวคะแนนของพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะคุมตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

รวบผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครพรรคใหญ่เขต 2 นครพนม พร้อมเงินสด 195,000 บาทเตรียมซื้อเสียง

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2566 ว่าเมื่อเวลา ประมาณ 15.00 น.วันที่ 12 พ.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเคลื่อนที่เร็วเฉพาะกิจของ กกต.เขต 2 จังหวัดนครพนม ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการแจกเงินซื้อเสียง โดยผู้ช่วยหาเสียงของพรรคการเมืองหนึ่งที่บ้านหนองไฮ ต.รามราชอ.ท่าอุเทน สายข่าวระบุว่าผู้ช่วยหาเสียงคนดังกล่าวคือนายมานพ เดชสอน

หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่านายมานพ มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครสังกัดพรรคใหญ่พรรคหนึ่งที่ได้แจ้งไว้กับ กกต.จังหวัดนครพนมแล้ว เมื่อทราบดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้รุดไปตรวจสอบหาความเคลื่อนไหว โดยดักซุ่มอยู่ข้างถนนระหว่างบ้านแพงสะพังไปบ้านหนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น.พบรถกระบะนิสสันบิ๊กเอ็มทะเบียน กฉ. 335 นครพนมวิ่งผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอตรวจสอบ พบคนขับคือ นายมานพ เดชสอน และเมื่อขอตรวจค้นในตัวนายมานพ ก็พบ ธนบัตร ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำ เป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาทและใบละ 500 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 195,000 บาท

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกตรวจยึดเงินจำนวนดังกล่าวไว้พร้อมนำตัวนายมานพ ส่งพนักงานสอบสวน สภ. ท่าอุเทน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ กกต.จังหวัดนครพนมเข้าสอบปากคำนายมานพ ว่านำเงินดังกล่าวมาซื้อเสียงตามที่ได้รับแจ้งหรือไม่

อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นนายมานพ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตนที่ปกติมักจะพกติดตัวไว้ซื้อของเข้าร้าน เพราะที่บ้านเปิดเป็นร้านขายของชำ ซึ่งปกติตนก็จะพกเงินสดประมาณนี้ไปซื้อของเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ไม่ได้เอารถของตนไป แต่ยืมรถเพื่อนมาใช้ เนื่องจากรถของตนปิดแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.อยู่ แต่ตอนขับไปซื้อของระหว่างทางเกิดฝนตกหนักจึงเปลี่ยนใจไม่ซื้อและขับรถกลับแต่ก่อนจะถึงบ้านก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน

หลังสอบปากคำเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกตรวจยึดเงินจำนวนดังกล่าวไว้พร้อมส่งตัวให้ชุดสอบสวนของ กกต.จังหวัดนครพนมทำการสอบปากคำนายมานพเพิ่มเติม ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแจกเงินซื้อเสียงหรือไม่ต่อไป

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net