Skip to main content
sharethis

'กิตติรัตน์ ณ ระนอง' ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เผยภายหลังเป็นประธานประชุมหารือเรื่องสภาวะตลาดหุ้นกับ ปลัดคลัง-ก.ล.ต.-ตลท. ยังไม่ได้มีมาตรการพิเศษที่จะหยุดความผันหวนและอ่อนแรงลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานในปีก่อนสูง และอีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นข้อกังวลของผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ บางเรื่องเป็นปัจจัยพื้นฐานปกติ ผลประกอบการ ภาวะเศรษฐกิจประเทศ และมีข่าวลือในตลาดเรื่องการทำ Naked Short Sell

13 พ.ย. 2566 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานตรงกันว่ากิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือ เรื่อง สภาวะตลาดหุ้น กับปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงบ่ายวันนี้ โดยไม่ได้มีมาตรการพิเศษที่จะหยุดความผันหวนและอ่อนแรงลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานในปีก่อนสูง และอีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นข้อกังวลของผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ บางเรื่องเป็นปัจจัยพื้นฐานปกติ ผลประกอบการ ภาวะเศรษฐกิจประเทศ และมีข่าวลือในตลาดเรื่องการทำ Naked Short Sell

ในการหารือได้อธิบายกับผู้บริหารทั้งสามหน่วยงาน เห็นพ้องว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ ก.ล.ต.และ ตลท.ปฏิบัติได้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะประเด็นที่อาจมีข้อกังวลว่ามีการทำ Naked Short Sell ทุบหุ้นไทย ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มี อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.และ ตลท.จะยกระดับมาตรการควบคุม Naked Short Sell ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นอีก

กิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามเน้นให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงการพยายามกระตุ้นเศรษกิจให้เติบโต โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการแถลงมาตรการแก้หนี้ของภาคประชาชนครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะส่งผลต่อดีภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นได้มากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้

ขณะที่กระทรวงการคลังจะหารือกับภาคเอกชนด้านตลาดทุนในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ESG Fund ลักษณะการลงทุนระยะยาวคล้ายกับ LTF แต่จะเข้าลงทุนในหุ้น ESG เชื่อว่าจะช่วยหนุนตลาดทุนในระยะยาว แต่ไม่ใช่การจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนพยุงหุ้น

นอกจากนี้ ประชาชาติธุรกิจ รายงานเพิ่มเติมว่าพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าตามที่ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีได้เชิญให้ทางกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาประชุมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เบื้องต้นพูดคุยกัน 3 ประเด็นหลักคือ

1. ได้มีการแชร์ข้อมูลของภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินการภายใต้นโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่น่าจะก่อให้เกิดการมองแนวโน้ม (outlook) เศรษฐกิจในปีหน้าในทิศทางที่ดีขึ้น จึงอยากจะให้ความมั่นใจในสิ่งที่ดูแลอยู่ นั่นคือการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งในวันนี้พรุ่งนี้ (14 พ.ย.) จะมีความชัดเจนเรื่องการแก้หนี้ ซึ่งมีมาตรการที่จะทำให้เกิดความมั่นใจได้

2. ได้มีการสอบถามข้อมูลจากสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับข้อกังวลตลาดหุ้นตก เพราะเกิดจากการทำชอร์ตเซล หรือโปรแกรมเทรดดิ้ง ซึ่งทั้งสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แชร์ข้อมูลว่ามีการติดตามสถานการณ์ของตลาดหุ้นตกซึ่งเกิดจากหลากหลายปัจจัย แต่มีความมั่นใจว่าการทำชอร์ตเซลหรือโปรแกรมเทรดดิ้ง ไม่ได้เป็นตัวก่อให้เกิดการกระทำที่ไม่เป็นธรรม หรือการทำผิดกฎหมายอย่างการทำ Naked short sell

ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการสอบทานและตรวจสอบด้วยวิธีการของระบบที่มีอยู่ตลอดเวลา และหากเจอยืนยันว่าสามารถเอาผิดตามกฎหมายได้ โดยปกติการสอบทานเป็นไปตามความเสี่ยง ถ้าเสี่ยงมากการสอบทานจะมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งท่านก็มีความมั่นใจกับข้อมูลที่ได้นำเสนอไป และให้ความมั่นใจกับกระบวนการในการปรับรูปแบบในการตรวจสอบและสอบทานให้เป็นไปตามความเสี่ยงต่าง ๆ

3. ทางปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้ข้อมูลว่าสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จะเข้าพบกระทรวงการคลัง เพื่อจะขอการสนับสนุนเรื่องการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ซึ่งพูดคุยถึงกองทุน ESG ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้การสนับสนุนแนวทางนี้ ขอให้อย่าไปมองว่าเป็นกองทุนเพื่อพยุงหุ้น เพราะไม่คิดว่าการพยุงหุ้นเป็นสิ่งที่เป็นเป้าหมาย แต่กองทุน ESG น่าจะเป็นการส่งเสริมการทำดี เพื่อให้ผู้ระดมทุนที่ทำดี

“กองทุน ESG มุ่งเน้นเรื่องการลงทุนระยะยาว แต่จะเน้นลงทุนในหุ้นไทย ตราสารหนี้ไทย ซึ่งจะดึงเม็ดเงินสภาพคล่องเข้ามาได้ ซึ่งส่งเสริมประเทศที่เปลี่ยนถ่ายไปหาสังคมสีเขียว จึงน่าจะตอบโจทย์ได้หลากหลาย” เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net