Skip to main content
sharethis


 


นายอำเภอบางสะพาน - พระกิตติศักดิ์เยี่ยมชาวบ้านปกป้องป่าพรุแม่รำพึง


เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ชาวบ้านตำบลแม่รำพึง ยื่นหนังสือค้านการขุดคลองระบายน้ำ ของโครงการโรงถลุงเหล็ก เครือสหวิริยา ต่อ นายธวัชชัย ดิษยนันทน์ นายอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพาลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยแกนนำกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมตามที่อ้าง เพราะพื้นที่เดิมทั้งหมดเป็นแก้มลิงธรรมชาติอยู่แล้ว หากมีการถมสูง 4 เมตร 1,142 ไร่ คลองระบายที่จะขุดกว้าง 4 เมตร ไม่มีทางช่วยอะไรได้ เพราะที่ผ่านมาน้ำท่วมหนัก พื้นที่ทั้งหมดกว่า 3,000 ไร่ยังมีระดับน้ำสูงถึง 4 เมตร โดยเฉพาะทางด้านเหนือของพื้นที่ดังกล่าวยังทับเส้นทางสาธารณะประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้สัญจร ทั้งเส้น กว่า 2 กิโลเมตรอีกด้วย


 


ทางด้านนายธวัชชัย ดิษยนันทน์ นายอำเภอบางสะพาน พบข้อเท็จจริงแล้วรับปากจะทำหนังสือด่วนให้ อบต.แม่รำพึงระงับการขุดคลองและตรวจสอบความชัดเจนโดยด่วนต่อไป


 


จากนั้น พระกิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจแก่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ แม่รำพึง ที่ศูนย์เฝ้าระวังการทำลายสิ่งแวดล้อม ริมป่าพรุแม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่รวมตัวกันคัดค้านโรงการโรงถลุงเหล็ก ขนาดใหญ่ ที่จะกระทบสิ่งแวดล้อมรุนแรงในชุมชน และระบบนิเวศป่าชุ่มน้ำ โดยให้ข้อคิด และกำลังใจแก่ชาวบ้านที่มีจิตสำนึกดี ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน โดยตอนหนึ่งท่านได้กล่าวว่า


 


"การที่โยมทั้งหลายออกมาเสียสละ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะว่าเราไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว ไม่ได้ทำเพื่อเฉพาะคนบางสะพาน แต่ทำให้กับคนทั้งประเทศ ทั้งโลกด้วยซ้ำ เพราะปัญหาโลกร้อนทุกวันนี้ก็เกิดจากคนเห็นแก่ตัวที่หวังเพียงทรัพย์สมบัติความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว และเรายังทำเผื่อคนที่หลงผิดที่มีความคิดอยู่ตรงข้ามกับเรา ให้เราเมตตาเขาด้วย เพราะเขายังไม่มีจิตสำนึกเท่าเรา"


 


หลังจากนั้น พระกิตติศักดิ์ ก็ได้ขอเดินเท้าเข้าดูความสมบูรณ์ของป่าพรุแม่รำพึง ก่อนเดินทางกลับ และบอกชาวบ้านให้อดทนและสู้ต่อไป....


 



 


"จินตนา" โต้ "รมช. มหาดไทย" เอียง ข้อมูลเพี้ยน


ด้าน นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ฯ บ้านกรูด กล่าวถึงต่อกรณีที่ นายบัญญัติ จันท์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้สดของ นายสมชาย แสวงการ สนช. กรณีชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงถูกรุมทำร้ายที่ อบต.แม่รำพึง และให้สัมภาษณ์กับ ผู้จัดการรายวัน เมื่อวันที่ 16 มกราคม ว่า ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเสื้อเขียวและเสื้อแดงมีมาก่อนแล้วนั้น


 


นางจินตนา กล่าวว่า ในความเป็นจริง กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง รวมตัวกันค้านโครงการโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยามาเกือบ 2 ปีโดยแกนนำส่วนใหญ่เป็นอดีตลูกจ้างชั่วคราวสถานีพัฒนาป่าชายเลนที่ 8 ซึ่งเป็นคนอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เกิด โดยร้องเรียนประเด็นทับที่ป่าพรุ ป่าชุ่มน้ำ ที่นายบัญญัติบอกว่าตรวจสอบแล้วมีหลักฐานการใช้ประโยชน์ชัดเจนนั้น ข้อมูลมาจากที่ไหน เพราะความจริงที่ดินดังกล่าวได้ถูกเพิกถอนแล้ว 1 แปลง และอีกหลายแปลง ทาง กสม. กำลังเสนอให้กรมที่ดินตรวจสอบอีกครั้งเนื่องจากภาพถ่ายทางอากาศ ตั้งแต่ปี 2519, 2535, 2545 ก็ไม่มีร่องรอยใช้ประโยชน์มาก่อนโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยโดยรอบพื้นที่อายุ 70 ปีแล้วยังไม่เคยเห็นใครทำประโยชน์ได้เนื่องจากดินเป็นกรดสูง


 


และเหตุการณ์วันที่ 19 ธ.ค. 2550 ที่ อบต.แม่รำพึง ท่านก็ถูกผู้ใต้บังคับบัญชาโกหกข้อมูลอีกคำโต แท้จริงชาวบ้าน 11 คนมิได้ใส่เสื้อเขียวแต่อย่างใด เข้ายื่นหนังสือค้านการถมดินเพราะพื้นที่โครงการติดวนอุทยานแม่รำพึง 1,200 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่กำลังจะประกาศยกระดับให้มีความสำคัญระดับชาติ และปัญหามลพิษอื่น เพราะผู้คัดค้านได้ตรวจสอบ (อีไอเอ) ฉบับแรกและจับผิดได้หลายประเด็นโครงการจึงถอน (อีไอเอ) ออกจาก สผ.ไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงได้ถูกกลุ่มอันธพาลรุมทำร้ายใน อบต.บาดเจ็บหลายคน มิใช้เป็นการยั่วยุกันอย่างที่ท่านกล่าว แต่เป็นการทำร้ายชาวบ้านมือเปล่า 11 คน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ นับร้อยนายซึ่งหน้า และไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด แต่กรณีปะทะกันนั้นคือหลังจากทางกลุ่มอนุรักษ์เข้ามาพยามช่วยตัวประกันที่ถูกปิดล้อมไว้ เท่านั้น


 


อีกอย่างเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านในพื้นที่รู้ดีว่ากลุ่มเสื้อแดงที่จัดตั้งกันขึ้นมาไม่ถึงสองเดือนนั้นเพื่ออะไร เพื่อใคร กำลังส่วนใหญ่มาจากที่ไหน และเหตุใดจึงมีแต่วัยรุ่น...โดยเฉพาะผู้อยู่เบื่องหลัง ชาวบ้านรู้ดีว่าเป็นใครบ้าง อยากให้ท่าน รมช.มาแอบนอนฟังเสียงปืนร่วมกับชาวบ้านดูบ้างว่าแต่ละวัน แต่ละคืนเป็นอย่างไร


 


ส่วนเรื่องที่กล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านเคยกักขังหน่วงเหนี่ยว ปิดล้อม อบต. 7 ช.ม. ทำลายกล้องโทรทัศน์ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับ รมช.ไม่น่าจะด้อยข้อมูลขนาดนี้ ถามว่าหากมีการทำอย่างนั้นจริง ให้ท่านคิดดูสิว่ากลุ่มคัดค้านที่ไม่มีหน่วยงานไหนแม้แต่ ผู้ใหญ่ อบต.เข้าข้าง มีหรือจะไม่โดนข้อหา


 


ยันชาวบ้านไม่ทำลายของราชการ แต่อาจมีบ้างที่เสียงดัง


แต่กลับกันทุกครั้งที่กลุ่มยื่นหนังสือจะมีนายตำรวจผู้ใหญ่อยู่ด้วย และจะมีหนังสือยืนยันลงบันทึกว่าเราไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับราชการ อาจจะมีก็เพียงเสียงดังบ้างเท่านั้น โดยเฉพาะที่บอกว่าใช้กำลังข่มขู่หน่วงเหนี่ยวนั้น ทางกลุ่มผู้คัดค้านได้บันทึก วีดีโอ โดยตลอด หากใครข้องใจขอดูได้ว่าหน่วงเหนี่ยวอย่างไร เพราะวันนั้นมีทั้ง นายอำเภอ ปลัดอาวุโส สวป. และเจ้าหน้าที่ อส.ของอำเภอ รวมกับชาวบ้านกว่า 20 คนในห้องนายอำเภอ ที่เป็นบรรยากาศหยอกล้อ ยิ้มหัวเราะกันดี เมื่อเซ็นยกเลิกใบอนุญาตแล้วท่านนายอำเภอ และ ท่านนายกยังกล่าวขอบคุณชาวบ้านที่ชุมนุมปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของชุมชน อย่างสงบ โดยใช้เครื่องเสียงของกลุ่มผู้คัดค้าน ในการชี้แจงด้วย และมีการบันทึก วีดีโอ ไว้ตลอด


 


จากการที่ท่านให้ข่าวออกมาเช่นนี้ก็พอสรุปได้ว่า การรับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่อาจจะอยู่ในเหตุการณ์และกลัวว่าจะถูกร้องเรียน ที่บกพร้องต่อหน้าที่ ที่ไม่มีการจับกุมคนร้ายที่ทำร้ายชาวบ้านมือเปล่า 11 คนบาดเจ็บ อาจจะเป็นข้อมูลที่ผิดๆ ปัญหาต่าง ๆ ที่ชาวบ้านเดือดร้อนและออกมาคัดค้านกว่า 1 ปีนั้นมิใช้เรื่องเล็ก พื้นที่ดังกล่าวเกี่ยวพันกับวิถีชีวิต แหล่งอาหารใหญ่ระดับชาติ เชื่อมโยงชัดเจนต่อแหล่งวางไขปลาทูที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย คือแหลมแม่รำพึง เพราะฉะนั้น ท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคนหนึ่ง ควรจะรอบคอบที่สุดต่อข้อมูลต่าง ๆ ก่อนที่จะออกเป็นข่าว ซึ่งหมายถึงมีผลต่อขวัญและกำลังใจต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติที่ควรให้เกิดขึ้นจริงมิใช้เป็นเพียงนโยบายลอย ๆ อีกอย่างเรื่องราวของกรณีนี้เปิดกว้างไปนานแล้วแต่ท่านยังตกเนื้อหาอยู่ หรือจงใจ เพราะมีนายทหารอาวุโส เกี่ยวพันกับโครงการอยู่ด้วย นางจินตนากล่าว


 


ท้งนี้ เมื่อจันทร์ที่ 14 ที่ผ่านมา ผู้ตรวจการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงตรวจดูพื้นที่ ป่าพรุแม่รำพึงแล้ว และก่อนหน้านี้ทางสำนักความหลากหลายทางชีวภาพ และ สผ. ก็ได้เปิดรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากชาวบ้าน และเตรียมประกาศยกระดับให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net