เมื่อวันที่ 19 เม.ย. เวลา 15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก 2008 เริ่มต้นขึ้นจากจุดเริ่มต้นซุ้มประตูวงเวียนโอเดียน ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ เครือข่ายทิเบตเสรีและองค์กรเครือข่ายได้ร่วมชุมนุมกัน เพื่อประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีน จากกรณีการปราบปรามผู้ชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพที่กรุงลาซาในทิเบตอย่างรุนแรง โดยมีผู้ชุมนุมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ กว่า 300 คน เข้าร่วมด้วยการแขวนป้ายชื่อป้ายชาวทิเบตที่ถูกทางการจีนจับกุมและใช้กำลังปราบปรามด้วยความรุนแรง ระหว่างการประท้วงในทิเบตไว้ พร้อมชูธงทิเบต และป้ายทั้งภาษาไทยและต่างประเทศเพื่อต่อต้านความรุนแรงในทิเบต

นอกจากนี้ เครือข่ายทิเบตเสรี และองค์กรเครือข่าย ได้แจกแถลงการณ์ "สมานฉันท์เพื่อประชาชนทิเบต หนึ่งโลก หนึ่งสันติภาพ" ให้แก่ผู้คนที่เดินผ่านไปมา โดยชี้แจงว่า ไม่ได้มีจุดยืนในการบอยคอตหรือต่อต้านการจัดกีฬาโอลิมปิก แต่ในฐานะที่โอลิมปิก เป็นกีฬาแห่งมนุษยชาติและกีฬาเพื่อ "สันติภาพ เสรีภาพ ความสมานฉันท์ และการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ตามที่กฎบัตรของโอลิมปิกว่าไว้ จึงขอแสดงจุดยืนในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนที่รักสันติและมนุษยชาติว่า รัฐบาลจีนควรจะเคารพหลักการของโอลิมปิก ไม่ใช่ว่าจะละเมิดเสียเอง

แถลงการณ์ระบุข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ดังนี้ 1.เรียกร้องให้รัฐบาลจีนและคณะกรรมการโอลิมปิกยกเลิกการวิ่งคบเพลิงในกรุงลาซา เนื่องจากกังวลว่าจะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนัก หลังจากที่ผู้ว่าการทิเบตได้ออกมากล่าวว่าจะมีการปราบผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงให้ถึงที่สุด

2.รัฐบาลจีนต้องเคารพหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และการที่รัฐบาลจีนได้ใช้โอลิมปิกเป็นการสร้างภาพว่ามีพัฒนาการทางด้านสิทธิมนุษยชน ส่วนการที่รัฐบาลจีนเป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ รัฐบาลจีนไม่ควรทำให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้เป็นโอลิมปิก "เปื้อนเลือด"

3.สนับสนุนขอเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคที่เรียกร้องให้มีการส่งคณะผู้ตรวจสอบสิทธิมนุษยชนเข้าไปในทิเบต เพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสรุปจำนวนผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกคุมขัง และให้ข้อเสนอแนะกับรัฐบาลจีน

4.รัฐบาลจีนต้องเปิดให้มีการเจรจาอีกครั้งกับรัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบตนำโดยองค์ดาไล ลามะในทันที เพื่อยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและนโยบายทางการเมืองต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนทิเบตเป็นชายขอบทางวัฒนธรรม การเมือง และสังคม

5.รัฐบาลจีนต้องยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนกับแรงงานในประเทศ รวมถึงเรียกร้องไปถึงคณะกรรมการโอลิมปิกให้ยุติการสนับสนุนบรรษัทผลิตสินค้าโอลิมปิกที่ใช้แรงงานเยี่ยงทาส

6.เรียกร้องให้รัฐบาลจีนพัฒนาสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศและยุติการสนับสนุนประเทศที่มีรัฐบาลเป็นเผด็จการ เช่น กรณีรัฐบาลจีนส่งอาวุธไปให้รัฐบาลซูดานในการเข่นฆ่าประชาชนตัวเอง และให้การสนับสนุนกับรัฐบาลพม่า

ในขณะที่อีกฟากของถนน กลุ่มคนสวมเสื้อสีแดงซึ่งมีสัญลักษณ์โอลิมปิก ราว 400 คน ได้โปกธงชาติจีน ธงชาติไทย และธงสนับสนุนกีฬาโอลิมปิก 2008 ไปมา พร้อมตะโกนไปยังอีกฝั่งของถนนด้วยภาษาจีน โดยให้กำลังใจการจัดการแข่งขันโอลิมปิก รวมทั้งร้องเพลงชาติจีน ทำให้เกิดการตะโกนตอบโต้กันไปมาเพื่อแสดงจุดยืนของ 2 ฝ่าย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเอารั้วมากั้นพร้อมตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้งสองฝั่งถนน เพื่อป้องกันการปะทะที่อาจเกิดขึ้น

หยางฮุย อาจารย์สอนภาษาจีนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุม กล่าวว่า การมาครั้งนี้เพื่อต้อนรับคบเพลิงโอลิมปิก หลายคนที่มาไม่รู้จักกันมาก่อน บางคนก็มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ บ้างก็เรียนหรือทำงานอยู่ที่เมืองไทยอยู่แล้ว ทั้งนี้ เธอมองว่า ความแตกต่างระหว่างกลุ่มทั้งสองก็คือ กลุ่มที่สนับสนุนทิเบตนั้นถูกจ้างมา ส่วนกลุ่มของเธอมาด้วยเงินของตัวเอง

ส่วนหลู่ ชุ่ย นักศึกษามหาวิทยาลัยและอาจารย์สอนภาษาจีน กล่าวว่า พวกที่ต่อต้านจีนนั้นได้รับเงินจากองค์กรแห่งหนึ่งเพื่อมาประท้วง ส่วนความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทิเบตนั้นเธอมองว่า เกิดจากการที่บางคนพยายามจะแบ่งแยกทิเบตออกจากจีน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า ทิเบตเป็นของจีน  

เกา สี่ มอ นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กล่าวว่า เราภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ประเทศของเราจัดการแข่งขันโอลิมปิก จีนนั้นดีที่สุด และพวกเขา (กลุ่มต่อต้าน) ไม่มีสิทธิที่จะประท้วง

ทั้งนี้สถานีวิทยุซีอาร์ไอ ปักกิ่ง ภาคภาษาไทย รายงานข่าวเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า สำนักข่าวแห่งประเทศจีนมีรายงานถึงคณะนักท่องเที่ยวประมาณ 1,300 คน เหมาลำเครื่องบินจากกรุงปักกิ่งเดินทางไปยังพัทยา นอกจากจะเข้าร่วมเทศกาลสงกรานต์แล้ว ยังได้นำมาสคอตงานกีฬาโอลิมปิกปี 2008 ไปด้วย เพื่อประชาสัมพันธ์งานกีฬาโอลิมปิกปักกิ่งกับชาวไทย เพื่อเชิญชวนชาวไทยเข้าร่วมงานกีฬาโอลิมปิกปักกิ่งที่จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้

ด้านนายปกป้อง เลาวัณย์ศิริ ผู้ประสานงานเครือข่ายทิเบตเสรี กล่าวถึงการประจันหน้ากับกลุ่มผู้สนับสนุนกีฬาโอลิมปิกในวันนี้ว่า ได้รับข่าวจากเพื่อนว่าการคัดค้านการวิ่งคบเพลิงในหลายๆ ประเทศจะมีกลุ่มนักศึกษาจีนที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนการจัดโอลิมปิกออกมาต่อต้าน แต่ไม่คิดว่าจะมีการเผชิญหน้าเช่นนี้ อีกทั้งมีความพยายามที่จะข้ามรั้วเข้ามาใกล้ แต่ดีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยรักษาความปลอดภัย ซึ่งหากมีการใช้ความรุนแรงก็จะให้กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านสลายตัว เพราะต้องการมาชุมนุมกันโดยสันติ

นายปกป้องกล่าวต่อถึงข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นกลุ่มจัดจ้างว่า ถือเป็นการดูถูกประชาชน เพราะคนทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นคัดค้าน ในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย และยกตัวอย่างการเคลื่อนไหวในกรณีอีรัก หรือพม่า ซึ่งมีความรุนแรงเกิดขึ้น ดังนั้นจึงจะบอกว่าการลุกมาเคลื่อนไหวต่อต้านเป็นการจ้างให้เข้าร่วมทั้งหมดไม่ได้

ส่วนการชุมนุมครั้งนี้นายปกป้องกล่าวว่า ประสบความสำเร็จที่คนไทยส่วนหนึ่งให้ความสำคัญ แล้วเข้ามาร่วมคัดค้านในกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนายจอน อึ๊งภากรณ์ นางอังคณา นีละไพจิตร และแม้ว่าคนที่เข้าร่วมจะไม่มากนักแต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่จะแสดงให้รัฐบาลจีนได้รับรู้ถึงความไม่พอใจในการกระทำของรัฐบาลจีนที่มีอยู่ทั่วไปในแทบทุกประเทศ

ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ ประธานมูลนิธิโลกสีเขียว ผู้ขอถอนตัวจากการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกซึ่งเข้าร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลจีนแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในทิเบตและจีน กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อสื่อมวลชนว่า การประท้วงครั้งนี้จะทำให้จีนมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้น คงพูดยาก ซึ่งการแก้ปัญหาทิเบตถ้าไม่แก้โดยการเจรจาอาจจะเป็นปัญหาเรื้อรังตลอดไป เชื่อว่าคงมีผู้บริหารจีนบางคนที่ต้องการจะแก้ปัญหานี้เช่นกัน แต่อำนาจยังไม่มีมากพอ การที่จีนจัดวิ่งคบเพลิงใหญ่มหาศาล ซึ่งไม่เคยมีเช่นนี้ เพื่อแสดงพลัง และเพื่อแสดงความภูมิใจที่ได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ก็เท่ากับเป็นการเปิดให้ผู้ประท้วงสามารถทำการประท้วงได้ โดยที่จีนไม่ได้ตั้งใจ

นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพกล่าวว่า ในวันนี้มาเพื่อร่วมสังเกตการณ์เพราะมีความกังวลที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาสนับสนุน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่ให้สัมภาษณ์ว่าหากใครมาก่อกวน ถ้าเป็นชาวต่างชาติจะให้ออกจากประเทศทันที ซึ่งถือเป็นการพูดเพื่อจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ทั้งที่ตามความเป็นจริงในแง่กฎหมาย และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCR) ไม่สามารถทำได้ การพูดเช่นนี้แสดงถึงความไม่รู้ และไม่เคารพต่อกฎหมาย

นางอังคณา กล่าวต่อว่า การชุมนุมอย่างสงบและมีข้อเรียกร้องที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน วันนี้หากเมืองไทยไม่มีการชุมนุมเพื่อคัดค้านจะถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่องสิทธิมนุษยชนมากกว่า เพราะที่ผ่านมาในหลายประเทศต่างก็มีการออกมาคัดค้านการกระทำของรัฐบาลจีน ทั้งนี้รัฐบาลควรเคารพการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลเอง

นอกจากนี้ นางอังคณายังกล่าวถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยว่า ยังถูกกีดกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนของการบังคับใช้กฎอัยการศึกที่ยังคงมีอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ และ พ.ร.บ.ความมั่นคงที่จ่อคิวบังคับใช้อยู่

"แล้วเราทุกคนก็เท่าเทียมกันทั่วประเทศ ภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่พื้นที่ 3 จังหวัดคงหนักกว่าหน่อยเพราะมีกฎอัยการศึกด้วย"

ด้านน.ส.ลภาพรรณ ศุลมันตา ผู้ร่วมชุมนุมจากเครือข่ายนานาชาติพุทธศาสนิกสัมพันธ์เพื่อสังคม (INEB) กล่าวว่า การมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะองค์กรที่ทำงานเป็นองค์กรพุทธศาสนาที่มีความสัมพันธ์กับองค์ดาไล ลามะ ซึ่งเป็นผู้นำศาสนาในทิเบต ทำให้ก่อนหน้านี้ในวันที่ 17 เม.ย.ที่สำนักงานถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาถ่ายรูปและขอข้อมูลอยู่ถึง 4 ครั้ง และในวันที่ 18 เม.ย.ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาเฝ้าจับตาคนที่เข้าออก

น.ส.ลภาพรรณ กล่าวว่า ทำให้การนัดที่จะมาชุมนุมในวันนี้ต้องเปลี่ยนจากที่สำนักงานมาเป็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะกลัวในเรื่องของความปลอดภัย ทั้งนี้แม้จะรู้ว่าเจ้าหน้าที่มีความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ในอีกแง่นหนึ่งก็คิดว่าเจ้าหน้าที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม สนับสนุนจีนจนพร้อมที่จะสร้างความไม่สบายใจให้แก่ประชาชนของตัวเอง ซึ่งก็ถือเป็นการสูญเสียสิทธิเสรีภาพในประเทศของเราเอง

ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ขบวนวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกได้เคลื่อนตัวถึงหน้าสำนักงานสหประชาชาติ โดยมีกลุ่มคนซึ่งคาดว่าเป็นคนสัญชาติจีน มากกว่า 50 คน ทั้งหมดสวมใส่เสื้อยืดสีแดงมีสัญลักษณ์ของโอลิมปิกเกมส์ วิ่งถือธงและป้ายผ้าสนับสนุนโอลิมปิก รวมทั้งธงชาติจีน นำขบวนมาถึงบริเวณที่กลุ่มสนับสนุนกีฬาโอลิมปิก และกลุ่มที่เรียกร้องให้รัฐบาลจีนแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีนประจันหน้ากันอยู่ ก็ได้วิ่งไปตะโกนสนับสนุนรัฐบาลจีน ยังฝั่งของผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลจีนที่อยู่ด้านในรั้วอีกฟาก ด้านผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลจีนก็ได้ตะโกนให้ปลดปล่อยทิเบตเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้น

ในเวลาประมาณ 16.40 น. เครือข่ายทิเบตเสรี ได้ประกาศยุติการชุมนุม

อนึ่ง เครือข่ายทิเบตเสรี ประกอบด้วย โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ กลุ่มสังคมวิจารณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) กลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มประชาธิปไตยแรงงาน (กปร.) คณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เครือข่ายเยาวชนเพื่อสันติภาพสามจังหวัดชายแดนใต้ ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (ศยป.) พรรคแนวร่วมภาคประชาชน เครือข่ายนานาชาติพุทธศาสนิกสัมพันธ์เพื่อสังคม (INEB) และ Students for a Free Tibet (SFT)