Skip to main content
sharethis
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นายไพฑูรย์ บุญอารักษ์ ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) แห่งประเทศไทย และประธาน อสม.ทุกภาค ร่วมกันแถลงข่าว "พลัง อสม.ต้านภัยไข้หวัดใหญ่ 2009"
นายวิทยา กล่าวว่า สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดกระจายทั่วประเทศ และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักระบาดวิทยาคาดการณ์ว่าในเดือนสิงหาคม โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดกระจายทั่วประเทศ และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักระบาดวิทยาคาดการณ์ว่าในเดือนสิงหาคม โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะแพร่ระบาดสู่ชนบท จึงเตรียมการให้ระดมพลัง อสม.ที่มีประมาณ 9.8 แสนคนทั่วประเทศ ออกสำรวจ ค้นหา คัดกรองผู้ป่วยและให้คำแนะนำในการป้องกันโรค โดยในวันที่ 29 กรกฎาคม เวลา 13.00 น.จะนัดหารือกับประธาน อสม.จังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนที่จะเริ่มดำเนินการตามมาตรการในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
สอบ รพ.เอกชนรักษาพลาด
นายวิทยากล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในเครือข่าย สปสช. ไม่ยอมให้ยาต้านไวรัสจนทำให้เสียชีวิตว่า ได้สั่งการให้ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับให้กวดขันเรื่องมาตรฐานการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และการให้ยาต้านไวรัส ของโรงพยาบาลเอกชนในเครือข่าย สปสช. ให้เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และมอบหมายให้ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานขอความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด ทั้งในและนอกเครือข่าย สปสช. อีกด้วย
นายกฯห่วงระบาดเข้าโรงงาน
รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงในเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คณะรัฐมนตรีได้ออกมาตรการขอความร่วมมือประชาชน ในการตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรค ลดจำนวนผู้ป่วย โดยขอให้ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ให้หยุดพักที่บ้าน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่หยุดพัก เนื่องจากอาจจะกระทบกับรายได้บ้าง แต่ขอให้คำนึงถึงสุขภาพเป็นสำคัญ เพราะหลักสำคัญในการรักษาโรคนี้ นอกจากให้ยารักษาตามอาการแล้ว การพักผ่อนที่เพียงพอ การดื่มน้ำมากๆ เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ทั้งนี้ กระทรวง สาธารณสุข ได้ให้เจ้าหน้าออกให้ความรู้แก่ประชาชนอย่าง ต่อเนื่อง กำชับให้ทุกจังหวัดอย่าละเลยการให้ความรู้ในการป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากโรค ในโรงเรียน โรงงาน สถานประกอบการ เป็นระยะๆ
วอนคนป่วยไม่ร่วมงานแซยิดทักษิณ
นายวิทยา กล่าวถึงการจัดงานแซยิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าขอเตือนให้ประชาชนที่มีอาการป่วยไข้แม้จะเพียงเล็กน้อยให้หยุดพักผ่อนอยู่กับบ้าน แม้จะรักมากแค่ไหนก็ไม่ควรไปเข้าร่วมการชุมนุม แต่หากรักจนอดใจไม่ไหวให้สวมหน้ากากอนามัย เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่จะไม่ไปแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่น
วัคซีนหวัดใหญ่ 2009 ทั่วโลกหมด
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ไม่สามารถสั่งจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มได้ เพราะจองเต็มหมดแล้ว การสั่งจองวัคซีน 2 ล้านโดสที่นำเข้าจาฝรั่งเศสเป็นเปเพื่อความมั่นคงของประเทศ แม้วัคซีนจะยังไม่ได้รับการรับรองผลข้างเคียงแต่เป็นหลักประกันเบื้องต้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศยากจนทำให้สามารถสั่งจองวัคซีนได้เพียงเท่านี้ หากไทยต้องการสั่งจองเพิ่มคงจะสามารถจองได้อีกประมาณกลางปีหน้า หรือไม่ต้องให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ผลิตวัคซีนชนิดตายเอง ขณะนี้ประเทศที่สามารถผลิตวัคซีนได้ก่อน เช่น สหรัฐอเมริกา ก็ผลิตวัควีนเพื่อใช้ในประเทศให้เพียงพอก่อน
เตือน "น้ำมนต์" รักษาหวัดไม่ได้
ทั้งนี้ นายวิทยายังกล่าวถึงการที่มีประชาชนส่วนหนึ่ง มีความเชื่อเรื่องน้ำมนต์รักษาไข้หวัด 2009 ว่า การใช้น้ำมนต์ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถือเป็นเจตนาที่ดี เป็นเรื่องของกำลังใจ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลก แต่อยากย้ำว่า หากป่วยยังต้องมาพบแพทย์ โดยเฉพาะมีไข้ 2 วันแล้วไม่ลด ต้องเข้ารับการรักษาทันที เมื่อป่วยอยู่บ้านต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันแพร่เชื้อโรค ไปยังผู้อื่น ส่วนเรื่องความสะอาดของน้ำมนต์ก็ต้องระมัดระวังด้วย
ส่ง อสม.เยี่ยมบ้านทุก จ-พ-ศ
ด้าน นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ มีแนวโน้มกระจายไปสู่ครอบครัวและชุมชนต่างๆ จึงได้มอบหมายให้ อสม. ซึ่งมีกว่า 980,000 คนทั่วประเทศและมีประจำทุกหมู่บ้าน เข้ามาเป็นกำลังเสริมในการคัดกรองผู้ป่วยในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยจะออกเยี่ยมบ้านในความรับผิดชอบ 10-15 หลังคาเรือน สัปดาห์ละ 3 วัน ในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เพื่อค้นหาผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด หัวใจ เบาหวาน ไต ผู้ที่อ้วน ผู้สูงอายุมากว่า 65 ปี เด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปี หญิงตั้งครรภ์ เป็นต้น พร้อมทั้งให้คำแนะนำการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ตามคู่มือของกระทรวงสาธารณสุข
ขอรถร่วมทำความสะอาดทุกวัน
ส่วนนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมชมการล้างทำความสะอาดรถบัส เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่บริษัทพรีเมี่ยม แมนเนจเมนท์ จำกัด ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ว่าบริษัทแห่งนี้นับเป็นแบบอย่างที่ดี เนื่องจากได้ทำความสะอาดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร โดยพนักงานจะทำความสะอาดเบาะที่นั่ง ราวขึ้นลงที่ประตูและบานพับประตูวันละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นก่อนที่รถจะออกให้บริการจะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งรถทุกคันของบริษัทจะมีน้ำยาเจลล้างมือให้ผู้โดยสารกดทำความสะอาดขณะขึ้นลงรถ นับเป็นมาตรการหนึ่งที่ได้รับความร่วมมือจากบริษัทรถร่วม อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ แต่สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วงมากคือ ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัด หากจะโดยสารรถเพื่อเดินทางไปพบแพทย์ ควรจะสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลล้างมือในรถทุกครั้ง
เตรียมให้รถตู้เช็ดถูเบาะ
รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ในส่วนของรถร่วมที่เป็นรถตู้ จะประสานงานอีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของจะมีประมาณ 2-3 คัน จะรวบรวมจำนวนจากแต่ละวินแต่ละคิวรถตู้ และจะขอความร่วมมือไปที่กรมการขนส่งทางบก ให้ช่วยรณรงค์ล้างทำความสะอาด เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นจุดเริ่มต้นการทำความสะอาดไม่ว่าจะเป็นรถของหน่วยงานหรือรถของเอกชน เพราะรถสาธารณะเป็นจุดที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ทั้งนี้ ได้ให้คำแนะนำผู้ประกอบการรถโดยสารว่า หลังจากที่รถเข้าจอดที่อู่จอดรถทุกครั้ง ควรให้พนักงานใช้ผ้าชุบผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดเบาะที่นั่ง ราวขึ้นลงที่ประตูและบานพับประตูก่อน อาจจะเช็ดวันละหลายครั้งก็ได้
หวั่นคนกรุงเมิน อสม.
ขณะที่ นายวิเชียร สุนทรารักษ์ ประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ อสม. ของเขต กทม.มีอยู่ประมาณกว่า 10,000 คน ปฏิบัติงานตามกรอบที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.วางไว้ ถือว่ามีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ โดยเป็นการทำงานเชิงรุก มีการเคาะประตูบ้านค้นหาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในแต่ละชุมชน ซึ่งปัญหาอุปสรรคที่พบนั้นต่างจากในต่างจังหวัด เนื่อง จากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในกลุ่มที่มีฐานะดีทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่สามารถเข้าได้เฉพาะกลุ่มชนชั้นล่าง ประกอบกับคนกรุงเทพฯมีความเชื่อมั่นต่อ อสม.น้อย ที่ผ่านมาจะต้องมีนางพยาบาล 1 คน นำหน้าในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง
เน้นการรักษาผู้ติดเชื้อ
จากนั้นที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า สิ่งสำคัญสุดคือการบริหารจัดการระดับภูมิภาค โดยเฉพาะการจ่ายยาและให้ความรู้เพิ่มเติมกับประชาชน ขอย้ำอีกครั้งว่าแม้แต่องค์การอนามัยโลกยังไม่คิดว่าการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเป็นประโยชน์ แต่อย่างใด เพราะคือการยอมรับว่าการระบาดของโรคนี้ ขยายออกไป สำคัญที่สุดในตอนนี้เมื่อมีใครติดเชื้อจะปฏิบัติตัวและรับการดูแลอย่างถูกต้องหรือไม่
มั่นใจแก้ปัญหาหวัดได้ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า โพลระบุว่าประชาชนไม่มั่นใจวิธีการของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็จะทำให้คะแนนดีขึ้น ตอนนี้คะแนนเกินครึ่งอยู่แล้ว แต่อยากทำให้คะแนนดีกว่านี้ ตอนนี้ขอให้เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยไป ชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมอบให้สำนักงานส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติไปวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติมด้านสภาพปัญหาที่แท้จริง และวัคซีนน่าจะเป็นปัญหาในรอบต่อไป เพราะหากวัคซีนเข้ามาในประเทศจะมีปัญหาด้านการจัดสรรและติดตามด้านผลกระทบข้างเคียง ตอนนี้กิจกรรมต่างๆ นั้นกระทำได้ แม้แต่ต่างประเทศยังเดินทางมาไทย ฟุตบอลระหว่างไทย-ลิเวอร์พูล ยังแข่งขันได้ เราต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนปัญหาที่อาจเกิดใหม่ๆได้ตลอดเวลา
ล้างทำเนียบฯ สกัดหวัด
ขณะที่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จัดทำความสะอาดใหญ่ทำเนียบรัฐบาล หลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 มากว่า 3 เดือน โดย น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เป็นประธานเปิดงาน มีข้าราชการในทำเนียบฯ เจ้าหน้าที่ กทม.และพนักงานทำความสะอาดของบริษัทเอกชน เข้าร่วมประมาณ 300 คน ทั้งหมดได้ช่วยกันทำความสะอาด สลน. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการพระราชดำริ รวมถึงร้านค้า ห้องทำงานสื่อมวลชน ฯลฯ โดยนำน้ำยาฆ่าเชื้อจากสำนักอนามัย กทม. มาฉีดทั่วบริเวณ นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังแจกคู่มือปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้ทุกคนด้วย
คนแห่รับน้ำมนต์ "โรคาพินาศ"
อีกด้านหนึ่งที่พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม มีประชาชนทยอยเข้ามารับน้ำพระพุทธมนต์ "โรคาพินาศ" ที่ผ่านพิธีปลุกเสกจากทางวัดเมื่อวันที่ 23 ก.ค. เพื่อให้ประชาชนนำไปดื่มรักษาโรคภัยไข้เจ็บและสู้กับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯอย่างต่อเนื่อง โดยทางวัดได้เตรียมถุงพลาสติกไว้ให้กับประชาชนที่ไม่ได้นำภาชนะมาใส่น้ำพระพุทธมนต์ ทั้งยังมีการนำแท็งก์น้ำขนาดใหญ่มาไว้หน้าพระวิหารหลวง เพื่อเตรียมรองรับคนจำนวนมากที่จะเข้ามารับน้ำพระพุทธมนต์ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย ส่วนวิธีการดื่มน้ำมนต์ ทางวัดได้อธิบายให้กับประชาชนว่า ให้นำน้ำพระพุทธมนต์ไปผสมกับน้ำดื่ม แล้วดื่มเพียง 3 อึก ขณะดื่มให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตอนเวลา 09.00 น. พร้อมทั้งอธิษฐานให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยพระครูธรรมธรสุภาพ จิตฺตสุโภ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ กล่าวว่า มีประชาชนมารอที่หน้าพระวิหารหลวงตั้งแต่ 06.00 น. ตั้งแต่ประตูพระวิหารหลวงยังไม่เปิด และตลอดทั้งวันมีประชาชนเข้ามารับน้ำพระพุทธมนต์ร่วม 1 พันคน โดยจะมีพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ทุกวัน เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.จนถึงวันที่ 26 ก.ค. และขณะนี้ยืนยันทางวัดยังไม่ได้หารือว่าจะขยายวันในการแจกน้ำพระพุทธมนต์หรือไม่ แต่อยากฝากไปยังประชาชนที่ต้องการจะเดินทางมารับน้ำพระพุทธมนต์ว่า ให้เตรียมภาชนะมาใส่ด้วย เพราะทางวัดไม่มีภาชนะให้ และขอเตือนว่าพระกริ่งที่จะสามารถนำมาแช่น้ำแล้วเกิดแร่ที่สามารถรักษาโรคได้ ต้องเป็นพระกริ่งเนื้อนวโลหะเท่านั้น
ชงคลินิกจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า การดำเนินการรักษาพยาบาลลผู้ป่วยที่ผ่านมามีจุดอ่อนในเรื่องผู้ป่วยมีอาการหนักมาถึงโรงพยาบาลช้าไปและไม่ได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันท่วบงทีเนื่องจากก่อนที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลจะไปพบแพทย์ที่คลินิกก่อน แต่คลินิกเอกชนไม่มีการสำรองยาต้านไวรัสดังกล่าวซึ่งการจะพิจารณาให้แพทย์ในคลินิกเอกชนสามารถให้ยาโอเซลทามิเวียร์กับผู้ป่วยได้หรือไม่ต้องรอการวินิจฉัยของอนุกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทาองเจริญ เป็นประธาน โดยจะต้องพิจารณาให้รอบคอบระหว่างการกระจายยาให้คลินิกกับการป้องกันการดื้อยา
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มอบหมายให้นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นำประเด็นเรื่องการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ในคลินิกเอกชนในพื้นที่ต่างๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ เข้าสู่ที่ประชุมของอนุกรรมการที่จะประชุมในวันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 13.00 น.ที่กรมควบคุมโรค อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แพทย์ทั่วประเทศมีประมาณ 3 หมื่นคน โดย 1 หมื่นคนสังกัดอยู่ในระบบบริการสาธารณสุขของกระทรวง อีก 2 หมื่นคนสังกัดมหาวิทยาลัยและเอกชน ความคิดเห็นของแพทย์ก็มีหลากหลายในเรื่องการจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ในคลินิกของพื้นที่ต่างๆ โดยต้องรอฝ่ายวิชาการพิจารณาว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้ออกเป็นแนวทางปฏิบัติของแพทย์ทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ
เกรงผลข้างเคียงทำคนฆ่าตัวตาย
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสิรฐ ทองเจริญ ประธานอนุกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ฯ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าผลดีของการให้แพทย์ในคลินิกจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์คือผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาดังกล่าวเร็วขึ้นแต่ผลเสียคือบางคนอาจไปขอยาที่คลินิกใช้เพื่อการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งจุดประสงค์ของทีมวิชาการต้องการให้ยาดังกล่าวใช้เพื่อรักษามากกว่าการป้องกันเพราะเกรงเรื่องผลข้างเคียงของยา
"ผลข้างเคียงของยาดังกล่าว ข้อมูลในไทยยังไม่ทราบว่าจะเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ที่พบว่ามีการฆ่าตัวตายจากการใช้ยาดังกล่าว ทั้งนี้บริบทของคนญี่ปุ่นกับคนไทยในเรื่องการฆ่าตัวตายก็ต่างกัน จึงไม่ทราบว่าในไทยหากใช้ยาเพื่อการป้องกันจะเกิดผลเสียอย่างไร พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตามและทีมที่รปรึกษาจำเป็นต้องมาชั่งน้ำหนักโดยนำข้อมูลรอบด้านมาหารืออีกครั้ง" ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐกล่าว
นักวิชาการชี้ต้องชั่งน้ำหนักผลดี - เสีย
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพทิยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 กรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีการกระจายยาดังกล่าวในระดับคลินิกเพราะเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในการพิจารณาของฝ่ายวิชาการ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งผลดีและผลเสีย โดยวัตถุประสงค์มาจากดำริที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรือ่งการเข้าถึงยาโอเซลทามิเวียร์ของผู้ป่วยช้าไป เพื่อหวังผลการในการดูแลรักษาชีวิตผู้ป่วยให้ได้ประสิทะภาพสูงสุด อีกทั้งการรักษาพยาบาลไม่ใช่เพียงแต่เรื่องยาอย่างเดียว ยังรวมถึงยาลดไข้ การให้น้ำเกลือ การเฝ้าสังเกตอาการ ฯลฯ เป็นองค์ประกอบร่วมกันในการรักษา
"ข้อดีคือ ผู้ป่วยเข้าถึงยาในการรักษาได้เร็วขึ้น แต่การได้รับยาเร็วนั้นจะเร็วเกินไปจนได้ผลเสียหรือไม่ต้องพิจารณา ทั้งนี้หากมีการกระจายยาในระดับคลินิกท้องถิ่นแล้วค่อนข้างจะมีการคุมการใช้ยายาก อีกทั้งความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่าผู้ที่มาใช้บริการในคลินิกจะต้องเสียเงินหากได้รับยาโอเซลทามิเวียร์ ในขณะที่หากผู้ป่วยเดินทางไปยังสถานพยายาลของภาครัฐที่มีสิทธิอยู่ อาทิ สถานพยาบาลสิทธิต่างๆ ของประชาชนไม่ว่าจะเป็นสิทธิตามโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการก็ไม่เสียค่ายา แต่หากคลินิกจะบริหารจัดการอย่างไร" รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าว
กระจายยาแล้วกว่า 2 ล้านเม็ด
นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคมียาโอเซลทามิเวียร์ทั้งหมด 5.2 ล้านเม็ด แบ่งเป็นยาเดิมที่มีจากงบประมาณปี 2551 จำนวน 3.2 ล้านเม็ดจากนั้นในงบประมาณปี 2552 ได้สำรองเพิ่มอีก 1 ล้านเม็ด ในส่วนองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตสำรองให้อีก 1 ล้านเม็ด ขณะนี้ได้กระจายลงในพื้นที่ทั่วประเทศแล้วกว่า 2 ล้านเม็ด ส่วนที่เหลือสำรองอยู่ที่กรมควบคุมโรคและ อภ.ส่วนที่ได้รับการจัดสรรของบกลางปีเพื่อจัดซื้อยาเพิ่มอีก 10 ล้านเม็ดกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ และอภ.ดำเนินการกำลังผลิตสำรองอีก 10 ล้านเม็ด หากจะมีการกระจายยาดังกล่าวในระดับคลินิกคิดว่า หากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) มีการควบคุมปริมาณการใช้ได้ดีก็ไม่น่ามีปัญหาใดๆ คลินิกใดจ่ายยาหมดก็มาเบิกจาก สสจ.ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลระดับจังหวัด และระดับชุมชนก็ใช้บริหารจัดการดังกล่าวอยู่เช่นกัน
ชายพิการวัย 30 ปีตายอีก 1
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม ผู้สื่อข่ายรายงานว่า ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา นพ.ทวีเกียรติ บุญยไพศาล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 3 เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการเฝ้าระวังและร่วมกันวางมาตรการหลังมีผู้ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางปะกงเพียง 1 วัน
นพ.ทวีเกียรติ กล่าวภายหลังการเยี่ยมชมการฝึกซ้อมรับมือการแพร่ระบาดว่า เขต 3 มี 5 จังหวัด สุมทรปราการมีสถิติสูงสุด 400 รายรองลงมาคือ นครนายก ฉะเชิงเทรา เป็นอันดับ 3 ปราจีนบุรี ที่ 4 และสระแก้วมี 17 ราย ส่วนของฉะเชิงเทรา มีผู้ป่วย 61 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย ที่โรงพยาบาลบางปะกง เป็นชายพิการมาแต่กำเนิด อายุประมาณ 30 ปี
สาวท้องแก่ใกล้คลอดติดหวัด 2009
วันเดียวกัน นพ.สุรยะ ชมศรีเมฆ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี กล่าวถึงกรณีที่หญิงสาวท้องแก่ 7 เดือน มาเข้ารับการรักษาด้วยอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก อาการหนักตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา และอาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ ล่าสุดแพทย์ตัดสินใจผ่าตัดเอาเด็กในท้องออกมาเพื่อไม่ให้เด็กติดหวัด 2009 จากแม่ ด้วยน้ำหนัก 1,800 กรัม และให้ยาต้านไวรัสกับเด็กแล้ว ซึ่งคงจะต้องรอดูผลว่า เด็กจะติดหวัด 2009 จากแม่หรือไม่
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี หลังจากทราบว่ามีหญิงสาวท้องแก่ 7 เดือนติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จนแพทย์ต้องผ่าตัดเอาเด็กออกเพื่อช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นทราบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวอายุ 26 ปี น้ำหนัก 115 กิโลกรัม เข้ารับการรักษาอาการติดเชื้อหวัดตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม และแพทย์เพิ่งผ่าตัดเอาเด็กออกมาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม เด็กอายุครรภ์ 7 เดือนเศษ น้ำหนัก 1,500 กรัมเพศหญิง
รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจสอบยืนยันว่า ทั้งแม่และลูกติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องอยู่ในห้องไอซียูทั้งคู่โดยแม่อาการทรุดหนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจส่วนลูกแพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์พร้อมกับเก็บตัวอย่างส่งตรวจให้แล็บที่กรุงเทพฯ เพื่อยืนยันอีกครั้ง แต่ขณะนี้ทั้งคู่อยู่ในความดูแล ของ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี แพทย์โรงพยาบาลศิริราช และเป็นนายกสมาคมโรคติดต่อแห่งประเทศไทย และพญ.ศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข ดูแลอย่างใกล้ชิด
หนุ่มฉะเชิงเทราตายสังเวยอีกราย
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.52 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุม รพ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา น.พ.ทวีเกียรติ บุญยไพศาล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 3 ได้เดินทางไปตรวจติดตามความคืบหน้าการเฝ้าระวังและร่วมกันวางมาตรการ หลังมีผู้ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาที่ รพ.บางปะกงเพียง 1 วัน โดยเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยสั่งให้มีการเตรียมความพร้อมให้รอบด้าน ทั้งยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์การรักษา และแพทย์เฉพาะทาง พร้อมสั่งให้มีการซ้อมแผนรับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่อาจจะระบาดลุกลาม ทั้งนี้ น.พ.ทวีเกียรติ กล่าวภายหลังการเยี่ยมชมการฝึกซ้อมรับมือการแพร่ระบาดว่า เขต 3 มี 5 จังหวัด สมุทรปราการมีสถิติสูงสุด 400 ราย รองลงมาคือ นครนายก ฉะเชิงเทราเป็นอันดับที่ 3 ปราจีนบุรี ที่ 4 และสระแก้ว มี 17 ราย ส่วนของฉะเชิงเทรา มีผู้ป่วย 61 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย ที่ รพ.บางปะกง เป็นชายพิการมาแต่กำเนิดอายุประมาณ 30 ปี มาตรการของจังหวัดฯ การไม่ให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ได้มีการเฝ้าระวังให้มีการรักษาพยาบาลที่เข้มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงหญิงมีครรภ์ กลุ่มโรคอ้วนเรื้อรัง คนแก่คนชรา พิจารณาการจ่ายยาต้านไวรัสให้ก่อน รวมทั้งมีการซ้อมแผนการระบาดไข้หวัดใหญ่รุนแรง รวมไปถึงไข้หวัดนกด้วย
ฮู เตือน ไวรัส 2009 แพร่กระจายเกือบทุกประเทศในโลก ขณะที่สหรัฐจะได้วัคซีนเพียบ 160 ล้านโดส ต.ค.นี้
ด้านองค์การอนามัยโลก (ฮู) แถลงวานนี้ (24 ก.ค. 52) ว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ได้แพร่กระจายไปเกือบทุกประเทศทั่วโลกแล้วนับตั้งแต่ พบการระบาดครั้งแรกเมื่อปลายเดือนมี.ค.
 “การแพร่กระจายของไวรัสยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ามีการแพร่ระบาดไปแล้ว 160 ใน 193 ประเทศทั่วโลกที่เป็นสมาชิก ของฮู และถือได้ว่าการแพร่ระบาดดังกล่าวเกือบจะ 100% แล้ว แต่ยังไม่มีวิธีหยุดยั้งการระบาด ดังกล่าวได้” เกรกอรี ฮาร์เทิล โฆษกฮู กล่าว
โฆษกฮูยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ คร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกไปแล้ว 800 คน
ด้านองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) แถลงวานนี้ว่า สหรัฐจะได้วัคซีนต้านเชื้อไวรัส ไข้หวัดใหญ่มากกว่า 160 ล้านโดส โดยจะได้รับภายในเดือนต.ค.นี้ แม้ว่าโรงงานผลิตยาทั่วโลกยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณของวัคซีนที่จะต้องฉีดในแต่ละครั้ง ก็ตาม
แถลงการณ์ของเอฟดีเอ ระบุว่า การอนุมัติสั่งซื้อวัคซีนต้านไวรัสจำนวนมากอย่างเป็นทางการ มีขึ้นก่อนที่จะมีการเปิดเผยผลการพิสูจน์ประสิทธิภาพของวัคซีน ที่จำเป็นต้องนำมาทดสอบกับกลุ่มอาสาสมัครจำนวนหลายพันคน
ทั้งนี้ การทดสอบดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มต้นได้ภายในเดือนหน้านี้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าประชาชนจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีน 1 หรือ 2 เข็ม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการคุ้มกันดีที่สุด รวมถึงเพื่อ ให้ทราบด้วยว่าจะต้องใช้ปริมาณโดสของวัคซีนสูงเท่าไรในการ ฉีดแต่ละครั้ง โดยจะสามารถ ทราบผลทดลองได้ภายในเดือนก.ย. และต.ค.
คาดติดเชื้อ 2 พันล้านคน
ขณะเดียวกัน นายเคอิจิ ฟุคุดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 องค์การอนามัยโลกออกแถลงการณ์ที่กรุงเจนีวาว่า ถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อจะพุ่งถึง 2-3 ล้านคน แต่การแพร่ระบาดของไวรัสยังอยู่ในขั้นตอนแรกเท่านั้น และการที่ยอดผู้ติดเชื้อในอังกฤษที่เพิ่มเป็น 100,000 ราย นั้น ตรงกับที่องค์การอนามัยโลกคาดไว้แล้ว และการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งนี้ อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงถึง 2,000 ล้านคน ส่วนกรณีการแจกจ่ายวัคซีนต้านไวรัสนั้น ยาชุดแรกจะพร้อมส่งให้ ประเทศต่างๆ ในช่วงเดือน ก.ย. และ ต.ค. ส่วนชุดถัดไปจะพร้อมจำหน่ายอีกทีในเดือน ธ.ค. และ ม.ค. อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตยาต้องทดสอบให้แน่ใจก่อนว่ายาดังกล่าวไม่มีอันตรายต่อคน
หวัด 09 ให้โชค บ.ยาอู้ฟู่
ด้าน "โรช" บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยผลประกอบการในระยะที่ผ่านมาว่า ยอดขายยาต้านไวรัส "ทามิฟลู" ของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 203 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ จะขายยาทามิฟลูได้อีกถึง 937 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 32,795 ล้านบาท) เท่าๆกับยอดขายในช่วง 6 เดือนแรก
เม็กซิโกพบผู้ป่วยหมายเลข "0"
นางซีเลีย อัลปูเช ผู้อำนวยการสถาบันวินิจฉัยและการอ้างอิงทางระบาดวิทยา (อินดรี) ของเม็กซิโก เผยว่า ผู้ป่วยไข้หวัดหมู หรือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นเด็กหญิงวัย 6 เดือนคนหนึ่งจากเมืองซาน หลุยซ์ โปโตซี ทางตอนเหนือของประเทศ ที่ไม่ทราบว่าไปเกี่ยวข้องกับฟาร์มหมูก่อนติดเชื้อหรือไม่ โดยเด็กเริ่มมีอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสชนิเอ เอช 1 เอ็น 1 ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และทุกวันนี้เด็กยังมีชีวิตอยู่ ส่วนผู้ติดเชื้อ 2 รายที่มีรายงานข่าวออกไปทั่วโลกก่อนหน้านี้ เพิ่งติดเชื้อในเดือนเมษายนเท่านั้น
อังกฤษติดเชื้อเพิ่มกว่าแสนคน
ที่อังกฤษ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อสูงสุดในยุโรปและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 30 ราย ทางการเผยว่าแค่สัปดาห์ที่แล้วพบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 100,000 ราย รัฐบาลอังกฤษยังเปิดเว็บไซต์และโทรศัพท์ "ฮอตไลน์" จัดพนักงานไว้คอยรับสาย 1,500 คน เพื่อให้คำปรึกษาประชาชนเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปจนถึงการสั่งซื้อยา ปรากฏว่า ในส่วนของเว็บไซต์ มีผู้คลิกเข้าไปเฉลี่ยถึง 2,600 ครั้งต่อวินาที หรือ 9.3 ล้านครั้งต่อชั่วโมง ทำให้ไม่กี่นาทีแรก เว็บไซต์ถึงกับล่มก่อนกลับมาใช้การได้ตามปกติในเวลาต่อมา ขณะที่โทรศัพท์ฮอตไลน์ซึ่งรับได้ถึง 200,000 สายต่อวันก็มีผู้โทร.เข้าไปคับคั่งเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สาเหตุ ใหญ่ที่อังกฤษมีการแพร่ระบาดหนักที่สุดในยุโรปเป็นเพราะอังกฤษเป็นศูนย์กลางการเดินทางและการสื่อสารระหว่างประเทศ
ญี่ปุ่น-นิวซีแลนด์ ก็หนัก
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นเปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวเช่นกันว่า เวลานี้มีชาวญี่ปุ่นติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นเป็น 5,031 คนแล้ว ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารในกองทัพสหรัฐที่ประจำอยู่ในญี่ปุ่นด้วย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไมเคิล เบเกอร์ จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยออโตโก ในนิวซีแลนด์ เปิดเผยผลวิจัยล่าสุดพบว่ามี ความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะมีชาวนิวซีแลนด์มากถึง 79% หรือราว 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศต้องติดเชื้อไวรัสในเร็วๆ นี้
 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์คมชัดลึก, บ้านเมือง, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, เว็บไซต์ไทยรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net