12 พ.ค. 53 - เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2553 มีการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การกำหนดวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ โครงการวางผังอนุภาค กลุ่มจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร" ณ. ห้องประชุมแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรม ลองบีช ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
นางสาวสุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "เราเป็นห่วงว่าหากใช้กรอบการพัฒนาตามแนวสภภาพัฒน์ เท่ากับกำหนดให้ตั้งแต่กุยบุรี เมือง ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อยเป็นเขตพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมต่อเนื่องเช่นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ คลังก๊าซ คลังน้ำมัน เพื่อป้อนนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแนวคิดการพัฒนาที่ชาวบ้านประจวบฯคัดค้านมาโดยตลอด จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งบานปลายไปใหญ่"
"ถึงแม้ผังอนุภาคจะเน้นการมีส่วนร่วมแต่หากยุทธศาสตร์การพัฒนาของสภาพัฒน์ ชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม ก็จะยิ่งสร้างความขัดแย้งในสังคม ที่สภาพัฒน์ไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรเลย เราเห็นว่าสภาพัฒน์ฯควรเปิดหู เปิดใจ เปิดโอกาสฟังชาวบ้านบ้าง โดยเฉพาะควรทำการประเมิลผลแนวทางการพัฒนาที่ผ่านไป10แผนแล้วว่าได้สร้างความสมดุลทางสิ่งแวดล้อม สร้างเป็นธรรม และก่อให้เกิดความยั่งยืนจริงหรือเปล่า หรือยิ่งพัฒนารวยยิ่งกระจุก จนยิ่งกระจาย โดยเฉพาะแนวคิดการพัฒนาเซาเทริน์ซีบอร์ดโดยใช้อุตสาหกรรมมลพิษสูงอย่างอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ เป็นยุทธศาสตร์หลักในการพัฒนาควรถูกทบทวนทั้งมติครม. แนวทางการส่งเสริมการลงทุน จะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกไปทำไมในเมื่อไทยไม่มีวัตถุดิบ เทคโนโลยี และความรู้ ต้องนำเข้าทั้งสิ้น แถมยังเป็นภาระในการหาไฟฟ้าป้อนเพราะอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำใช้ไฟฟ้าเปลืองมาก อนาคตยังจะต้องถูกแบ๊คลิสจากปัญหาการปล่อยคาร์บอนไดออ๊อกไซด์สูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีก"
นางสาวสุรีรัตน์กล่าวต่อไปว่า "การส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตเหล็กต้นน้ำ จึงเหมือนส่งเสริมให้เอาประเทศไทยเป็นกระโถนรองรับการที่ทิ้งขยะพิษอย่างถาวร ประเทศญี่ปุ่นเค้ากำลังมีนโยบายย้ายอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำออก แล้วใช้ความได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรี(FTA)หันมานำเข้าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแทน ประเทศไทยควรทำนโยบายให้คนไทยรู้สึกว่ามีผู้บริหารประเทศที่ฉลาดบ้างก็จะดี หากสภาพัฒน์ฯไม่ดื้อ หันมาส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจากเกษตรและประมง ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากยางพารา พัฒนาพลังงานทดแทน ส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงนิเวศและสุขภาพ ยังจะสอดคล้องกับฐานทรัพยากร กระจายความเป็นธรรมจากการพัฒนา สร้างความสมานฉันท์ในสังคม ก่อให้เกิดความยั่งยืนมากกว่า และจะได้ความร่วมมือจากประชาชน"
(ร่าง)วิสัยทัศน์ของกลุ่มอนุภาค การพัฒนาเมืองและชนบทอย่างสมดุลยั่งยืน พลิกฟื้นสิ่งแวดล้อมเพื่อชนรุ่นหลัง ผลักดันเป็นแหล่งผลิตอาหารคุณภาพ และการท่องเที่ยวระดับสากล เชื่อมโยงคมนาคมสะดวกทุกโครงข่าย กระจายทรัพยากรอย่างเป็นธรรม บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคี
(ร่าง)ยุทธศาสตร์การพัฒนาอนุภาค
1. ยุทธศาสตร์การพัฒนาและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างสมดุล เป็นการจัดระเบียบและกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสมกับศักยภาพ และข้อจำกัดของพื้นที่ บนพื้นฐานในการรักษาสมดุลของสภาพแวดล้อม รองรับการเติบโต และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างชุมชนเมืองและและชนบท โดยการพัฒนากลุ่มเมืองตามบทบาทและหน้าที่ของเมืองให้เชื่อมโยงเกื้อกูลกันทั้งในและระหว่างจังหวัด มีการจัดเตรียมความพร้อมของพื้นที่เพื่อให้สามารถรองรับประเภทและขนาดของกิจกรรม ที่สามารถผลักดันบทบาทของอนุภาคในด้านอุตสาหกรรมปลอดมลพิษ การแปรรูปผลิตผลการเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการให้บริการ ตลอดจนพลังงานทดแทนจากทรัพยากรท้องถิ่น นอกจากนี้จะต้องดำเนินมาตรการเพื่อรักษาและบริหารจัดการพื้นที่เกษตร ป่า เขา ต้นน้ำ ลำธาร แม่น้ำ ลำคลอง ตลอดจนอ่างเก็บน้ำเพื่อดำรงไว้ซึ่งทรัพยากรน้ำที่มีคุณภาพ สำหรับใช้ในการเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภคอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้จะต้องดำเนินการบนกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
2. ยุทธศาสตร์อนุภาคสีเขียวเพื่อลดภาวะโลกร้อน ยกระดับมาตรการในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น ทั้งในระดับอนุภาคและระดับชุมชน เพื่อให้อนุภาคมีการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยที่ยังสามารถธำรงไว้ซึ่งทรัพยากรที่มีคุณค่า โดยสร้างความแข็งแกร่งของการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนบก ชายฝั่งทะเล และทรัพยากรทางทะเล ตลอดจนแหล่งน้ำอย่างมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งในด้านการกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสมกับพื้นที่ การกำหนดประเภทและขนาดของกิจกรรมที่เหมาะสมกับแหล่งทรัพยากร การปกป้องและฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มค่า ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ส่งเสริมนวัตกรรมพลังงานทางเลือก รวมถึงการปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในกลุ่มประชาชนทุกระดับ 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาอนุภาคเพื่อก้าวสู่ความเป็นครัวโลก พัฒนาอนุภาคให้เป็นฐานอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารจากพืชเกษตรและประมง เพื่อรองรับการผลิตจากภาคเกษตรอย่างครบวงจร โดยสนับสนุนและเพิ่มมูลค่าของการผลิตทั้งในระดับพื้นบ้านที่มีการผสมผสาน และการผลิตเพื่อการส่งออก เพื่อเป็นการขยายฐานทางเศรษฐกิจของอนุภาคในทุกระดับให้มีความมั่นคง มีเสถียรภาพ พึ่งตนเองได้ เพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจภายนอก การเชื่อมโยงภาคเกษตรกรรมกับภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ทั้งกระบวนการผลิตและตลอดห่วงโซ่อุปทาน ลดของเหลือทิ้งจากการแปรรูป การจัดหาทรัพยากรน้ำและพลังงานในการผลิตอย่างพอเพียงและใช้อย่างคุ้มค่า รวมทั้งสนับสนุนการเป็นแหล่งรวบรวมและขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปเพื่อส่งต่อไปยังตลาดผู้บริโภคภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ
4. ยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบต่อเนื่อง จากศักยภาพในด้านความหลากหลายของทรัพยากรการท่องเที่ยวในอนุภาค ควรมีการพัฒนากลุ่มเส้นทางท่องเที่ยวที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทุกระดับ จะทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของสภาพเศรษฐกิจ โดยการพัฒนานี้จะเน้นความเชื่อมโยงของเส้นทางท่องเที่ยวใน loop ต่างๆ จากความสะดวกในการเดินทาง ความต่อเนื่องของแหล่งท่องเที่ยว และรูปแบบของการท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยวต่างๆจะเชื่อมโยงได้ทั้งภายในอนุภาคหรือระหว่างอนุภาค โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมารองรับ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพในการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง
5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมขนส่งที่ทั่วถึง จัดเตรียมความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ให้เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบันและสามารถรองรับการพัฒนาในอนาคต และเพื่อรองรับการอยู่อาศัยและกิจกรรมเศรษฐกิจของอนุภาคทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว โดยการปรับปรุงโครงข่ายถนนให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าและผู้โดยสาร พัฒนาระบบรางสำหรับการขนส่งมวลชนโดยการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ การพัฒนาปรับปรุงท่าเรือชายฝั่งให้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้า ท่าเรือท่องเที่ยวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรชายฝั่ง สร้างโอกาสให้พื้นที่อนุภาคสามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่อนุภาคอื่นโดยเฉพาะอนุภาคกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พื้นที่ภาคใต้ และเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้โดยตรงโดยการเปิดการค้าชายแดน เพื่อขยายโอกาสการลงทุนใหม่ๆ
6. ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนจากฐานราก การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเข้มแข็งจากระดับชุมชน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการเรียนรู้ การจัดเก็บองค์ความรู้ การถ่ายทอด และการต่อยอดองค์ความรู้ของชุมชน ทั้งด้านการผลิต ภูมิปัญญา การจัดการทรัพยากรท้องถิ่น มรดกทางศิลปวัฒนธรรม สร้างและส่งเสริมระบบเครือข่ายเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน โดยการสนับสนุนจากภาครัฐและท้องถิ่น และนำกลไกชุมชนเพื่อขับเคลื่อนได้แก่ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน เครือข่ายสหกรณ์และกลุ่มออมทรัพย์ ตลอดจนการรวมกลุ่มทางสังคมต่างๆ นอกจากนี้ ภาครัฐจะต้องสนับสนุนให้เกิดกระบวนการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
|
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)