Skip to main content
sharethis

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เมื่อมี 2550 นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ หรือ หมอแว เป็นผู้สมัครที่โดดเด่นมาก ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสัจจานุภาพ แต่เหมือนโชคร้ายที่ต่อมาพรรคต้นสังกัดขณะนั้น คือ เพื่อแผ่นดิน แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆในเวลาต่อมา มาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ มีชื่อเป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์)ลำดับที่ 1 พรรคแทนคุณแผ่นดิน หมอแว จะเบียดแทรกขึ้นมาได้หรือ ในเมื่อต้องขายตัวเองในฐานะผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งชาติ ไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างที่เคยมีฐานะเสียงมาก่อน .......................... ทำไมถึงได้มาอยู่พรรคแทนคุณแผ่นดิน 2 – 3 ปีที่เป็น ส.ส. ผมพยายามเรียนรู้วัฒนธรรมการเมืองไทย พบว่า สิ่งที่เราเศร้าใจคือ ส.ส.เกือบทั้งหมดเป็นตัวแทนนายทุน เพราะบางคนรู้แก่ใจว่า สิ่งที่จะสนับสนุนเป็นผลกระทบต่อประชาชน แต่ก็ยังยกมือสนับสนุน แสดงว่า แม้มาจากประชาชนเลือก แต่แท้ที่จริงเขาไม่ใช่ตัวแทนของประชาชน ผมจึงตั้งชื่อว่า ตัวแทนนายทุนหุ่นกระบอกหรือภาษาใต้เรียกว่า ส.ส. หนังตะลุงที่มีนายหนังคอยกำกับเพราะฉะนั้นมันไม่เหมาะ ในฐานะที่ประเทศกำลังวิกฤติ รวมทั้งวิกฤติในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำเป็นต้องมีตัวแทนที่กล้าพูดความจริงและสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถใช้มูลเหล่านั้น มาประกอบเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา แต่มันก็กลายเป็น ส.ส.ใบ้ ประเด็นที่สอง เราไม่ได้รังเกียจนายทุน เพราะนายทุนส่วนหนึ่งอยากช่วยให้เกิดการเมืองที่ดีมีคุณธรรมจริยธรรมแต่ปัจจุบันทุนใหญ่ได้เปรียบ เพราะเป็นเจ้าของพรรค ทุนเล็กทุนน้อยถูกเอาเปรียบ เพราะกฎกติกาที่มีทำให้ทุนใหญ่ได้เปรียบกว่าทุนเล็ก ผมจึงอยากสนับสนุนการเมืองที่มีกติกาที่ทำให้ทุนเล็กไม่เสียเปรียบ เราจึงมาอยู่ในพรรคเล็กๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีทุนใหญ่ที่คอยสนับสนุนกำกับดูแลเราให้ทำตามที่เขาปรารถนา พรรคแทนคุณแผ่นดินเป็นความร่วมมือระหว่างผมกับดร.วิชัย ศิรินคร หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นคนที่มีคุณธรรมจริยธรรม จึงสังกัดพรรคนี้ลงสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ พรรคแทนคุณแผ่นดินมีใครเป็นนายทุน? ไม่มี ทุกคนใช้งบตัวเอง วันแรกที่สมัครระบบบัญชีรายชื่อมีทุนคนละ 12,000 บาท สมัคร 32 คน รวม 160,000 บาท ต่างคนต่างช่วยกันบริจาค โปสเตอร์ก็ทำกันเอง เราคงไม่ต้องมีนายทุนคอยควบคุมให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ ทั้งๆที่กระทบต่อประชาชน ไม่เหมือนผู้สมัครหลายคนที่ต้องเอาเงินของนายทุนพรรค ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะลงสมัครกับบางพรรคใหญ่บางพรรค? ถามว่ามีใครทาบทามไหม ก็มี แต่เราก็ยื่นเงื่อนไขอย่างเดียวว่า ต้องให้โอกาสเราสะท้อนปัญหาตามความต้องการของประชาชน ถ้าจะให้เราเข้าไปสังกัดแค่เสนอตัวเงินมา ผมว่าคงไม่ใช่แล้ว นาทีถ้าผมทำตัวอย่างนั้นกลุ่มสัจจานุภาพทำตัวแบบนั้น อย่าไปทำการเมืองดีกว่า พรรคไหนบอกได้หรือเปล่า? เกือบทุกพรรค มีคนทาบทามเยอะ แต่สิ่งที่เขาถามว่า ต้องใช้เงินเท่าไหร่โดยไม่ได้พูดถึงว่า กลุ่มเราเข้าไปแล้วจะใช้แนวทางการทำงานอย่างไร พูดเพียงว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะชนะการเลือกตั้ง ผมก็คิดว่านั่นเป็นประเด็นสุดท้าย เช่น ใช้เป็นค่าป้ายหาเสียงหรือการรณรงค์หาเสียง แต่ต้องคุยแนวทางการทำงานก่อน ปัจจุบันผมว่าน่าเป็นห่วงประเทศไทย ที่เกือบไม่มีพรรคใดมาพูดคุยในเรื่องอย่างนี้ มี ทั้งพรรคใหญ่พรรคเล็ก ถ้าเราอยากสบายก็อยู่พรรคใหญ่ เพราะเงินเยอะ บางทีได้ส.ส.โดยไม่ต้อเหนื่อย เขาก็เสนอเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ในลำดับที่เซฟอยู่แล้ว แต่เวลาบ้านเมืองชุลมุน เราไม่มีอิสระที่จะพูด นั่นคือเหตุผลที่ไม่ได้ตามพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยด้วย ใช่ ในฐานะที่ผมเป็นคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเป็นคนไทยที่ดูวิกฤตของชาติ เห็นว่าต้องมีตัวแทนของประชาชนไปพูดความจริง เช่น เรื่องน้ำมัน ไม่มีใครพูด แต่ละพรรคไม่อนุญาตให้พูด เพราะเป็นผลประโยชน์ของคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคนั้น จะไปเป็นรัฐมนตรีก็ได้ แต่ต้องเป็นขี้ข้านายทุน รับใช้ทุกอย่าง เป็นกระบอกเสียงให้นายทุน เดี่ยวเขาให้โบนัสเอง เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่บางคน ไม่รู้เป็นรัฐมนตรีได้อย่างไร แต่ได้เป็นเพราะรับใช้นายทุน เราต้องแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศหรือจะปล่อยให้วงวนอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่พอเป็นส.ส.แล้ว ตกอยู่ในภาวะจำยอม เราถามว่าทำไมไม่ขวางบ้าง เขาบอกว่าไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่ได้เป็นผู้สมัคร อ้าวคุณก็สมัครพรรคอื่นซิ ก็ไม่ได้เพราะพรรคนี้มันเจ๋งคะแนนดี พรรคที่มาทาบทามแสนอตำแหน่งรัฐมนตรีให้หรือไม่? มี เสนอให้อยู่ในลำดับต้นๆ ของปาร์ตี้ลิสต์ก็มี เสนอให้เงินจำนวนมหาศาลก็มี แต่ชีวิตผมอายุ 49 ปีแล้ว ถ้าผมต้องการตำแหน่ง ผมก็ไม่คิดเรื่องการเมือง ผมว่ามาถึงตอนนี้มันเป็นอามานะฮ์ (ความรับผิดชอบ) เป็นภารกิจที่พระเจ้าได้มอบหมายให้ว่า บนหน้ามีแผ่นดินนี้ ต้องมีคนส่งเสริมความดีและห้ามปรามความชั่ว ทางการเมืองก็เหมือนกัน ต้องมีคนที่ส่งเสริมความดีและห้ามปรามความชั่ว เราจะไปตามวัฒนธรรมที่ไม่ดีทางการเมืองทั้งหมดก็ไม่ได้ ผมเชื่อว่ามีส.ส.จำนวนมากที่อยากเดินเส้นทางนี้ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัด กลัวไม่ได้เป็นส.ส. บ้าง ก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ก็ให้กำลังใจผมก่อน แล้วในอนาคต เราได้มาทำงานร่วมกัน อินชาอัลเลาะห์(หากเป็นความประสงค์ของพระเจ้า) แล้วจะไปต่อสู้กับพรรคใหญ่ได้อย่างไร? นักวิชาการแบ่งพรรคการเมืองเป็น 3 กลุ่ม 1.พรรคใหญ่ มีพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ 2.พรรคขนาดกลาง มีพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย นอกจากนั้นก็เป็นพรรคเล็ก เรายืนยันได้เลยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคแทนคุณแผ่นดินจะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มากที่สุดในกลุ่มพรรคเล็ก ทำไมถึงมั่นใจอย่างนั้น? วันแรกที่เราเดินทางหาเสียง เราคิดว่าจะได้คนเดียว ครบหนึ่งสัปดาห์ประเมินว่าน่าจะเพิ่มเป็น 5 คน คิดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้นักการเมืองบางคนจะดูถูกว่า ประชาชนรอเงิน เอาปัจจัยไปให้ก็คงได้คะแนนเสียง อย่าไปดูถูกประชาชน เดี๋ยวนี้เขาฉลาด สิ่งที่เรานำเสนอประชาชนไม่ใช่เงิน ไมใช่ผลประโยชน์ แต่เราเสนอวิธีคิดที่จะนำพาประเทศชาติให้รอดพ้นจากวิกฤติ ซึ่งได้รับการตอบรับได้ดีมาก จะได้กี่คะแนนขึ้นอยู่กับว่าเวลาที่เหลือว่า เราสามารถบอกวิธีคิดให้คนไทยทั้งประเทศได้มากน้อยขนาดไหน สิ่งที่เรารู้สึกไม่ยุติธรรม คือสื่อพยายามจะไปจับพรรคดังๆ ทำข่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำไมสื่อไม่ให้โอกาสกับพรรคเล็กๆ ซึ่งบางครั้งพรรคเล็กๆ น่าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาวิกฤติชาติก็ได้ ถ้าได้เป็นส.ส.ทำงานกับพรรคเพื่อไทยได้ไหม? อยู่ที่ว่า แนวคิดเรา เขาสนองตอบมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าเขารับหนึ่งข้อสองข้อ เราก็รับก่อน ดีกว่าไม่ได้เริ่มเลย ในฐานะที่เป็นพรรคเล็กๆ แต่ถ้าเราขอเป็นฝ่ายค้านไปเลย ก็คงไม่ต้องตั้งพรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองมีหน้าที่ในการหาทางออกให้กับประเทศ แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านที่มีสติ มีคุณภาพ ถ้าพรรคใหญ่กวาดที่นั่งไปหมด จะทำอย่างไร ก็ไม่เป็นไร เพราะว่า ในคัมภีร์อัล – กุรอ่าน บอกว่า หากสูเจ้าเห็นสิ่งที่ไม่ดีงาม หรือ สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นบนหน้าแผ่นดิน เจ้าจงยับยั้งมัน เจ้าจงแก้ไขมัน ด้วยมือ ด้วยอำนาจ ด้วยพลัง ด้วยตำแหน่งของเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่มีอำนาจที่จะห้ามมันได้ เจ้าจงห้ามด้วยคำพูด แต่ถ้าใช้คำพูดไม่ได้ ก็ห้ามด้วยใจ เพราะฉะนั้นถ้าได้เป็นรัฐมนตรี เราก็ใช้อำนาจรัฐมนตรีในการแก้ไข ถ้าเราเป็น ส.ส. เราก็ใช้คำพูดในการแก้ไข ถ้าเราไม่ได้รับเลือกตั้ง เราก็ห้ามในใจได้ ยังไวเราต้องไม่ยอมรับและยอมจำนนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องห้ามแม้กระทั่งในใจ นั่นคือหลักการ เพราะฉะนั้นก้าวแรกที่เราออกจากบ้าน เพื่อมาหาเสียงครั้งนี้ เรามีชัยชนะแล้ว เพียงแต่ว่าชัยชนะที่ 2 - 3 - 4 จะเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เราชนะแล้ว เพราะอย่างน้อย เราได้พูดความจริงแล้ว ถ้าหากเราได้เป็น ส.ส.อีก เราก็ได้พูดในสิ่งที่ไม่ดีงาม เพราะให้เกิดการแก้ไข แต่ถ้าเราได้เป็นรัฐบาล เราก็ได้ใช้อำนาจในการแก้ไข จะมากน้อยแค่ไหน อยู่ว่า กระทรวงที่เราจะได้รับผิดชอบนั้นคือกระทรวงอะไร เพราะฉะนั้น ไม่มีคำว่าแพ้ในการต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อะไรคือจุดขายของพรรคแทนคุณแผ่นดิน? ประเด็นแรก เรากำลังจะเปลี่ยนนักการเมืองตัวแทนนายทุน เป็นตัวแทนประชาชนที่แท้จริง ข้อที่สอง เราจะทวงคืนทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกยึดจากประชาชนไปเป็นของนายทุน เช่น น้ำมัน ซึ่งประเทศไทยมีมากกว่าประเทศบรูไน ก๊าซธรรมชาติก็มีมากกว่าประเทศคูเวต แต่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองโดยการสนับสนุนของนายทุน ได้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งเมื่อปี 2542 โดยใช้กลไกฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐสภา แปรรูปปตท.(การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคือ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)ให้เป็นของเอกชนและนำเข้าตลาดหุ้น จนในที่สุด ผู้ถือหุ้นครึ่งหนึ่งเป็นนักการเมือง นายทุนและผู้มั่งมี และผูกขาด จึงทำให้ราคาน้ำมันแพง ทั้งๆ ที่มันไม่ควรอยู่ในมือของเอกชน ต้องเป็นของรัฐ 100% เหมือนบริษัท ปิโตนาสของประเทศมาเลเซีย เราจะคืนสันติสุขสู่ชายแดนใต้ โดยการยกเลิกนิคมอุตสาหกรรมแห่งความมั่นคง เพราะมันเป็นพื้นที่แสวงหาผลประโยชน์ของหลายฝ่าย โดยใช้เงินของรัฐ เงินภาษีของประชาชน อ้างความมั่นคง กอบโกยผลประโยชน์และแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยความร่วมมือของนายทุน ข้าราชการและนักการเมือง แต่เราต้องฟื้นฟูอุตสาหกรรมแห่งความมั่งคั่ง เช่น นิคมอุตสาหกรรมฮาลาล เป็นต้น หมายความว่า งบประมาณเหล่านั้นจะไปสนับสนุนให้เศรษฐกิจดีขึ้น เราจะยกเลิกกฎหมายที่เป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่รัฐซ้อมทรมานคน ฆ่าคนโดยไม่ผิดกฎหมาย นั่นคือพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ(พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548) ซึ่งพรรคใหญ่ยังไม่กล้ายกเลิก ผมจึงเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยประกาศยกเลิก แล้วเราจะดีใจ ทำไมไม่ประกาศ เพราะปัญหาความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันเกินอำนาจของส.ส. ของพรรคการเมืองแล้ว แต่เป็นเรื่องของทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง กองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่จะเห็นด้วยไหม หลายพรรคประกาศเจตนารมณ์ก่อนเลือกตั้ง แต่หลังเลือกตั้งทำไม่ได้ เพราะกองทัพไม่เห็นด้วย เช่น การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นการแก้ปัญหา คือยกเลิกอุตสาหกรรมแห่งความมั่นคง แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันจะทำกันอย่างไร เรื่องอื่นทำไมได้ถ้าไม่ยกเลิก พอยกเลิกแล้ว เรามานั่งคุยกันว่า สมช.คิดอย่างไร พรรคการเมืองคิดอย่างไร ประชาชนคิดอย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือว่า เราต้องโละการปกครองส่วนภูมิภาคออกไป ให้เหลือส่วนกลางกับท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นี้คือสาระสำคัญ และหลังจากนั้น สิ่งอื่นๆ ก็น่าจะดีขึ้นอินชาอัลลอฮ์(หากเป็นความประสงค์ของพระเจ้า) พรรคอื่นๆมีโมเดล(รูปแบบ)การปกครองชายแดนใต้นำเสนอแล้วพรรคแทนคุณแผ่นดินมีด้วยหรือไม่? ถ้าไม่ยกเลิกอุตสาหกรรมแห่งความมั่นคง ก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราไม่เสนอโมเดล แต่โดยหลักการแล้ว ต้องให้คนท้องถิ่นมีอำนาจ ไม่เฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทั้งประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตก็ต้องเป็นเรื่องของคนภูเก็ต เชียงใหม่ก็เป็นคนเชียงใหม่ เลิกกันทีตัวแทนของรัฐบาลกลางที่อยู่ในพื้นที่ ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการแบ่งการปกครองส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น ผมยังยืนยันว่าเห็นด้วยกับการแบ่งการปกครองส่วนกลางและท้องถิ่นเท่านั้น ไม่มีส่วนภูมิภาค ส่วนที่จะบอกว่าเป็นมหานครปัตตานีหรือทบวงชายแดนใต้ ผมว่าคุณทำไม่ได้หรอก ถ้ากองทัพไม่เห็นด้วย ผมจะดูว่าทำได้ไหม เสียเวลาครับเรื่องเหล่านั้น ต้องมาคิดยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้อำนาจทหารมากเกินไป ยกเลิกการแสวงหาผลประโยชน์บนดินแดนที่เต็มไปด้วยเลือดประชาชน เอาเรื่องผลประโยชน์ออกไปก่อน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง การยกเลิกอุตสาหกรรมแห่งความมั่นคงทหารต้องเห็นด้วย ทหารต้องเห็นด้วยครับ แล้วจะคุยกับทหารอย่างไร? ต้องมอบให้กับพรรคการเมืองหลัก คือ ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย กล้าไหมที่จะไม่ตามทหาร อย่างพรรคประชาธิปัตย์รอบที่ผ่านมา ไม่สามารถทำอะไรได้หรอก เพราะทหารเป็นคนตั้งเป็นรัฐบาล ตอนที่ท่านมีอำนาจทำไมไม่ทำ เพราะท่านเกรงใจทหาร เอาอย่างนี้ก็แล้วกันว่า ถ้าเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์กล้าที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ ท่านต้องประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯตั้งแต่วันแรกเลย และไม่ต่ออายุอีก แค่นั้นผมว่าประชาชนดีใจแล้ว ถ้าได้เป็นส.ส.จะพร้อมที่จะเข้าร่วมกับพรรคไหนก็ได้ที่เป็นรัฐบาลหรือไม่? ในฐานะนักการเมือง แน่นอนเราต้องมีวิธีการในการแก้วิกฤติชาติ ถ้าเรามีโอกาสที่จะเอาแนวคิดของเราให้รัฐบาลในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เราที่จะร่วม แต่คุณต้องรับในสิ่งแนวคิดของเรา ไม่ใช่เป็นเพียงเพื่อการต่อรองเอาตำแหน่งรัฐมนตรี อย่างน้อยที่สุด ถ้าพรรคนี้มีโอกาสดูแลกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เราก็จะบริหารจัดการในรูปแบบเป็นไปตามนโยบายที่เรามีอยู่ แต่ถ้าไม่สามารถจะร่วมด้วย สิ่งที่เรานำเสนอไม่ถูกนำไปปฏิบัติ เราก็อาจจะพิจารณาตัวเองเป็นฝ่ายค้านก็ได้ เพราะฝ่ายค้านก็มีประโยชน์เหมือนกัน นโยบายอื่นๆ เราจะปลดแอกดอกเบี้ยเบ่งบาน สู่ธนาคารคนจนโดยการสนับสนุนสหกรณ์ให้โตขึ้น วันนี้สหกรณ์ถูกแช่แข็ง ถูกทำหมัน จึงไม่เกิดธนาคารสหกรณ์แห่งประเทศไทย ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีธนาคารสหกรณ์แห่งประเทศเนเธอร์แลนด์เกิดขึ้น แต่ประเทศไทยยังไม่เกิด ในจังหวัดที่มีชาวมุสลิม ปัจจุบันมีการตั้งสหกรณ์อิสลามปลอดดอกเบี้ย แต่ปัจจุบันไม่มีกฎหมายรองรับ เพราะกฎหมายกำหนดว่าสหกรณ์มี 7 ปะเภท ประเภทล่าสุดคือ สหกรณ์เครดิตยูเนียน แต่ไม่มีประเภทที่ 8 ที่เรียกว่าสหกรณ์อิสลาม วันนี้เราต้องสนับสนุนให้มีสหกรณ์ประเภทที่ 8 เพราะการทำให้สหกรณ์เกิดขึ้น ก็คือคนที่เป็นเจ้าของ คือ ประชาชนระดับรากหญ้า รากแก้ว คนชั้นล่าง แต่ถ้าธนาคารก็เป็นของนายทุน นายทุนได้เปรียบ เวลาธนาคารเจ๊ง รัฐบาลก็ไปช่วย ยกตัวอย่าง ธกส. คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แม้เป็นของรัฐร้อยเปอร์เซ็นต์ เอาภาษีของประชาชนเป็นทุน แต่เอาเปรียบเกษตรกร เป็นไปได้อย่างไร ธกส.ให้เกษตรกรกู้เงิน แล้วเกษตรกรติดหนี้ 7 แสนล้านบาท เป็นเงินต้น 2 แสนล้านบาท ดอกเบี้ย 5 แสนล้านบาท ที่ดิน 38 ล้านไร่ของเกษตรกร อยู่ในมือของ ธกส.และกำลังจะถูกยึด และนายทุนกำลังจะขอซื้อในการขายทอดตลาดด้วยราคาถูก นั่นแสดงว่า กลไกระบบดอกเบี้ยที่อยู่ใน ธกส.มันล้มเหลว ประชาชนพึ่งไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น เราสนับสนุนให้เกษตรกรมีสหกรณ์ขึ้นมาเป็นของตนเอง มีทุนของตัวเอง กำไรก็ได้คืนกลับตนเอง เวลามีปัญหาก็แก้ปัญหาไปเองเลย แต่ประเทศนี้ ทำหมันในเรื่องสหกรณ์ ไม่เฉพาะสหกรณ์อิสลาม แต่สหกรณ์อื่นด้วย เพราะฉะนั้น ต้องปลดภาวะดอกเบี้ยนี้ ไปสู่ธนาคารคนจน ซึ่งต้องเริ่มต้นที่สหกรณ์ ด้วยเหตุนี้สมาชิกหลายคนในภาคใต้จึงมาจากกลุ่มสหกรณ์ ส่วนหนึ่งมาจากสหกรณ์ เกษตรกร นักวิชาการที่มีคุณธรรม ส่วนหนึ่งมาเอ็นจีโอ(องค์กรพัฒนาเอกชน) ที่คิดเรื่องความยากลำบากของประชาชน เพราะฉะนั้นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคลำดับที่ 1 – 10 ไม่มีโควตาของนายทุน แต่เป็นโควตาของกลุ่มต่างๆ ที่จะมาร่วมกันทำงาน เช่น นายก่อซี อุเซ็ง ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 3 ก็เป็นตัวแทนของสหกรณ์อิสลาม ดร.วิชัย ก็เป็นตัวแทนของกลุ่มแรงงาน ปักหลักอยู่ที่สมุทรปราการ ทำไมการสมัคร ส.ส.ครั้งนี้ พรรคถึงเน้นปาร์ตี้ลิสต์ เพราะเป็นพรรคที่เริ่มต้นใหม่ และการเลือกตั้ง ส.ส.เขตครั้งนี้ มีการใช้เงินมหาศาล เกินกว่ากฎหมายกำหนด เงินนั้นมาจากนายทุนที่หาประโยชน์จากการเมือง เพื่อให้นักการเมืองเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง เราไม่พร้อมที่ต้องลงไปแข่งขันลักษณะอย่างนั้น เราจึงขอเฉพาะปาร์ตี้ลิสต์ ขอแสดงเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับอามิสสินจ้างและการหาประโยชน์อย่างนั้น จึงไม่ส่งสมัคร ส.ส.เขต ส่งครับ เป็นความสมัครใจของผู้ที่จะลงสมัครเอง และอยากเริ่มต้นในพื้นที่ของตัวเองในการนำเสนอความคิดเหล่านี้ เช่น ในจังหวัดสมุทรปราการหรือกรุงเทพมหานคร แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้ส่งใครลงสมัคร เมื่อเน้นปาร์ตี้ลิสต์ก็ต้องเดินสายไปทั่วประเทศ แล้วพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หาเสียงอย่างไร เรากำหนดแนวทางหาเสียง คือ คาราวานหาเสียง 28 วัน เริ่มจากจังหวัดนราธิวาส ขึ้นไปทั่วประเทศ ฐานเสียงของเราไม่ใช่มีเฉพาะในจังหวัดนราธิวาส เรามีเกษตรกรชาวภาคอีสาน เรามีสมาชิกกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร ในจังหวัดมหาสารคราม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อุดรธานี ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย ที่เราทำงานด้วยกันมาแล้วเป็นปีๆ ก็เพื่อให้เห็นว่าเขาถูกเอาเปรียบและหาแนวทางแก้ไข เพราะฉะนั้น ผมพยายามจะบอกว่า ผมไม่ใช่ตัวแทนของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว แต่ผมเป็นตัวแทนของคนยากไร้ คนที่ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบ คนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมทั้งแผ่นดินนี้ ไม่ใช่เฉพาะคนนราธิวาสต่อไป ถ้าผมเป็นคนของนราธิวาส ผมก็ลงสมัครแบบเขตที่นราธิวาส แต่นี่ผมลงปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 และผมเป็นคนเดียวในภาคใต้ ที่อยู่ลำดับที่ 1 ของพรรคการเมืองต่างๆ เพราะฉะนั้น เรากำลังจะบอกว่า แม้เราจะอยู่ที่ภูธร แต่เรากำลังจะแบกภาระของคนทั้งประเทศ ส่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราทำงานตลอด 3 ปี เราอ่านคุตบะห์(เทศนาธรรมในการละหมาดวันศุกร์)มาแล้ว 200 มัสยิด ในนามกลุ่มสัจจานุภาพ ในทุกวันเสาร์เราเปิดบ้านจัดเวทีชาวบ้าน วันอาทิตย์เราเข้าหมู่บ้าน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราวางโครงสร้างทั้งหมด นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เราคิดว่าเพียงพอที่จะเป็นฐานเสียง ฝากความหวังอย่างไรกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ฝากกับทุกคนว่า ไซดีนา อุมัร อิบนุล คอตตอบ ซึ่งเป็นผู้นำดินแดนมุสลิมในอดีต บอกว่า ประเทศจะเกิดสันติสุขได้ ต้องมีองค์ประกอบ 6 ข้อ 1.ประเทศนั้นต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 2.ประเทศนั้นและประชาชนต้องมีรายได้ที่เพียงพอ 3.ประเทศนั้นต้องมีความยุติธรรมในทุกเรื่อง 4.ประเทศนั้นต้องมีสวัสดิการให้กับประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย 5.ประเทศนั้นต้องปลอดจากสิ่งมึนเมาและอบายมุข และ 6.ประชาชนในปะเทศนั้น ต้องได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน ประเทศใดไม่สามารถทำ 6 ข้อนี้ได้ อย่าหวังว่าจะเกิดสันติสุข เพราะฉะนั้นผมจึงขอเรียกร้องให้ทุกพรรคทำให้ครบทุกข้อ แต่วันนี้ไม่มีซักข้อ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็ไม่มี ขนาดนายกรัฐมนตรียังต้องใช้รถกันกระสุน แสดงว่าไม่ปลอดภัยแน่ อย่างว่าแต่ประชาชนเลย คนที่ละหมาดในมัสยิดก็ยังไม่ปลอดภัย ก็ยังถูกยิงเหมือนที่มัสยิดไอร์ปาแย จังหวัดนราธิวาส ทองในร้านก็ยังถูกปล้น ประเทศนี้ยังมีรายได้ไม่ดี เพราะประเทศนี้ติดหนี้อยู่ 2 ล้านล้านบาท จีดีพี(มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม) ของประเทศยังต่ำ คนมีรายได้ไม่เพียงพอ ยังมีคนปล้นขโมยเพราะรายได้ไม่เพียงพอ ประเทศนี้ยังไม่มีมาตรฐานเรื่องความยุติธรรม คนเสื้อแดงก็ร้องเรื่องสองมาตรฐาน แต่คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องเรื่อง 3 มาตรฐาน ประเทศนี้ยังใช้กฎหมายที่ยังไม่มีหลักนิติธรรมพื้นฐาน เช่น มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประเทศนี้ยังไม่มีความยุติธรรมในเรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ มีการปล้นทรัพยากรธรรมชาติเอาไปให้นายทุน เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ประเทศนี้ยังไม่มีสวัสดิการที่ดีพอ ไม่เหมือนที่อุมัร อิบนุลคอตตอบทำ เช่น เมื่อมีการคลอดลูก อุมัรจะให้เงินกับแม่เป็นเงิน 100 ดีนาร์จนกระทั่งลูกมีอายุ 2 ปี ประเทศนี้ยังไม่มีความปลอดภัยจากยาเสพติดและสิ่งมึนเมา เพราะคนที่ประกาศว่าจะเป็นนายกฯปรองดองยังดื่มไวน์ขวดละ 3 หมื่นบาท แสดงว่าผู้นำยังกินเหล้าเลย ผู้นำกินเหล้าขวดละ 3 หมื่น ประชาชนต้มน้ำใบกระท่อมเสพหม้อละ 10 บาท เพราะฉะนั้นประเทศนี้ยังไม่ปลอดภัยแน่ ประเทศนี้ยังไม่มีการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น เรื่องเคหะสถาน ท่านอุมัรไม่อนุญาตแม้แต่ตำรวจให้เข้าไปในบ้านของใคร แม้ว่าเป็นบ้านของผู้ต้องสงสัย ยกเว้นขออนุญาตจากเจ้าของบ้านก่อน แต่ประเทศนี้ ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกกฎอัยการศึกทำได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นประเทศนี้ยังไม่คุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน เพราะฉะนั้นประเทศนี้ จึงไม่เกิดสันติสุข ซึ่งปัญหาความไม่สันติสุขไม่ได้มีเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เกิดขึ้นทั้งประเทศ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ทำให้ประเทศนี้มีครบทั้ง 6 ข้อ พรรคแทนคุณแผ่นดินยินดีสนับสนุนพรรคเหล่านั้นในการตั้งรัฐบาล เพื่อทำให้เกิดทั้ง 6 ประการนั้น การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีนโยบายการเจรจาพูดคุยกับขบวนการก่อความไม่สงบด้วยหรือไม่ ตามหลักศาสนาอิสลาม และจากความพยายามในการศึกษาองค์ความรู้ที่มีอยู่ในพื้นที่ บอกว่า เมื่อคนทะเลาะกัน ไม่มีแนวทางใดที่คนจะดีกันได้ ยกเว้น 3 ข้อ คือ ให้อภัย ขออภัย และนั่งเจรจาพูดคุยกัน แน่นอนว่าคัมภีร์อัล – กุรอ่าน กล่าวไว้อย่างนี้ การพูดคุยเจรจา ปรึกษาหารือกัน ก็คือ ชูรอ แล้วจะมีรูปธรรมอย่างไร รอดูว่ากองทัพโอเคหรือเปล่า ฝ่ายความมั่นคงโอเคหรือเปล่า ถ้าไม่โอเค ต่อให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ต่อให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้ การทำเรื่องนี้ได้ ต้องยกเลิกนิคมอุตสาหกรรมแห่งความมั่นคงก่อน มาเริ่มต้นใหม่ มาบอกว่าประเทศนี้เป็นของทุกคน ไม่ใช่ของใครคนเดียว เพราะฉะนั้นคุณต้องมานั่งคิดว่า ในเมื่อคนอื่นเขาห่วงใยประเทศเหมือนกัน ก็ต้องมองคนอื่นในแง่ดีบ้าง ข้อเสนอเดิมๆ ของกลุ่มสัจจานุภาพได้ทำอะไรไปบ้าง เราทำไปแล้ว 23 ข้อ จาก 43 ข้อ เช่น โครงการผลิตพยาบาล 3 พันคนเรียนจบแล้ว เพื่อมาทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นโครงการที่เราเสนอมาตั้งแต่ต้น โครงการหนึ่งแพทย์ หนึ่งตำบล ตอนนี้เราส่งไปเรียนเรื่อยๆ ส่งไปเรียนที่ประเทศรัสเซีย จีน จอร์แดน ฟิลิปปินส์ เพื่อเสริมกับนักศึกษาแพทย์ที่เรียนในประเทศ ซึ่งยังไม่เพียงพอ การขยายสนามบินบ้านทอน จังหวัดนราธิวาสกำลังจะเสร็จ คาดว่าปีหน้าจะสามารถเป็นสนามบินหลักในเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย สะพานบูเกะตา เชื่อมชายแดนไทย – มาเลเซียสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในแรงบันดาลใจ 43 ข้อของหมอแว สังเกตให้ดีจะพบว่าเราผลักดันจะมีการทำไปแล้ว 23 ข้อ แม้ว่าเราไม่ได้เป็นรัฐบาล ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีหรือแม้บางครั้งเราเป็นฝ่ายค้านในช่วงสมัยที่แล้ว แต่จะการอภิปรายในสภาทำให้รัฐบาลรับไปทำในหลายเรื่อง ซึ่งต้องขอบคุณพระเจ้า ส่วนข้อที่เหลือเราจะผลักดันต่อ เพราะนั่นเป็นความตั้งใจเดิม เป็นสัญญาประชาคมที่เราจะต้องทำให้เสร็จ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามีโอกาสได้ร่วมรัฐบาลในนามพรรคแทนคุณแผ่นดิน คิดว่า ทั้ง 43 ข้อ จะเสร็จสิ้นโดยเร็วมากกว่าที่เราไม่ได้ร่วมรัฐบาล ข้อที่เหลือ เช่น สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสเป็นศูนย์ภาษาอังกฤษ หรือเพิ่มเงินเดือน ชรบ.(ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) เป็น 7,000 บาทต่อคน ชุดละ 30 คน และมีสวัสดิการ โดยจะให้ชรบ.ดูแลหมู่บ้านกันเองแทนทหาร ซึ่งทหารจะต้องอกไปจากหมู่บ้านแล้วกลับไปอยู่ในกรมกองของตัวเอง เมื่อมีเหตุจำเป็นค่อยออกมา ไม่ต้องออกมาอยู่บนท้องถนน นอกจากนั้น จะสนับสนุนนักเรียนตาดีการายหัว 4,000 บาทต่อคน เป็นต้น ซึ่งนั่นยังไม่สำเร็จ เพราะเรายังไม่มีโอกาสได้ร่วมรัฐบาลอย่างชัดเจน แรงบันดาลใจส่วนใหญ่ก็ยังวนเวียนอยู่กับชายแดนภาคใต้ ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่จะแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รอบนี้เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ซึ่งผมคิดว่า พยาบาลหนึ่งหมู่บ้านจะต้องให้เกิดขึ้นทั้งประเทศ หนึ่งแพทย์หนึ่งตำบลต้องเกิดขึ้นทั้งประเทศ เพียงแต่รอบที่แล้ว ผมเป็นเพียง ส.ส.เขต ก็ต้องดูแลในเขตเลือกตั้งนั้น แต่วันนี้ผมเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ผมก็ต้องดูแลคนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นนโยบายที่เราออกก็เพื่อแก้ปัญหาความยกจนของคนทั้งประเทศ ความอยุติธรรมต้องกำจัด ต้องทวงคืนทรัพยากรธรรมชาติมาให้คนไทยทั้งประเทศ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net