Skip to main content
sharethis

“มติชน” เลิกจ้าง “ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์” บรรณาธิการเฉพาะกิจสำนักพิมพ์มติชน โดยยินยอมจ่ายค่าชดเชยทุกประการ เพราะไม่ได้กระทำความผิดกฎหมายและระเบียบของบริษัท ยุติความเป็นนักข่าว-บรรณาธิการ และคอลัมน์นิสต์ ในสังกัดมติชนที่ได้ทำงานและมีผลงานมาร่วม 26 ปี 28 ก.ค. 54 - ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่าแหล่งข่าวจาก นสพ.มติชน เปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารของบริษัท มติชน (มหาชน) จำกัด ได้เลิกจ้าง นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ บรรณาธิการเฉพาะกิจสำนักพิมพ์มติชน ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายในมติชน ออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท มติชน แล้ว ซึ่งทั้งฝ่ายบริหาร นสพ.มติชน และ นายประสงค์ ได้เจรจาเงื่อนไขต่างๆ เพราะฝ่ายผู้บริหาร นสพ.มติชน เป็นฝ่ายเสนอเลิกจ้าง โดยนายประสงค์ไม่ได้กระทำความผิดกฎหมายแรงงานและระเบียบบริษัทของมติชนแต่อย่างใด ซึ่งการเจรจา ทางฝ่ายบริหารของมติชนยอมจ่ายค่าชดเชยให้ตามระเบียบบริษัทและกฎหมายแรงงานทุกประการ ซึ่งเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย และเป็นการจากด้วยดี และได้นัดให้นายประสงค์มารับเช็คเงินชดเชยในวันนี้ นายประสงค์ ยอมรับว่า ได้ออกจากมติชน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพิ์ที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2528 จริงซึ่งเป็นการจากกันโดยดี เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม นายประสงค์ เป็นนักข่าวแนวสืบสวนสอบสวนคนสำคัญของประเทศ ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลต่างๆ ตลอดเวลา ตอนเขาเป็นหัวหน้าข่าวในกองบรรณาธิการในมติชน เขามีบทบาทในการเปิดโปงข่าวเรื่องการทุจริต ส.ป.ก.4-01 ในปลายสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ในปี 2537 หลังจากนั้น เปิดโปงการทุจริตธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ (บีบีซี) ของนักการเมืองกลุ่ม 16 ซึ่งมี นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นแกนนำคนสำคัญ หลังจากนั้น เขาเปิดโปงเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ จำนวนเงิน 45 ล้านบาท ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จนศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเพิกถอนสิทธิ์ พล.ต.สนั่น เป็นเวลา 5 ปี และในช่วงที่ นายประสงค์ เป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่เปิดโปงการซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อเดือนกันยายน 2543 จนทำให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2543 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ต้องถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองนาน 5 ปี แต่พรรคไทยรักไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงชนะการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 แบบถล่มทลาย ได้จัดตั้งรัฐบาล ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ห้วงเวลาดังกล่าวกระแส “ทักษิณฟีเวอร์” ทำให้สื่อมวลชนและองค์กรใดๆ ไม่กล้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนกระทั่งวันที่ 3 สิงหาคม 2544 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มิได้กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295 หลังจากนั้น เขาก็ถูกย้ายออกจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติ มารับตำแหน่งรองบรรณาธิการ นสพ.มติชน และและได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบบุกเบิกมติชนออนไลน์ จนได้รับการยอมรับ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกฝ่ายบริหารสั่งย้ายออกจากบรรณาธิการมติชนออนไลน์อีกครั้ง และสุดท้ายฝ่ายบริหารของมติชน ที่นำโดย นายฐากูร บุนปาน มีคำสั่งย้ายนายประสงค์ พ้นจากกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน ไปทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการเฉพาะกิจสำหนังพิมพ์มติชน โดยไม่ให้เขียนคอลัมน์ริมคลองประปา ที่ นายประสงค์ เขียนในมติชนรายวัน ในช่วงสุดท้ายอีกต่อไป เมื่อไม่มีคอลัมน์เขียนในมติชน นายประสงค์ จึงมาเปิดเว็บไซต์ของตัวเองชื่อเว็บ www.prasong.com ซึ่งได้เขียนเรื่องหุ้นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไว้น่าสนใจ เช่น เปิดคำให้การ ก.ล.ต.จากกองทุนลับ “ซิเนตร้า” ถึง “วินมาร์ค” สวน “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ-พจมาน”, พลิกแฟ้มคำให้การ “ยิ่งลักษณ์” กรณี “วินมาร์ค” อุ้มครอบครัวชินวัตร? C และ เปิด จม.ประวัติศาสตร์ “Secret Nominee” จุดชนวนมหากาพย์ซุกหุ้น “ทักษิณ” แหล่งข่าวจาก นสพ.มติชน เปิดเผยว่า หลังจาก นายประสงค์ ได้รับคำสั่งย้ายไปเป็นบรรณาธิการเฉพาะกิจสำนักพิมพ์มติชน นายประสงค์ ย้ายห้องทำงานจากกองบรรณาธิการไปนั่งที่ห้องทำงานสำนักพิมพ์มติชน แต่อยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของหนังสือพิมพ์มติชน ได้ให้ตัวแทนมายื่นเงื่อนไขกับนายประสงค์ โดยยื่นเงื่อนว่าให้ นายประสงค์ ออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท มติชน โดยบริษัทยอมที่จะจ่ายค่าชดเชยให้ “ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับนายประสงค์ เช่นกัน ว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา หรือเขาได้กระทำผิดอะไรที่ทางฝ่ายบริหารมติชน จึงยื่นเงื่อนไขให้เขาพ้นจากการเป็นพนักงานบริษัท มติชน แต่ในที่สุดเขาก็ยินยอมและเจรจาในรายละเอียด จนได้ขอสรุปช่วงต้นสัปดาห์นี้ และในวันนี้ทางบริษัท มติชน ได้นัดให้นายประสงค์ไปรับเช็คเงินชดเชย ขนหนังสือสิ่งของต่างๆ ออกจากหนังสือพิมพ์มติชน ในเย็นวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการยุติการเป็นนักข่าวสังกัดมติชนที่นายประสงค์ทำงานและมีผลงานมาร่วม 26 ปี

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net