Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ข่าวดังเรื่องช้างโดนยิงเผานั่งยางเพื่อเอางาและอวัยวะเพศที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น มีเค้าไม่ชอบมาพากล ส่งกลิ่นทะแม่งๆเข้าทุกที ที่ว่าไม่ชอบมาพากล จะขนาดไหนก็ลองมาไล่เรียงเหตุการณ์กันดู หลังจากปีใหม่ที่ผ่านมา มีข่าวพบซากช้างสองตัว ถูกคนร้ายยิงตาย ตัวหนี่งโดนเผาจนไหม้เกรียม ไม่ห่างไปมากนักอีกตัวนอนตายอืด ทั้งสองตัวโดนตัดเอางาและอวัยวะเพศไป บริเวณที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางเดินของฝูงช้างป่า โดยในบริเวณนี้ยังมีช้างป่าอยู่มาก ไม่น้อยกว่าสองร้อยตัว ถ้าชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านป่าเด็งในอำเภอแก่งกระจานไม่ได้เข้าพบซากช้าง เรื่องก็คงไม่ได้มาสู่สายตาสาธารณชน หลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไป นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯได้กล่าวว่าน่าจะเป็นฝีมือการฆ่าและเผาของพวกนายพรานป่าชาวเวียดนามที่ทำงานให้ขบวนการค้างาช้างและอาหารป่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ออกมาฟันธงทันที โดยกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรียงที่อาศัยในแก่งกระจาน ความเกลียดชังคนพื้นเมืองกะเหรี่ยงที่อยู่ในป่าแก่งกระจานของนายชัยวัฒน์ ไม่ใช่เรื่องลับอะไร เมื่อปีที่แล้ว หัวหน้าอุทยานฯนำเจ้าหน้าที่จำนวนมากไปเผาบ้านเผายุ้งข้าวของชาวกะเหรี่ยงในป่าลึกแก่งกระจานและยังกล่าวหาชาวบ้านกะเหรี่ยงว่าเป็นพวกทำไร่เลื่อนลอย ตัดไม้ทำลายป่า ล่าสัตว์และยังปลูกกัญชาอีก เพราะโดนเผาและไล่ออกจากป่า ให้ไปอยู่ที่ใหม่ที่ไม่มีอะไรรองรับ ไม่มีที่ทำกิน ชาวบ้านกะเหรี่ยงที่ต้องหนีภัยมาอยู่ที่หมู่บ้านโป่งลึกบางกลอยต้องอยู่อย่างลำบากเพราะไม่มีข้าวกิน จนมีกลุ่มสิทธิมนุษยชนเข้ามาให้ความช่วยเหลือและเป็นตัวแทนชาวบ้านฟ้องหัวหน้าอุทยานอยู่ในขณะนี้ ไม่เท่านั้น นายชัยวัฒน์ยังโดนข้อหาจ้างวานฆ่านายทัศน์กมล โอบอ้อม ซึ่งเป็นผู้นำในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน นายทัศน์กมลได้ออกมาขู่ว่าจะเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลในอุทยานแก่งกระจาน หลังจากนั้นเพียงอาทิตย์เดียวนายทัศน์กมลก็โดนยิงตาย ทั้งที่ถูกข้อกล่าวหาร้ายแรงขนาดนี้ นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็ยังปฎิเสธที่จะย้าย นายชัยวัฒน์ออกนอกพื้นที่เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน ล่าสุดเมื่อเกิดเรื่องฆ่าเผาช้างล่าจนเป็นข่าวดัง นายชัยวัฒน์ก็ยังยืนกรานว่าช้างถูกไฟป่าเผาคลอกตาย ทั้งที่ตอนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พบแล้วว่าในที่เกิดเหตุมีการใช้ยางรถยนต์กว่า 20 เส้นเป็นเชื้อเพลิงเผาซากช้าง ขณะเดียวกันอธิบดีดำรงค์ ก็ออกมาปฎิเสธทันควันไม่มีเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน ดูเหมือนว่า เรื่องทำท่าจะปิดง่ายๆเมื่อชาวบ้านป่าเด็งคนหนึ่งถูกจับเพราะซากของป่าอยู่ในครอบครอง แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หลายคนต้องการเมื่อเริ่มมีคำให้การของพยานโผล่ขึ้นมาโต้แย้ง ชาวบ้าน นายผวน ท้วมทรัพย์ อายุ 58 ปี ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เขาเป็นคนพบซากช้างนอนตายอืดอยู่ใกล้หนองน้ำ ขณะที่เขากำลังเลี้ยงแพะอยู่ในบริเวณนั้น ช้างทั้งสองตัวยังมีงาและอวัยวะครบทุกอย่าง วันนั้นเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2554 วันรุ่งขึ้นเขาไปที่นั่นอีกครั้งกับเจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่บอกให้เขาตัดงาช้างให้ แต่เขาได้ปฎิเสธไป เมื่อตำรวจเริ่มสอบสอนเจ้าหน้าที่อุทยาน นายชัยวัฒน์ก็ออกมาติติงว่าตำรวจกำลังหลงทาง โดยยืนยันว่าเขามีพยานรู้เห็นว่าในวันที่ 26 ธันวาคมนั้น มีรถนอกพื้นที่นำพวกขบวนการล่าช้างเข้ามาในที่ช้างตายเพื่อมารับเอางาและอวัยวะเพศไป ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อุทยานก็ให้การกับตำรวจว่าช้างโดนยิงจากพวกพรานป่า โดยยิงมาจากนั่งร้านบนต้นไม้สูงในบริเวณนั้น เมื่อตำรวจไปตรวจดูที่เกิดเหตุก็พบว่าไม่มีต้นไม้ดังกล่าว ในที่สุดตำรวจได้ออกหมายจับเจ้าหน้าที่อุทยาน 5 คน รวมถึง นายสุริยนต์ โพธิบัณฑิต ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในข้อหาทำลายหลักฐานช้างที่ถูกฆ่า และนายชัยวัฒน์ก็โดนคำสั่งให้ออกจากพื้นที่เพื่อเปิดทางให้ตำรวจสอบสวนในพื้นที่ได้สะดวกขึ้น ตำรวจได้เปิดเผยต่อมาว่าเจ้าหน้าที่อุทยานบางคนได้สารภาพแล้วว่าได้มีส่วนร่วมในการเผาศพช้างและตัดงา โดยได้มอบงาช้างนั้นให้กับนายสุริยนต์ เมื่อเป็นที่แน่ชัดว่าลูกน้องตนเองเป็นคนเผาช้าง นายดำรงค์ก็รีบออกมาให้ข่าวว่า การเผาช้างนั้น ถ้าจะผิดก็เล็กน้อย แค่ผิดขั้นตอน และตำรวจควรไปโฟกัสว่าใครเป็นคนฆ่าช้างมากกว่า หลังจากนั้นเขาก็พานักข่าวลงพื้นที่ดูสถานที่เกิดเหตุ แล้วก็ใช้โอกาสนั้นเอาจดหมายของนายสุริยนต์ขออนุญาตเผาช้างออกมานักข่าวดู เมื่อมีคนถามว่าทำไมถึงใช้เวลานานมากกว่าจดหมายฉบับนี้จะปรากฎตัวออกมา นายดำรงค์ก็อธิบายว่าเป็นเพราะนายสุริยนต์กำลังยุ่งกับการทำงานที่อื่นอยู่ หลังจากที่ยอมมามอบตัว นายสุริยนต์ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวว่า ไม่มีงาอยู่ในครอบครองเพราะได้นำเอางานั้นกลับไปเผาพร้อมกับซากช้างไปแล้ว นายชัยวัฒน์ก็ออกมาสนับสนุนคำให้การของนายสุริยนต์ โดยลืมไปว่าตนเองได้เคยพูดเสียงแข็งว่า ทั้งงาทั้งอวัยวะเพศของช้างนั้นมีคนไปรับแล้วที่ที่เกิดเหตุตั้งแต่ก่อนที่จะมีคนไปเจอซากช้าง ทั้งหมดดูไม่ค่อยจะชอบมาพากลเลย คำให้การของเจ้าหน้าที่อุทยานกลับไปกลับมา ไม่ตรงความจริง เหมือนมีอะไรปิดบัง ทำให้ห่วงว่าจะไว้ใจให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้รักษาป่า รักษาสัตว์ป่า ของเรา ของชาติได้อย่างไร หรือว่าท่านไม่ห่วง?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net