พวกเรานักเรียนทุนโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน รุ่นที่ 1, รุ่นที่ 2, นักเรียนทุนอื่นๆ, และบุคคลทั่วไป (ตามรายชื่อด้านล่าง) รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพทางการศึกษาของเยาวชน และได้ดำเนินการโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนต่อเป็นรุ่นที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสรรทุนให้แก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่มีฐานะ ยากจนจากทุกอำเภอ ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ อันจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของชาติ และเป็นรากฐานสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการเตรียมจะประกาศรับสมัครเพิ่มเติมทุนโครงการ หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนรุ่นที่ 3 (ซึ่งขณะนี้เหลืออีกกว่า 600 อำเภอที่ยังไม่มีผู้ผ่านการคัดเลือก) และมีนโยบายที่จะปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การรับสมัคร โดยมีประเด็นที่สำคัญคือ (1) ผู้สมัครทุนนี้ไม่จำเป็นต้องยื่นหลักฐานรับรองรายได้ของครอบครัว และไม่มีการจำกัดสิทธิ์เฉพาะเด็กยากจน และ (2) เพิ่ม เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำในการสอบผ่านข้อเขียนจากเดิมร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 80 นั้น พวกเราไม่เห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังนี้
1. การปรับความยืดหยุ่นให้ผู้สมัครไม่ต้องยื่นหลักฐานรับรองรายได้ของครอบครัว และการเปิดช่องโหว่ให้ผู้ที่ไม่ได้มีฐานะยากจนจริงสามารถสมัครทุนนี้ได้ ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ ที่ต้องการกระจายและเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจน หากทางคณะกรรมการเห็นว่าเกณฑ์รายได้ของครอบครัวจากเดิมไม่เกิน 150,000 บาท/ ปี เป็นการจำกัดสิทธิผู้สมัครบางราย ก็อาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม (เช่น ไม่เกิน 200,000 บาท/ ปี หรืออาจแบ่งเกณฑ์รายได้แบบเจาะจงพื้นที่ตามอัตราค่าครองชีพในแต่ละจังหวัด หรือแต่ละอำเภอ เป็นต้น) ทั้งนี้ต้องเป็นรายได้ที่อยู่ในข่าย "ยากจน" และ สอดคล้องกับข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น พวกเราเห็นว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ใช้หลักฐานรับรองราย ได้ของครอบครัวประกอบการรับสมัครเพิ่มเติม
3. หากทางคณะกรรมการยังเห็นว่าเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของการสอบผ่านข้อเขียนมีความสำคัญ เช่นอาจส่งผลต่อการสำเร็จการศึกษาของผู้รับทุน และความคุ้มค่าที่ประเทศจะได้รับจาก "การลงทุน" โดยเฉพาะกับผู้ที่จะเดินทางไปศึกษายังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มฐานคะแนนขั้นต่ำ แต่เห็นควรให้คงไว้ในระดับเดิม (ร้อยละ 60) หรือแม้แต่ต้องมีการยืดหยุ่นให้ผู้ที่ได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 60 อาจเป็นผู้มิสิทธิ์ได้รับทุนในกรณีที่อำเภอนั้นไม่มีผู้้ได้คะแนนถึงร้อยละ 60 และต้องมีมาตรการในการฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมอย่างเข้มข้นก่อนการเดินทางไปศึกษาต่อ หรือ อาจกำหนดเป็นเงื่อนไขว่าผู้สมัครที่สอบได้คะแนนข้อเขียนในระดับใดต้องเรียนในประเทศหรือสามารถเลือกไปศึกษายังต่างประเทศได้ หรือ อาจสร้างระบบคัดกรองชั้นที่สองขึ้นเพื่อประเมินผู้ได้รับทุนในด้านอื่นประกอบ เช่นศักยภาพในการเรียนรู้ การปรับตัวและการพัฒนาตนเอง ฯลฯ เพื่อพิจารณาว่าผู้ได้รับทุนสามารถไปศึกษาต่อต่างประเทศได้หรือไม่ เป็นต้น
ทั้งนี้ เพราะการกีดกันนักเรียนยากจนที่สอบข้อเขียนได้คะแนนน้อย ด้วยการยืดหยุ่นและเปิดช่องโหว่ให้นักเรียนฐานะดีที่มีแนวโน้มจะสอบข้อเขียน ได้คะแนนสูงสามารถสมัครทุนนี้ได้ ขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ อีกทั้งยังเป็นการปิดกั้นโอกาสและดูถูกศักยภาพของบุคคลว่าไม่อาจสามารถพัฒนาตนเองได้ ที่สุดแล้วแนวนโยบายดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำและผลิตซ้ำความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาใน สังคมไทยให้ดำรงอยู่ต่อไป
พวกเรา กลุ่มนักเรียนทุนและคนไทยผู้ตระหนักและรู้สึกกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาทบทวนนโยบายที่จะปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การรับสมัครเพิ่มเติมทุนโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนรุ่นที่ 3 อย่างรอบคอบอีกครั้ง โดยต้องคำนึงถึงหลักการที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของโครงการเป็นสำคัญ
ด้วยความเคารพ
นายวิจิตร ประพงษ์ นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 1 (อ. มช.)
นางสาวนินดาร์ มะลี นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2 (ธุรกิจส่วนตัว)
นางสาวรัตนาพร สิริบาล นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2 (เภสัชกร)
นางสาวจิรวดี สารสุวรรณ นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 1 (วิศวกรบริษัทเอกชน)
นางสาวคณินสญา เร่งพิมาย นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2 (นักศึกษาปริญญาตรี)
นางสาวพัชรินทร์ สายสู่ นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2 (นักศึกษาปริญญาตรี)
นายมโนทัย ไชยแสง นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 1
นายสัญชัย แวดเวียง นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2
นายบรรพต รสจันทน์ นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2 (นักศึกษา ปริญญาโท)
นายธนัยนันท์ ราชกิตวาณิชย์ ผู้สนับสนุน
นายแสนศักดิ์ สำเภาทอง นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 1
นายวรเชษฐ์ อุทธา นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2 และทุนกระทรวงวิทย์ (นักศึกษาปริญญาโท-เอก)
นายอำพล อินทะคง นักเรียนทุนหนึ่งอำเภอฯ รุ่นที่ 2 (วิศวกรเอกชน)
หมายเหตุ : ข่าว/ ลิงค์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
https://www.facebook.com/note.php?saved&¬e_id=10150698163497080
http://www.dailynews.co.th/education/19448
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000039529
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)