เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจฮ่องกงในช่วงทศวรรษที่ 1970-1980 จากนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจในจีน ส่งผลให้อุตสาหกรรมภาคบริการกำไรสูงเติบโตขึ้นมากในฮ่องกง และด้วยการขาดแคลนแรงงาน แรงงานสตรีจึงต้องออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้น ทำให้ครอบครัวในฮ่องกงนิยมจ้างแม่บ้านจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในบ้าน จัดการเรื่องการทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ
มีการคะเนว่า ปัจจุบันมีแม่บ้านจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในฮ่องกงราว 285,000 คน คิดเป็นร้อยละ 3 ของประชากรทั้งหมดในฮ่องกง โดยครึ่งต่อครึ่งมาจากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และราวร้อยละ 1-2 มาจากประเทศไทย และด้วยทักษะภาษาอังกฤษของชาวฟิลิปปินส์ที่จัดว่าคล่องแคล่วที่สุดในประเทศอาเซียน ประกอบกับนโยบายส่งออกแรงงานของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ทำให้สตรีฟิลิปปินส์นิยมออกมาทำงานเป็นแม่บ้านในประเทศต่างๆ ทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และอังกฤษ
จากการสัมภาษณ์แม่บ้านฟิลิปปินส์บางส่วนในฮ่องกง พบว่า ส่วนใหญ่มาทำงานในฮ่องกงแล้วตั้งแต่ 5 ปี ไปจนถึง 20 ปี โดยสามารถเก็บเงินส่งกลับไปที่บ้านเพื่อจุนเจือครอบครัวและประเทศได้อย่างสม่ำเสมอ บางคนบอกว่ารายได้จากการเป็นแม่บ้านที่นี่ดีมากกว่าเป็นหมอที่ประเทศฟิลิปปินส์เสียอีก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำในประเทศ ทั้งนี้ ตามกฎหมายฮ่องกง ระบุให้แม่บ้านจากต่างประเทศต้องได้รับเงินเดือนขั้นต่ำราว 15,000 บาทต่อเดือน โดยนายจ้างต้องจัดหาที่พักและอาหารให้ตามเหมาะสมโดยไม่คิดเงิน
ก่อนหน้านี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มลูกจ้างและองค์กรสิทธิเรื่องการเลือกปฏิบัติต่อแม่บ้านต่างประเทศในฮ่องกง ทั้งนโยบายกฎหมายเข้าเมืองที่กำหนดให้ลูกจ้างต้องออกจากประเทศหากยังหางานทำไม่ได้ภายในเวลาสองอาทิตย์ และนโยบายกีดกันการให้สัญชาติฮ่องกงในกรณีที่อยู่เกิน 7 ปี ซึ่งกฎระเบียบดังกล่าวใช้ได้กับทุกคนยกเว้นแม่บ้านจากต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ฝ่ายที่เห็นด้วยกับกฎดังกล่าวมองว่า ฮ่องกงยังขาดทรัพยากรที่จำเป็นในการดูแลพลเมืองที่มีอยู่ จึงไม่สามารถรองรับแรงงานต่างชาติที่มีหลายแสนคนในประเทศ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)