Skip to main content
sharethis

พร้อมระบุรบ.ควรปฏิบัติตามข้อเสนอคอป. ในการปฏิรูปสถาบันและกฎหมาย โดยเฉพาะสถาบันทหารและม. 112 ชี้รัฐต้องเก็บรักษาข้อมูลหลักฐานต่างๆ ไว้ให้คงอยู่ เพราะจำเป็นสำหรับการตรวจสอบในอนาคต  

18 ก.ย. 55 - ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นาวี พิลเล ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แถลงแสดงความยินดีต่อการเผยแพร่รายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ต่อเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อเดือน เม.ย. - พ.ค. 53 และย้ำถึงข้อเสนอของคอป. ว่าด้วยการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย และให้กองทัพเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลควรต้องนำไปปฏิบัติ 

ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ชี้ว่า การออกรายงานดังกล่าวของคอป. นับเป็นก้าวที่สำคัญในการได้มาซึ่งความโปร่งใสและการปรองดองในภาคส่วนต่างๆ ของสังคมไทย และระบุว่า ถึงแม้รายงานดังกล่าวจะล้มเหลวในการระบุผู้กระทำความผิดในความรุนแรงครั้งนั้น แต่ก็ประกอบด้วยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่น และยังได้เสนอแนะให้หาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ​อย่างเร่งด่วน 
 
"การปฏิรูปกฎหมายและสถาบันตามข้อเสนอในรายงาน จะช่วยทำให้ประชาธิปไตยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น" ข้าหลวงใหญ่แห่งสิทธิมนุษยชนกล่าว "การนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ จะไม่เพียงแต่สร้างหมุดหมายสำคัญให้กับประเทศไทย แต่ยังมีความหมายสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย" โดยเฉพาะข้อเสนอที่ทำให้กองทัพเป็นกลางทางการเมือง การทำให้ตุลาการเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น และการปฏิรูปกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อพิทักษ์เสรีภาพทางการแสดงออกในไทย
 
นอกจากนี้ ข้าหลวงใหญ่ฯ ชี้ว่า ยังมีข้อกังวลถึงเรื่องการเก็บรักษาข้อมูลหลักฐานที่รวบรวมไว้ได้โดยคอป. และดีเอสไอ ที่จำเป็นต่อการหาความจริงและการตรวจสอบต่อไปในอนาคต โดยได้ย้ำให้รัฐบาลมีมาตรการที่จำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวด้วย 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net