Skip to main content
sharethis

สุเทพ เทือกสุบรรณขอพบเหล่าทัพ-ตำรวจเพื่อกางพิมพ์เขียวปฏิรูปและตอบข้อซักถาม และขอเจรจากับ 7 ภาคธุรกิจ โดยไปเฉพาะ 40 แกนนำ-เจรจาแบบเปิดเผย พร้อม 'ออกบัตรเชิญ' นปช. ร่วมปฏิรูป โดยจะถอดหรือใส่เสื้อแดงมาก็ได้ ยกเว้นสามเกลอ วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ เพราะไม่ไว้ใจ ขณะที่ล่าสุด ผบ.สส. ยังไม่รับนัด บอกให้ไปพบกลุ่มอื่นก่อน

 

สุเทพปราศรัยรอบค่ำ ระบุการต่อสู้ครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ให้มวลมนุษยชาติยึดถือเป็นแบบอย่าง

11 ธ.ค. 56 – เมื่อเวลา 19.30 น. วันนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ปราศรัยที่เวทีแยกนางเลิ้ง ตอนหนึ่งกล่าวว่า “คนทั่วโลกจับตาดูว่าประชาชนไทยที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ จะได้สร้างประวัติศาสตร์ไว้ให้มวลมนุษยชาติ ทุกชาติในโลก ได้ยึดถือเป็นแบบอย่าง เพราะว่าเป็นการต่อสู้ของพลเมืองดี ที่สู้อย่างสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ ไม่มีความรุนแรงใดๆ เลย ท่านกำลังสร้างประวัติศาสตร์ให้โลกจารึก ขอให้ท่านปรบมือให้ตัวเอง”

สุเทพกล่าวต่อไปว่า เมื่อเริ่มชุมนุมที่สถานีรถไฟสามเสน เคยคิดว่าถ้ามีผู้ชุมนุมมาร่วมสามแสนก็สุดยอดแล้ว พอย้ายมาราชดำเนินก็มีผู้ชุมนุมเป็นล้าน 24 พ.ย. เราก็นึกว่านั่นสุดยอด แต่วันที่ 9 ธ.ค. มีคนชุมนุมเป็นล้านมาแสดงตนกล้าหาญ ประกาศตัวชัดเจนว่าต้องการเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงมีการปฏิรูป

“ผมเป็นกำนันบ้านนอก ถ้ามีลูกบ้านมาเดินขบวนแบบนี้ ผมกราบเท้าลาออกแล้ว แต่นายกรัฐมนตรีแกสุดบรรยายจริงๆ ไม่ไปสักที พวกเราอธิบายให้ฟังทุกเรื่องว่าความเป็นรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ หมดสภาพไปแล้ว ตั้งแต่วันที่รัฐบาลและรัฐสภาประกาศไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ไม่เคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อยู่เหนือรัฐธรรมนูญเท่ากับประกาศตัวเป็นโมฆะ เหมือนพระปราชิก สิ้นความชอบธรรมทางกฎหมายสิ้นเชิง นายกรัฐมนตรีก็เถียงข้างๆ คูๆ ว่าเสียงข้างมากเลือกมาเป็นรัฐบาล เราก็บอกนายกรัฐมนตรีว่าเสียงที่เลือกนายกรัฐมนตรีอาจมี 14-15 ล้านคน แต่คนเดินขบวน 4-5 ล้านคน เป็นตัวแทนของคน 20-30 ล้านคนทั่วประเทศแล้วนายกรัฐมนตรี”

 

ยืนยันรัฐบาลรักษาการลาออก มีนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นสิ่งที่ทำได้แบบสมัย 14 ตุลา

“เมื่อคืนที่บอกว่าไม่ยอมรับการปกครองของรัฐบาลนี้ ก็หมายความว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมทางการเมืองลงอีกอย่างหนึ่ง ไม่เหลืออะไรแล้ว ประชาชนเขามาเอาอำนาจอธิปไตยเขาคืน เขาจะเอาไปบริหารจัดการให้ประเทศดีขึ้น ก็บอกนายกรัฐมนตรีอย่างนี้ มาถึงวันนี้ นายกรัฐมนตรีไม่เถียงแล้ว เรื่องว่ายังชอบธรรมทางกฎหมาย หรือทางการเมืองหรือไม่ เที่ยวนี้มาเถียงใหม่ บอกออกจากตำแหน่งไม่ได้ ถ้าออกจะผิดกฎหมาย โน่นเถียงไปโน่น แล้วให้ชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรียุติธรรมประชุมนักกฎหมายออกมาพูดจาชี้แจง บอกไม่มีประเพณีปฏิบัติ ต้องมีนายกรัฐมนตรี เราก็ได้บอกไปเมื่อคืน ว่าไม่จริงที่คุณจะอ้างต้องมีนายกรัฐมนตรี ครม. รักษาการ ประเทศจะอยู่ได้ ไม่จริง เพราะในอดีตเคยมีแล้ว สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เกิดเหตุไม่ปกติ ท่านลาออกแล้วไปเมืองนอกเลย ไม่มีใครรักษาการ เขาถึงได้มีรองประธานสภานิติบัญญัติกราบบังคมทูลฯ เสนอชื่อสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแทน นี่เขามีประเพณีปฏิบัติมาแล้ว ถ้าพูดกันแบบนี้แล้วไม่เชื่ออีก จะยกตัวอย่างอะไรมาอีก หรือว่าสมมติเครื่องบินที่มี ครม. นั่งทุกคน โหม่งพื้นพสุธา ตายหมดลำ ประเทศไทยยังอยู่ได้ แก้ไขปัญหาไม่ปกตินี้ได้แน่นอน”

ทั้งนี้สุเทพได้ประกาศ “เชิญชวนทุกคนมาแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างละมุนละม่อม” ด้วยการเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากรักษาการ ครม. ลาออกจากรักษาการ และเปรียบเทียบว่า “ประเทศไทยก็จะว่างรัฐบาล เหมือน ครม. นั่งเครื่องบินตกหมดทั้งลำ แล้วเราก็เลือกใหม่ นายกรัฐมนตรีจะได้ไม่ต้องเถียงว่าไม่มีกฎหมายเขียนไว้” นอกจากนี้สุเทพยังอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ว่าสามารถเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีและตั้งรัฐบาลได้

 

ชี้แจงเรื่องขอพบ ผบ.เหล่าทัพ ว่าจะเป็นการพบแบบไม่พาผู้ชุมนุมไปกดดัน และจะเปิดโอกาสให้ซักถาม

ต่อมา สุเทพได้ชี้แจงมติที่ได้แถลงเมื่อช่วงบ่าย ที่จะขอพบ ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพสามเหล่าทัพ และ ผบ.ตร. (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) ว่าที่ไปพบเพราะบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ “เราจะขอพบเต็มคณะ 40 คน ไม่เอาประชาชนไปเดินขบวนกดดัน เอาแต่คณะกรรมการตัวแทนประชาชนไปพบ แล้วพบเปิดเผย พบอย่างเป็นทางการ เพื่ออะไรครับ เพื่ออธิบายให้ท่านทั้งหลายเข้าใจ ว่ามวลมหาประชาชนในประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยมีเจตนารมณ์ร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้นเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ต้องการปฏิรูปประเทศให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน เห็นประเทศมีความเจริญก้าวหน้า มั่นคง มีอนาคตที่ดีสำหรับลูกหลาน ต้องการไปอธิบายสิ่งเหล่านี้ ให้บรรดาแม่ทัพ นายกอง ท่านผู้บัญชาการทั้งหลายนอกจากได้ยินพวกเราชี้แจงแล้ว จะได้มีโอกาสซักถาม ตรงไหนไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจเขาจะได้ถามพวกเรา เราพร้อมจะตอบทุกข้อ ทุกประเด็น”

“นี่ไม่ใช่การกดดันอะไร ไม่ยกขบวนมวลชนไป ไปกัน 40 คนเท่านั้น” สุเทพย้ำ

"เมื่อท่านเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว จะได้ตัดสินใจว่าสมควรหรือยังที่จะย้ายข้างมายืนข้างเดียวกับประชาชน หรือท่านจะตัดสินใจเป็นอย่างอื่น เราจะได้รู้กันไปเสียที"

 

เตรียมพบภาคธุรกิจ 7 กลุ่มด้วย เรียกว่าสื่อสารสองทาง

ต่อมาสุเทพกล่าวถึง กรณีที่ภาคธุรกิจ 7 องค์กร ได้แก่  สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย หารือกันเกี่ยวกับวิกฤตทางการเมือง โดยสุเทพกล่าวด้วยว่าเตรียมจะเข้าพบหารือกับ 7 ภาคธุรกิจ

“นอกจากจะพบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร. แล้ว คณะกรรมการ กปปส. จะตั้งใจไปพบองค์กรภาคเอกชน 7 องค์กร หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคม สมาคมผู้ประกอบกิจกรรมตลาดหลักทรัพย์ 7 องค์กรเราก็จะไปพบ เราไปในฐานะทูตของมวลมหาประชาชนไปอธิบายให้เข้าใจ ให้เขาซักถาม เรียกว่าเป็นการสื่อสารสองทาง เราตั้งใจทำให้เสร็จสิ้นก่อน 2 ทุ่ม คืนวันพรุ่งนี้”

 

กำลังนัด ผบ.สส. เมื่อนัดได้แล้วจะให้ ผบ.สส. จะเรียกทุกเหล่าทัพและ ผบ.ตร. มาพร้อมกันทีเดียว

สุเทพระบุว่า ตอนที่ปราศรัยอยู่นี้ยังติดต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดไม่ได้ แต่ ผบ.ทบ. แนะนำให้ติดต่อ ผบ.สส. ทีเดียว โดยสุเทพกล่าวว่า “แต่พูดกับท่าน ผบ.ทบ. ต่อหน้าคณะกรรมการ กปปส. ทั้งหลาย ผบ.ทบ.บอกว่าได้เลย ให้คณะกรรมการ กปปส. ติดต่อ ผบ.สส. เพราะเขาเป็นผู้บังคับบัญชาสามเหล่าทัพ จะเรียกไปพบทีเดียวพร้อมๆ กัน เราไม่ต้องไปพบทีละหน่วย”

“เช่นเดียวกันวันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้พูดโทรศัพท์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว "บอกว่าผมสุเทพ เทือกสุบรรณนะครับ ไม่ได้ติดต่อมามอบตัวนะครับ ติดต่อมาเจรจาความเมือง" เรื่องตั้งข้อหาผมไม่หนีไปไหน มอบตัวแน่นอน ทำเรื่องของมวลมหาประชาชนเสร็จก่อน ผมมอบตัวแน่นอน ผมต้องการนำคณะ กปปส. ไปพบท่านเป็นทางการ พบต่อหน้าต่อตาเปิดเผย อธิบายให้ ผบ.ตร. เข้าใจว่าประชาชนคิดอะไรอยู่ และถ้าท่านสงสัยจะได้ไต่ถาม พล.ต.อ.อดุลย์บอกว่ายินดีครับ ผมไปพบพร้อมกับพร้อมกับ ผบ.เหล่าทัพ ขอให้ท่านติดต่อ ผบ.สส. จะได้พบกันทีเดียว ทั้ง ผบ.สส. และสี่เหล่าทัพ ถามทีเดียว อธิบายทีเดียว”

“ผมได้ขอบคุณ พล.ต.อ.อดุลย์ และบอกว่า คุณอดุลย์ เป็นตำรวจที่ดี และผมเคยชมคุณ ท่านครับ ผมทำตามหน้าที่ สุเทพบอกว่า ผมเข้าใจ แต่ขอสักอย่างเถอะที่วางแผนสลายชุมนุม เลิกเถอะคุณอดุลย์เพราะไม่มีประโยชน์อะไร”

สุเทพกล่าวด้วยว่า ได้บอกกับ ผบ.ตร. ว่าการเอากำลังเจ้าหน้าที่มาสลายผู้ชุมนุมจะทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายใหญ่โต จะทำให้ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ “ผมยืนยันให้คุณอดุลย์สบายใจ ในฐานะ ผบ.ตร. ต้องรักษากฎหมาย รักษาความเรียบร้อยของบ้านเมือง ประชาชนเขาต่อสู้สงบ สันติ อหิงสาจริงๆ ขอให้สบายใจ สุเทพกล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์บอกว่า เข้าใจประชาชนดี”

 

ผบ.สส. ยังไม่รับสาย เลยขอฝากรักไปกับสายลม

สุเทพ กล่าวต่อไปว่า “เพราะฉะนั้นรอคำตอบจากบุคคลคนเดียว ท่านเดียว คือ ผบ.สส. ผมขออนุญาต ผบ.สส. ครับ ผมพยายามติดต่อท่านมาครึ่งวัน ไม่สามารถติดต่อได้ ถ้าท่านได้ทราบด้วยอะไรก็แล้วแต่ เช่นลูกน้องท่านรายงาน หรือท่านเปิดทีวีมาพอดี ขอให้ทราบว่าพวกผม กปปส. ตัวแทนของมวลมหาประชาชน เห็นว่ามีความจำเป็นจริงๆ ที่เราต้องพบกันเป็นทางการ วันพรุ่งนี้ก่อน 2 ทุ่ม ท่านช่วยจัดการให้เราได้พบท่าน และ ผบ.สี่เหล่าทัพด้วยครับท่าน ผบ.สส.”

"ต้องฝากรักไปกับสายลมแบบนี้แหละ เพราะโทรศัพท์มันไม่ได้ผล" สุเทพนัดแบบออกอากาศ และกล่าวด้วยว่า “แต่ผมจะไม่ละความพยายาม คืนนี้จะโทรไปหาที่บ้าน ท่านอย่ายกโทรศัพท์ออกก็แล้วกัน พรุ่งนี้ก็ติดต่อต่อไป ติดต่อท่านทั้งไว้ เพราะต้องการพบจริงๆ”

สุเทพ ถามว่า “ผู้ชุมนุมต้องการปฏิรูปประเทศไทย ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ใช่หรือไม่ใช่พี่น้อง” จากนั้นผู้ชุมนุมส่งเสียงปรบมือ ตะโกนว่า “เห็นด้วย” สุเทพกล่าวต่อไปว่า “และท่าน ผบ.สูงสุดก็ดี หากท่านมีใจเมตตา จะให้คำแนะนำอย่างไร ผมพร้อมน้อมรับคำแนะนำเหล่านั้น และนำมาบอกพี่น้องอย่างเปิดเผย”

 

ยินดีร่วมหารือกับภาคธุรกิจ 7 องค์กร รวมทั้งอานันท์ - ประเวศ ซึ่งชอบทำเรื่องปฏิรูป

สุเทพกล่าวถึงกรณีที่ 7 องค์กรภาคธุรกิจด้วยว่า “ทำนองเดียวกันครับพี่น้อง เมื่อได้พบกับผู้นำภาคเอกชน 7 องค์กร จะทำอย่างเดียวกัน หวังที่สุดว่าผู้นำองค์กรเอกชนทุกองค์กร มีข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำ ให้ผมนำกลับมาฝากประชาชน ผมไม่ถือดีอะไร จะทำตัวนอบน้อม พร้อมรับคำชี้แนะ ทุกอย่าง ผมถือว่าเป็นกำนันต้นทุนต่ำ ใครมีความรู้ความสามารถให้แนะนำมา ถ้ามีประโยชน์ต่อบ้านเมือง ก็แนะนำมา สิ่งที่ประชาชนคิดจะเปลี่ยนแปลง จะได้ทำได้รวดเร็ว ราบรื่นขึ้น”

สุเทพกล่าวด้วยว่า “จะไปขอความรู้จาก คุณอานันท์ ปันยารชุน หรือบุคคลอย่างท่าน นพ.ประเวศ วะสี ซึ่งสนใจทำเรื่องปฏิรูปประเทศ จะได้ปฏิรูปประเทศไทยอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอย่างที่เขาประกาศกันมา”

 

ย้ำเลือกตั้งตามกติกาเดิม ระบอบทักษิณจะไม่หมดไป ยัน กปปส. สู้เพื่อคนไทยล้วนๆ ไม่มีสิ่งเจือปน

สุเทพย้ำว่า “ถ้าจะไปเลือกตั้งตามประกาศยุบสภาของรัฐบาล ประชาชนไม่สามารถยอมได้จริงๆ เพราะเห็นว่าถ้าเลือกตั้งภายใต้กฎกติกาเดิม กฎหมายเดิม ผลการเลือกตั้งจะเหมือนเดิม ระบอบทักษิณไม่หมดไปจากประเทศไทยสักที มันจะเป็นวัฏจักรที่ชั่วร้าย ไม่สามารถพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าได้ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นได้ รวมทั้งแก้ปัญหากระจายอำนาจไม่ได้ เพราะสภาเลือกตั้งตามรูปแบบเดิมๆ ไม่มีวันยอมให้ออกกฎหมายแบบนี้เด็ดขาด เพราะกระทบเจ้าของนายทาส เจ้าของทุนซื้อคะแนนเสียงมาเป็น ส.ส. ถูกไม่ถูกครับพี่น้อง”

“ขอถือโอกาสกราบเรียนด้วยความจริงใจในนาม คณะกรรมการ กปปส. มวลมหาประชาชนว่าที่พวกเราทั้งหลายกำลังต่อสู้ครั้งนี้ ต้องการสู้เพื่อประเทศไทยทั้งประเทศ ต่อสู้เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดินจริงๆ ไม่มีประโยชน์อื่นเจือปนแน่นอน ผมเองในฐานะที่ท่านทั้งหลายยกให้เป็นเลขาธิการ กปปส. ประกาศชัดแล้ว ทำเรื่องนี้เสร็จ เปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย บ้านเมืองเดินหน้าได้ ผมล้างมือแล้ว ไม่ลงเลือกตั้ง ไม่ลงพรรคไหนแล้ว”

สุเทพกล่าวด้วยว่า “ขอร้องอย่าป้ายสีผม เพราะนี่มันดำอยู่แล้ว คงเส้นคงวาแล้ว จะเขียนคิ้ว แต้มหนวด ผมก็ไม่หล่อแล้ว ชาตินี้”

 

ชี้แจงปฏิรูปตำรวจ ไม่ถึงกับให้ไปขึ้นตรง อบต. แต่จะให้อยู่กับ ผวจ. แบบเลือกตั้ง

“ผมไม่ได้ดูในสื่อออนไลน์เลย เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ พอแถลงการณ์ พอประกาศ ก็ประชุมกับคณะกรรมการ กปปส. ก็ประชุมทั้งวัน อภิปรายเต็มที่ แต่มีพี่น้องประชาชนผู้หวังดีแจ้งมาว่าที่ผมปราศรัยบนเวที แล้วออกแถลงการณ์ ออกประกาศ เรื่องปรับโครงสร้างตำรวจไทยน่ะ มีคนไปขยายความให้ จนตำรวจโกรธไปหมดแล้ว ผมถามว่าขยายอย่างไรครับ คนเอามาให้ดู กำนันสุเทพ จะปรับโครงสร้างตำรวจ ต่อไปนี้ให้ตำรวจขึ้นกับ อบต. โน่นไปขนาดนั้นแล้ว ถ้าทำสำเร็จจะให้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายก อบต. มิหนำซ้ำบอกว่าพอกำนันสุเทพ ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ตำรวจต้องไปรายงานตัวกับ นายก อบต. ทุกคน โน่นไปโน่นแล้วช่างหวังดีเหลือเกิน พี่น้องทั้งหลาย พูดไปให้ได้ยินกัน เพราะมีคนดูทีวีในเครือข่ายเราหลายล้านคน”

“ช่วยอธิบายกับพี่น้องตำรวจเถิด มวลมหาประชาชน ไม่ได้มีความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ข้าราชการตำรวจ รู้ว่าตำรวจเป็นคนดี พิทักษ์สันติราษฎร์ รักษากฎหมาย เสียสละ ผมไม่ต้องการให้ตำรวจสองสามแสนคนมาขึ้นกับคนๆ เดียวคือ ผบ.ตร. และคนๆ เดียวไปขึ้นกับคนๆ เดียวในต่างประเทศที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร อย่างนั้นไม่เอา ตำรวจนครบาล บิ๊กแจ๊ด ต้องไปอยู่ใต้บังคับบัญชาผู้ว่า กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตำรวจก็ไปขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ถึงกับเป็นนายก อบต. ไม่ถึงขนาดนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังอยู่ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายวิชาการ สอบสวนกลาง ยังมีส่วนกลาง แต่ไม่ใหญ่โตล้นฟ้า กลายเป็นรัฐตำรวจ ขอให้เข้าใจตรงกัน”

 

โต้นักวิชาการ ยันไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อประชาชนไทยทุกคน

สุเทพกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักวิชาการที่ไม่เห็นด้วยกับ กปปส. โดยกล่าวว่า “ที่ประชาชนเขาสู้ทั้งหมดนี้ เขาไม่ได้สู้เพื่อกำนันสุเทพ และผมก็ไม่ได้มีน้ำยาอะไร เป็นลุงแก่ๆ ที่ไม่เล่นการเมือง ไม่ต่อสู้ทางการเมือง จะเอาอำนาจเวรไปทำอะไร ไม่มี! ที่ต่อสู้ไม่ได้สู้เพื่อคนๆ หนึ่งเลย แต่ต้องการให้ประเทศไทยมีการปกครองแบบนานาอารยะประเทศ ไม่มีทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่มีซื้อเสียง ประชาชนจะได้ตายตาหลับ เป็นการสู้เพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อลุงกำนัน”

“แล้วอย่าไปคิดทำอะไรง่ายๆ ที่วางแผนกัน ว่าจะเอาเขมรมาเสียบพุงลุงกำนันหรือคอมมานโดมาจัดการ เพราะประชาชนสี่ห้าล้านคนเขาสู้เอง เขาลากลุงกำนันไป เข้าใจด้วยพวกสมองกลวงทั้งหลาย พวกนี้อยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่มาดูว่าคนที่ออกมาชุมนุมต่อสู้คราวนี้ เป็นเสรีชนทั้งสิ้น มาด้วยใจบริสุทธิ์มาเดินขบวนกับเขามีลูกน้องหิ้วตระกร้ามา ผมบอกนั่งลง ก็นั่งเรียบร้อย แต่คนบนหอคอยงาช้างไม่เข้าใจว่าคนที่มาเขาเหลืออดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศนี้”

 

ออกบัตรเชิญทุกฝ่าย รวมทั้งคนเสื้อแดงมาร่วมปฏิรูปการเมือง จะถอดหรือใส่เสื้อแดงมาก็ต้อนรับ

ต่อมาสุเทพ ได้ประกาศเชิญชวนทุกฝ่ายรวมทั้งคนเสื้อแดงทุกคนมาร่วมปฏิรูปการเมืองด้วยโดยกล่าวว่า “เอาอย่างนี้ไหมครับ ไม่ว่าท่านจะอยู่ฝ่ายไหน ผมจะออกบัตรเชิญแทนพี่น้องประชาชน อย่างจริงใจ ถ้ารักประเทศไทย รักระบอบประชาธิปไตยมาร่วมเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ปฏิรูปประเทศไทยร่วมกับมวลมหาประชาชน ขอออกบัตรเชิญ”

“ขอพี่น้องทั้งหลายชวนมวลชนคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินมาร่วมมือกับเรา พูดจากหัวใจคนเป็นกำนัน มวลมหาประชาชน ขอต้อนรับคนเสื้อแดงทุกฝ่ายที่อยู่ทุกหนทุกแห่งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง แม้แต่ กทม. มาร่วมกัน ถ้าท่านบอกว่าถ้าท่านรักประชาธิปไตย คนเสื้อแดงสู้เพื่อประชาธิปไตย สู้เพื่อความยุติธรรม มวลมหาประชาชนที่นี่ก็สู้เพื่อความยุติธรรม เลิกแบ่งฝ่าย มาเลย ถอดเสื้อแดงมา หรือใส่เสื้อแดงมาคนก็ต้อนรับ มาร่วมมือกันทุกฝ่าย”

 

แต่ไม่ต้อนรับสามเกลอ นปช. ให้ไปสู้คดีเสียก่อน ย้ำถ้าข้าราชการมาร่วมด้วย ระบอบทักษิณก็หมดฤทธิ์

“แต่ขออนุญาตไม่ต้อนรับ จตุพร พรหมพันธ์นะ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อนะ วีระ มุสิกพงศ์นะ สามคนนี้ไม่รับ ไม่รับเข้ากระบวนการมวลมหาประชาชน ให้ไปสู้คดีก่อน สงสัยในความประพฤติว่าไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปไตย ความเป็นธรรม หรือสู้เพื่อทักษิณก็ไม่อยากกล่าวหาขนาดนั้น แต่สำหรับพี่น้องมวลชนเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน ผมและพี่น้องประชาชนที่เป็นมวลมหาประชาชนที่นี่เชื่อว่าท่านเป็นคนไทยเจ้าของประเทศ อยากเห็นประเทศนี้ดีขึ้น ท่านต้องการเห็นความยุติธรรมคนจนทั้งแผ่นดิน ช่วยเหลืออย่างจริงๆ ท่านกับพวกเราคิดเหมือนกัน มาร่วมมือกันเถิดไม่ต้องต่อสู้กัน”

“ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ มาร่วมกัน ระบอบทักษิณก็จะหมดฤทธิ์สิ้นเชิง เอาใส่หม้อมาเลย”

สุเทพย้ำว่า “พี่น้องเสื้อแดงผมขอออกบัตรเชิญใหญ่ๆ มาช่วยกันปฏิรูปประเทศไทย เพื่อลูกหลานของพวกเรา ได้ไม่ได้ครับพี่น้อง” โดยหลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ปรบมือ

“พี่น้องเสื้อแดงขอให้ได้เข้าใจว่าอย่ามาต่อสู้กันเองเลย มากอดคอกันมาทำเพื่อบ้านเมือง ผมรอต้อนรับมวลชนเสื้อแดงมาร่วมกันด้วยความจริงใจ ผมขอเชิญชวนแทนมวลชนเสื้อแดงครับ”

 

สุเทพย้ำให้ยิ่งลักษณ์ลาออกรักษาการให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

ช่วงท้ายสุเทพกล่าวย้ำกับนายกรัฐมนตรีว่า ให้ลาออกจากตำแหน่งรักษาการด้วย โดยกล่าวว่า “อย่าไปคิดแค่ว่ามีเงินเป็นแสนล้าน แล้วมาแพ้กำนันบ้านนอก คุณยิ่งลักษณ์ไม่มีทางเอาชนะคนตั้งสี่ห้าล้าน ที่เขามีกองหนุนยี่สิบสามสิบล้านคน ยอมกันดีๆ ดีกว่า ลาออกจากรักษาการ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ ครม. หมดทุกคน แล้วก็ช่วยกันเลือกนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ปฏิรูปประเทศไทยตามเจตนารมณ์ของประชาชน ทำให้เร็วที่สุด มีกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายต่อต้านคอร์รัปชั่น กระจายอำนาจ ปรับโครงสร้างตำรวจ วางนโยบายวาระประชาชน ก็เชิญท่านจะเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ ลงสมัครรับเลือกตั้งก็เลือกให้สบายใจ หมดภารกิจแล้ว เท่านั้นเอง จบง่ายๆ สบายๆ”

“จบแบบนี้แฮปปี้เอนดิ้ง ไปร้านสระผมเขาก็สระผมให้ ไปร้านนวดเขาก็นวดท่าน ไม่บีบคอท่าน ถ้าท่านไม่ยอมให้ทุกอย่างราบเรียบละมุนละม่อม ผมรับรองคนในตระกูลชินวัตรไม่สามารถเดินบนถนนได้อีกต่อไป เพราะเขาโกรธ เขาเกลียดชัง แล้วจะทำอย่างไร โปรดอย่ามองว่าเขาคุกคามขู่เข็ญ ผมกำนันพูดตรงๆ ถ้าท่านไม่เชื่อ พรุ่งนี้ท่านติดต่อผม ท่านรับรองความปลอดภัยด้วยชีวิต มาไหมท่านนายกรัฐมนตรีมาไหม มาฟังด้วยตัวเอง รับรองที่นี่ไม่มีคนบ้าเหมือนไอ้เหลิม ไอ้ปลื้มเจือปน”

สุเทพกล่าวทิ้งท้ายว่าขอให้นายกรัฐมนตรี “หยุดฟังคนประจบสอพลอ หวังได้เงินทรัพย์สินจากการคอร์รัปชั่น ท่านยังอายุไม่มาก มีชีวิตสนุกสนานต่อไปอีกหลายปี ทำความดีเพื่อประเทศไทย หยุดปฏิบัตินายกรัฐมนตรีไม่ต้องตั้งใครแทน ไม่ต้องตั้งแง่แก้กฎหมาย ท่านลาออกจากรักษาการ แล้วจะเห็นประเทศไทยเดินหน้าด้วยประชาชนเอง ขอให้นายกรัฐมนตรีไปคิด ทุกนาทีมีค่า คิดได้เร็วก็เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย”

ทั้งนี้สุเทพกล่าวปราศรัยจบในเวลา 21.00 น. เศษ โดยขณะที่สิ้นสุดการปราศรัยยังไม่มีการตอบรับของ ผบ.สส. โดยวาสนา นาน่วม นักข่าวสายกองทัพได้ทวิตเตอร์ว่า “มติเอกฉันท์ ผบ.สส.ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร. ไม่สะดวกพบนายสุเทพ พรุ่งนี้ แนะให้ไปพบปะกลุ่มอื่นๆ ในสังคมก่อน ทหารขอนิ่ง วอนกลับมารักกัน เลิกแบ่งข้าง”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net