Skip to main content
sharethis

12 พ.ย. 2558 สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพแจ้งข่าวกับสมาชิกสหภาพและพนักงานธนาคารกรุงเทพว่า ในการเจรจาวันนี้ (12 พ.ย.) หัวหน้าผู้แทนเจรจาได้หยิบยกข้อเจรจาข้อ 12 ขอให้ธนาคารซื้อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุให้กับพนักงานทุกคนขึ้นมาหารือ ผู้แทนสหภาพแรงงานแสดงเหตุผลความจำเป็นเจตนารมณ์ของข้อเรียกร้องเพื่อช่วยเหลือพนักงานในกรณีประสบอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลาทำงาน เพื่อให้พนักงานและครอบครัวรู้สึกอุ่นใจคลายความวิตกกังวลหากตนเองต้องประสบอุบัติเหตุอันไม่คาดฝัน คนที่อยู่ข้างหลังจะไม่เดือดร้อนมากนัก อีกทั้งประกันอุบัติเหตุนี้ยังครอบคลุมถึงกรณีทุพพลภาพอีกด้วย

สหภาพแรงงานระบุว่าแม้ทางหัวหน้าผู้แทนธนาคารจะอ้างเหตุผลว่าธนาคารมีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลที่ดีอยู่แล้วก็ตาม แต่หากพนักงานเสียชีวิตเงินสงเคราะห์ที่ธนาคารจ่ายให้โดยอ้างอิงฐานเงินเดือนของพนักงานแต่ละคนนั้น ยังนับว่าน้อยมากโดยเฉพาะพนักงานชั้นผู้น้อย อีกทั้งการเข้าถึงหรือการเบิกจ่ายยังล่าช้าและมีขั้นตอนมากมายอีกด้วย ในเรื่องนี้หัวหน้าผู้แทนธนาคารรับจะนำไปศึกษาและพิจารณาอีกครั้ง

นอกจากนี้ในข้อเรียกร้องที่ 6 ที่ขอให้ธนาคารนำเงินที่มีอยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพฯ เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเงินกู้เงินสวัสดิการได้นั้น หัวหน้าผู้เจรจาของธนาคาร ยกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาว่าไม่สามารถทำได้ แต่ผู้แทนสหภาพแจ้งว่าเหตุผลที่มาที่ไปของข้อเรียกร้องข้อนี้นั้น เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่มีความเดือดร้อน ที่ต้องการนำเงินที่มีอยู่ในกองทุนฯ ไปใช้จ่ายในกรณีจำเป็นจริง ๆ โดยไม่ต้องลาออกจากสมาชิกกองทุนฯ เนื่องจากการลาออกจากกองทุนฯ ทำให้พนักงานเสียประโยชน์เป็นอย่างมาก และข้อเรียกร้องนี้มีธนาคารอื่น ๆ มีสินเชื่อประเภทนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งหัวหน้าผู้เจรจาของธนาคารขอนำไปศึกษาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้มาโดยตลอด

สหภาพแรงงานยังระบุว่าการเจรจาในวันนี้ นอกจากข้อเรียกร้องในปี 2558 แล้ว ผู้แทนเจรจาของสหภาพแรงงานยังได้ติดตามประเด็นข้อเรียกร้องของปีที่ผ่านมาด้วย รวมทั้งปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างหัวหน้างานกับพนักงานในหน่วยต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานขอเรียกร้องให้ฝ่ายจัดการแสดงความจริงใจรีบแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพนักงานทั้งเรื่องของความไม่เข้าใจกันในหน่วยงาน และข้อเรียกร้องในปี 2558 นี้ ซึ่งทางหัวหน้าผู้เจรจาฝ่ายธนาคารใช้บทนักเรียน "ขอศึกษาดูก่อน" ในทุกเรื่อง ซึ่งทางสหภาพแรงงานระบุว่าการศึกษาช่องทางแก้ปัญหาเป็นเรื่องดีแต่อย่าให้นานเกินเหตุ จะกลายเป็น "กว่าถั่วจะสุกงานก็ไหม้" ปัญหาบานปลายจนยากที่จะเยียวยาแก้ไข การแบ่งปันและสร้างความเป็นธรรมในองค์กร ทุกฝ่ายคงไม่มีใครต้องการพึ่งพาจบวนการภายนอกเพื่อแก้ไขอย่างแน่นอน

อนึ่งในการเจรจายื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างประจำปี 2558 ทางสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพได้ยื่นข้อเรียกร้อง 15 ข้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ขอให้ธนาคารจ่ายโบนัสให้แก่พนักงานทุกคนทุกระดับชั้น ปีละ 5 เท่าของเงินเดือน บวกด้วยเงินเพิ่มพิเศษคนละ 30,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 งวดเท่า เท่ากันภายในเดือนมิถุนายนและธันวาคมในแต่ละปี และพิจารณาโบนัสพิเศษเพิ่มเติมให้กับพนักงานตามผลกำไรสุทธิของธนาคารที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มีผลตั้งแต่งวดมกราคม-มิถุนายน 2558 เป็นต้นไป

2. ขอให้ธนาคารกำหนดหลักเกณฑ์จ่ายเงินช่วยเหลือแก่พนักงานที่ทำงานกับธนาคารจนเกษียณอายุ สำหรับพนักงานที่เข้าทำงานกับธนาคารก่อนปี 2532 (ก่อนก่อตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ในอัตราคนละ 500,000 บาท หรืออายุงานคูณเงินเดือนเดือนสุดท้าย

3. ขอให้ธนาคารพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานทุกคนในปีที่เกษียณอายุเป็นกรณีพิเศษ โดยปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในเกณฑ์มาตรฐานขึ้นไป เพื่อเป็นประโยชน์กับพนักงานที่เกษียณอายุในการคำนวณเงินชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด

4. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับพนักงานทุกคน ในอัตรา 3,500 บาท ต่อคน/ต่อเดือน

5. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้วให้กับพนักงานทุกคนทุกระดับในอัตราร้อยละ 15 ของเงินเดือนอัตราเดียวเท่ากันทุกคน รวมทั้งพนักงานที่ลาออกจากสมาชิกกองทุนฯ และสมัครกลับเข้ามาเป็นสมาชิกกองทุนฯ ใหม่

6. ขอให้ธนาคารนำเงินที่มีอยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานเป็นหลักประกันในการกู้เงินสวัสดิการพนักงานได้ ทั้งนี้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เงื่อนไขและวงเงินตามที่ธนาคารกำหนด

7. ขอให้ธนาคารจัดให้มีวงเงินกู้สวัสดิการพนักงาน เป็นสินเชื่อหมุนเวียนเอนกประสงค์ในวงเงิน 5 เท่าของเงินเดือน โดยไม่ต้องมีหลักประกัน

8. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินค่าเสี่ยงให้กับพนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับ-จ่ายหรือรับแลกเปลี่ยนเงิน เช่น CSO, FRO, MO, CPO หรือพนักงานที่ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ในอัตรา 3,500 บาท/คน/ปี

9. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานใน สาขา/หน่วยงาน ที่เปิดให้บริการลูกค้า 7 วัน หรือสาขาที่เปิดทำการในลักษณะเดียวกัน หรือพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันในอัตราคนละ 5,000 บาท/คน/เดือน

10. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือพนักงานทุกคนในด้านการศึกษาของบุตรที่กำลังศึกษาเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ระดับก่อนอนุบาลจนถึงระดับปริญญาตรี เฉพาะค่าบำรุงการศึกษาและค่าบำรุงอื่นที่เกี่ยวกับการศึกษา ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่ทางราชการกำหนดของแต่ละสถานศึกษาดังนี้

ระดับการศึกษา

เงินช่วยเหลือไม่เกินปีละ

ก่อนอนุบาล

6,000 บาท

อนุบาล-ประถมปีที่ 6

9,900 บาท

มัธยมปีที่ 1-มัธยมปีที่ 3

11,000 บาท

มัธยมปีที่ 4-มัธยมปีที่ 6

12,000 บาท

ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)

15,000 บาท

ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) , วิชาชีพเทคนิค (ปวท.)

25,000 บาท

ปริญญาตรี

30,000 บาท

 

11. ขอให้ธนาคารพิจารณาจ่ายค่าเสี่ยงภัยให้กับพนักงานที่ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ได้รับเงินค่าเสี่ยงภัยในอัตราที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน คนละ 7,000 บาท/คน/เดือน ทุกตำแหน่ง ทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

12. ขอให้ธนาคารซื้อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุให้กับพนักงานทุกคนและสามารถเบิกเงินค่าทดแทนการประสบอุบัติเหตุ

13. ขอให้ธนาคารปรับอัตราเทียบสิทธิค่ารักษาพยาบาลจากอัตราเดิม 700 บาท เป็น 1,500 บาท โดยพนักงานสามารถเบิกจ่ายได้ที่ต้นสังกัด

14. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินค่าเครื่องแบบให้กับพนักงานชายหญิงคนละ 3 ชุด ต่อคน/ต่อปี

15. ขอให้ธนาคารจัดให้มีการประชุมร่วมระหว่างกรรมการสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพกับผู้บริหารหรือตัวแทนผู้บริหารของธนาคาร อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือร่วมกันในประเด็นปัญหาต่าง ๆ และเป็นการสร้างสรรค์แรงงานสัมพันธ์ที่ดีในสถานประกอบการ

โดยข้อมูลจากธนาคารกรุงเทพระบุว่าธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับครึ่งแรกปี 2558 จำนวน 17,442 ล้านบาท

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net