Skip to main content
sharethis

ศาลอุทธรณ์ ยืน ยกฟ้อง 'สุเทพ' คดีหมิ่นฯและจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งงดเว้นการลงคะแนนให้ 'จตุพร-ณัฐวุฒิ –เหวง' หลังกล่าวหาเผาบ้านเผาเมือง พร้อมปฏิเสธข่าว ตั้งพรรคลงเล่นการเมือง

แฟ้มภาพ เพจ Banrasdr Photo  

27 ก.พ.2561 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการ กปปส. พร้อมทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง สุเทพ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาและกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2554 สุเทพ จำเลย ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2554 พาดพิง จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ เหวง โตจิราการ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เเละแกนนำ นปช. ผู้เสียหายทำนองว่า เป็นพวกเผาเมือง และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเท็จ การกระทำดังกล่าวทำให้ทั้งสามเเละพรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงขอให้ลงโทษตามความผิดด้วย

ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าการลงเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทยก็จัดแกนนำ นปช. ว่าในกลุ่มรายชื่อลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ลำดับต้น ๆ และได้รับเลือกตั้ง ส่วนที่สุเทพ กล่าวถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่มีการเผาศาลากลางจังหวัด และห้างสรรพสินค้า เมื่อปี 2553 ก็เป็นไปตามรายงานการสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยขณะที่ สุเทพ กล่าว ก็อยู่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รายงานสถานการณ์ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบการกระทำของจำเลย จึงไม่เป็นการกล่าวข้อความอันเป็นเท็จ ไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เป็นการแสดงความเห็นทางการเมืองโดยสุจริต ขณะที่นายสุเทพ ทำหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ผอ.ศอฉ.ในขณะนั้น จึงไม่มีความผิดตามฟ้องโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนยกฟ้อง

อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษ สุเทพ จำเลยด้วย ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น คำเบิกความ และพยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักมั่นคง แสดงความเห็นทางการเมืองโดยสุจริต ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ขณะที่ สุเทพ กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า เตรียมตั้งพรรคการเมือง ว่า ตนเองลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ ปี 2556 โดยประกาศตัวเป็นผู้รับใช้ประชาชน และออกมา ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ และมีผลต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ เป็นธรรมดา ที่ต้องมีคนคาดคิดว่า ตนเองจะทำแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งตนเองให้ความเคารพทุกคนว่าจะพูดหรือคิดอย่างไรเป็นเรื่องของแต่ละคนที่เข้าใจ กันไปเอง ทั้งนี้ ยืนยันว่า ช่วงชีวิตที่เหลือ จะอุทิศเวลาในการรับใช้ สถาบันพระมหากษัตริย์ ,ศาสนา และประชาชน เท่าที่จะทำได้ และยืนยันว่า ไม่คิดหันไปเล่นการเมืองอีก ไม่ร่วมรัฐบาลกับใคร ไม่เป็นนักการเมือง ไม่เป็นลงสมัคร ส.ส. อย่างแน่นอน

สุเทพ กล่าวว่า วันนี้ตัวเองยังเชื่อมั่นในตัวพล.อ.ประยุทธ์ และในฐานะเลขา กปปส. ยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดตัวบุคคล และต้องการให้เกิดการปฏิรูปประเทศ ไม่อยากให้เกิดวงจรเดิมๆ ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย

ส่วนในอนาคตจะมีการจัดตั้งพรรคการเมืองหรือไม่นั้น สุเทพกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมือง และประชาชน

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ และ ไทยพีบีเอส

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net