โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผย 'ประยุทธ์' ยกเลิกภารกิจลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เนื่องจากสมเด็จฮุนเซนติดภารกิจ มาเปิดด่านชายแดนร่วมไม่ได้ 'สรวงศ์ เทียนทอง' เชื่อ 'เสนาะ' ไม่มีนัยยะทางการเมือง ยันไม่หนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก
13 พ.ค. 2561 พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.สระแก้ว ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการไปพบใครหรือจะไปดูด ส.ส.ในพื้นที่ หรือไปพบปะประชาชนและไม่ใช่เกรงว่าจะถูกมองเชื่อมโยงทางการเมืองจึงได้ยกเลิกภารกิจไป เพราะแต่เดิมนั้นได้กำหนดว่าจะเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดด่านชายแดนร่วมกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชาติดภารกิจจึงต้องยกเลิกกำหนดการ
"นายกฯ ไม่ต้องการให้สื่อมวลชนหรือนักการเมืองนำประเด็นนี้ไปบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิด ส่วนการย้ายพรรคหรือรวมพรรค ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะรับประกันว่าผู้นั้นจะได้เป็น ส.ส. หากไม่มีผลงานหรือไม่ได้รับความไว้วางใจ ประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้กังวลจนมากเกินไป และต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนด้วย" พลโทสรรเสริญ กล่าว
พลโทสรรเสริญ กล่าวว่านายกรัฐมนตรียังแสดงความเป็นห่วงด้วยว่าแม้ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การเลือกตั้ง แต่มีการยุยงปลุกปั่นให้ร้ายเช่นนี้และเมื่อเลือกตั้งแล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ส่วนกรณีนายเสนาะ เทียนทอง นั้นพลเอกประยุทธ์เคยรู้จักมานานแล้วแต่ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมหรือเกี่ยวข้องใดๆ กัน
'สรวงศ์ เทียนทอง' เชื่อ 'เสนาะ' ไม่มีนัยยะทางการเมือง ยันไม่หนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมานายสรวงศ์ เทียนทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระแก้ว พรรคเพื่อไทย และบุตรชายของนายเสนาะ เทียนทอง แกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น กล่าวถึงการเตรียมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งฃาติ หรือ คสช. ว่าส่วนตัวทราบจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีเดินทางมา ตนในฐานะที่เป็นอดีต ส.ส.ดูแลพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ก็รู้สึกยินดีเพราะจะทำให้จังหวัดเกิดความเจริญยิ่งขึ้น แต่มองว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมต้อนรับแบบนักการเมืองเพราะตนเองมีสถานะเป็นแค่ประชาชนคนหนึ่ง
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการลงพื้นที่จังหวัดสระแก้วของนายกรัฐมนตรี มีนัยยะทางการเมือง โดยเฉพาะการดึงตัวนายเสนาะเข้าร่วมงานในอนาคต นายสรวงศ์ กล่าวว่าในส่วนของบิดา ตนเองมั่นใจว่าไม่มีนัยยะเรื่องการเมืองและเข้าใจในเจตนาของบิดาดีว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรีมารับทราบและแก้ปัญหาในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ตลาดโรงเกลือที่ซบเซาลง เนื่องจากมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลไปเรียกรับเก็บส่วย ทำให้ผู้ค้าที่ตลาดขายไม่ได้
ขณะที่ความเป็นไปได้ที่จะร่วมงานกับนายกรัฐมนตรีในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่าคงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะตนเองและบิดาพูดคุยกันตลอดและทราบจุดยืนดี จึงอยากขอเปลี่ยนจากการใช้คำว่า "รัฐบาลแห่งชาติ" เป็น "การทำงานร่วมกันหลังเลือกตั้ง"
"ผมยืนยันไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอกที่มาจากการยกมือโหวต แต่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ใครจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ตนก็ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำหน้าที่เพื่อประชาชน อย่าเอาชนะกันเหมือนในอดีต ต้องช่วยกันทำงาน ช่วยกันประคับประคองให้ประเทศเดินหน้าและให้รัฐบาลทำงานเพื่อประชาชนให้เกิดความราบรื่นมากที่สุด เรื่องใดที่ยอมได้ก็ขอให้ยอมๆ กัน "นายสรวงษ์ กล่าว
นายสรวงษ์ กล่าวว่า ขออย่ากังวลเรื่องการดูดให้ไปเข้าร่วมกับพรรคใด เพราะส่วนตัวมีจุดยืนชัดเจนที่จะทำงานกับพรรคเพื่อไทย และมองว่าคนรุ่นใหม่ก็สามารถทำงานกับพรรคเพื่อไทยได้ ทั้งนี้ไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจจากรัฐบาล คสช. รวมถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ขอเพียงอย่างเดียว คืออย่าโกง และไม่ว่าผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับตามกติกาและร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไป
นอกจากนี้ นายสรวงษ์ กล่าวอีกว่าส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการดำเนินงานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะทุกวันนี้โลกเดินเป็นวินาที ทุกอย่างก้าวไปอย่างรวดเร็ว การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศถอยหลังและจะไม่สามารถตามคนอื่นได้ทัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องปลดล็อค
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)