Skip to main content
sharethis

หัวหน้าคณะรัฐประหารบอกไม่สนในเพลง “ประเทศกูมี” ชี้ไร้สาระ แต่ 2 วันที่ผ่านมาพูดถึง 3 ครั้ง พร้อมย้อนถามทุกวันนี้ประเทศมันเป็นเผด็จการขนาดนั้นเลยเหรอ บอกไม่ใช้กฎหมายจัดการ แต่ถ้าวันหน้าลูกหลานหยาบคาย ก็รับผิดชอบกันเอง

30 ต.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานว่าในช่วง 2 เวลาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินทางไปยังจังหวัดพะเยา และเชียงราย เพื่อพบปะประชาชน และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ โดยพลเอกประยุทธ์ ระบุว่าตนเองไม่ได้สนใจเพลงประเทศกูมี แต่ตลอดการเดินทางเพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งเขากลับพูดถึงเพลงประเทศกูมีถึง 3 ครั้ง

ทุกวันนี้มันเป็นเผด็จการขนาดนั้นเหรอ

ครั้งแรกที่ลานอเนกประสงค์ เทศบาลเมืองพะเยา วันที่ 29 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่ได้สนใจเพลงประเทศกูมี พร้อมถามว่าทุกวันนี้ประเทศเป็นเผด็จการขนาดนั้นเลยเหรอ

“ทุกวันนี้ก็เป็นโลกแห่งโซเชียล แต่รัฐบาลไม่หวังจะควบคุมใครทั้งสิ้น หากทุกคนรู้ว่าจะเคารพกฎหมายอย่างไร ก็ไม่อยากจะร่างกฎหมายเพิ่มอยู่แล้ว และไม่มีผลกระทบต่อใคร จะเกิดความเท่าเทียม ไม่เบียดเบียนใคร โลกโซเชียลอ่ะ ไม่สนใจ เพลงเพลิงอะไรอ่ะ ผมไม่สนใจทั้งนั้น สนใจแล้วประเทศได้อะไร วันนี้มันเผด็จการขนาดนั้นเลยหรอ เผด็จการไม่มาหรอกวันนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

อย่าสนใจเรื่องไร้สาระ ชี้หากลูกหลานเป็นคนหยาบคาย ประชาชนรับผิดชอบกันเอง

ครั้งที่สอง ที่บ้านเมืองรวง จังหวัดเชียงราย วันที่ 29 ตุลาคม โดยพลเอกประยุทธ์ ชี้แจงว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหา และทำโครงการเพื่อให้ประชาชนสานต่อ และได้กล่าวถึงการปรับตัวของประชาชนต่อการกระทำผิด การใช้เทคโนโลยี ว่าประชาชน ต้องปรับตัว โดยเฉพาะ สินค้าออนไลน์ แต่อย่าไปสนับสนุนการโจมตีในสื่อโซเชียล

“อย่าไปดูมันเสียเวลา ถ้าดูออนไลน์ให้ดูเรื่องค้าขาย สนใจทำไมเรื่องไร้สาระ ถ้าสังคมยอมรับได้ก็แล้วไป หากอนาคตจะเป็นยังไงก็แล้วไป หากลูกหลานพูดจาหยาบคายอ้างสิทธิ์ ท่านรับผิดชอบกันเอง อย่าไปสนับสนุนคนเหล่านี้ ผมทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ใช้กฎหมายก็มีปัญหา แต่เขาก็อยากให้ใช้กฎหมาย ปัญหาจะตามมาทีหลัง ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่ทำอะไรก็ตามอย่าให้ผิดกฏหมายก็แล้วกัน เพราะถ้าบังคับใช้กฎหมายก็หาว่าไปละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วถามว่ามันทำได้หรือไม่ ผิดกฎหมายแล้วหนีไปต่างประเทศได้ไหม แล้วด่าผมโครมๆผมก็ไม่ได้ไปแตะต้อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ชี้วันนี้แร๊พด่าประเทศ วันหน้าถ้าหนักกว่านี้ลูกหลานจะทำอย่างไร

ครั้งที่สาม วันที่ 30 ตุลาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อห่วงใยที่อาจจะมีพฤติกรรมเลียนแบบกลุ่มแร็พ เพลงประเทศกูมี ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการเอาผิดใดๆ ว่า เรื่องแร็พอะไรต่างๆ ตนไม่สนใจ ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ อยากแสดงอะไรก็แสดงกันไป ตนจะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าไปปิดกั้น ซึ่งกฎหมายจะเป็นตัวกำหนด ไม่จำเป็นต้องไปสั่งการอะไรกับใครทั้งนั้น คนไหนก็ตามที่ชื่นชมก็ต้องรับผิดชอบด้วยว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในประเทศไทยจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ หรือเปล่า อะไรที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียกับประเทศไทย

“ผมไม่ได้ว่าที่เขามาว่าผม แต่ถ้าเขาว่าประเทศ ผมว่ามันไม่เหมาะสม ผมคิดว่าคนเราควรจะมีวิจารณญาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเขียนเพลง หรือจะทำอะไร ท่านต้องอย่าไปให้ร้ายประเทศตัวเอง ดังนั้นจะมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย มันไม่ใช่ เพราะความหมายท่านต้องการอะไรก็รู้กันอยู่ ก็ถือเป็นเรื่องของสังคม ถ้ารับเรื่องแบบนี้ได้ วันหน้าถ้าหนักกว่านี้ เรื่อย ๆ ลูกหลานของท่านจะอยู่กันอย่างไร ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ก็ฟังกันไปก็แล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

สหรับเพลงประเทศกู ที่ผลิตขึ้นโดยกลุ่ม rap against dictatorship หรือ RAD ถูกเผยแพร่ในยูทูบครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2561 เวลานั้นผ่านไปสามวันยังมียอดวิวประมาณ 1 แสนเท่านั้น ต่อมาศิลปินกลุ่มดังกล่าวได้เผยแพร่ MV ที่เล่าเรื่องราวของความรุนแรงในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 โดยอัปโหลดลงยูทูบเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมาเวลานั้นยังมียอดวิวไม่ถึงแสน

แต่ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงคลิปวิดีโอเพลง 'ประเทศกูมี' ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูบ ว่าอาจมีเนื้อหาเข้าข่ายขัดคำสั่ง คสช. ขอให้ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ตรวจสอบอีกครั้งว่าเนื้อหาเข้าข่ายหรือไม่ สำหรับคนที่ปรากฎในคลิปก็ต้องเชิญตัวมาให้ปากคำ ว่า มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือขัดคำสั่ง คสช. ด้วยหรือเปล่า

จากนั้นยอดวิวของเพลงประเทศกูมีก็พุ่งกระฉูดทะลุ 1 ล้านวิว และขึ้นไปถึง 10 ล้านวิวเพียง 1 คืนจากที่พล.ต.ต.ศรีวราห์บอกว่าจะตรวจสอบ จนถึงเวลานี้ 30 ตุลาคม มียอดผู้เข้าชมมากถึง 22 ล้านวิวแล้ว แม้เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ จะเปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า ไม่จำเป็นต้องเรียกใครมาสอบปากคำ และเห็นว่าเพลงดังกล่าวไม่จำเป็นต้องให้ราคามาก แต่ก็ไม่อาจควบคุมการเข้าถึงเพลงดังกล่าวได้แล้ว เพราะนอกจากจะมีการพูดถึงเพลงนี้ในสื่อกระหลัก และสื่อโชเชียลมีเดีย แล้ว ยังมีการทำคลิปพูดถือเพลงดังกล่าวโดยชาวต่างชาติจากหลายประเทศพร้อมกับพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศด้วยความเป็นห่วงกังวล ขณะที่ชาวต่างชาติบางคนยังตั้งคำถามด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ทำไมทหารจึงสามารถเข้ามาเลือกนายกรัฐตรีหลังการเลือกตั้งได้ รวมทั้งมีการดัดแปลงเพลงแร๊พให้เข้ากับเพลงแดนซ์ในจังหวะสามช่า และมีการแปลเนื้อเพลงดังกล่าวเป็นภาษาจีนด้วย

เรียบเรียงบางส่วนจาก: สำนักข่าวไทย 1, 2, 3

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net