ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) (แฟ้มภาพ ประชาไท)
15 ธ.ค. 2561 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฐานหมิ่นประมาททุจริตก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งว่าส่วนตัวเคารพในกระบวนการยุติธรรม เพราะคนไทยต้องเคารพในกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ ทั้งนี้เมื่อมีข้อพิพาทก็นำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อศาลพิพากษาแล้วก็ถือว่าจบสิ้นจึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้
นายสุเทพยังกล่าวว่าแต่ยังมีอีกหลายคดีที่ยังต้องต่อสู้กับนายธาริตต่อไปและขออย่าเพิ่งถามว่าจะยอมความให้หรือไม่หากนายธาริตมาขอขมาซึ่งขอให้ว่าไปตามกฏหมายดีที่สุด
คืนแรก 'ธาริต' นอนคุกรวม ไม่เครียดมากปรับตัวได้
วันเดียวกันนี้ (15 ธ.ค.) นายกฤช กระแสทิพย์ ผบช.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยหลังรับตัวนายธาริต มาก็ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของการรับผู้ต้องขังใหม่ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา นายธาริตถูกควบคุมตัวไว้ภายในแดนแรกรับ โดยนอนรวมกับผู้ต้องขังรายอื่นตามปกติของผู้ต้องขังเข้าใหม่ ซึ่งนายธาริตก็ปรับตัวได้ดีไม่ค่อยมีอาการเครียด
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมาศาลฎีกาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีกล่าวหานายสุเทพใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ สั่งการให้มีการแก้ไขการประมูลการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ เอื้อผลประโยชน์ให้บริษัทเอกชนจนเกิดความเสียหาย
นายธาริตเดินทางมาศาลด้วยตัวเอง และขอให้ศาลพิจารณาคำร้องที่ยื่นมาก่อนหน้านี้ ด้วยการขอเวลา และขอให้เริ่มกระบวนการไต่สวนใหม่ เนื่องจากมีพยานเพิ่มเติม รวมถึง นายคณิต ณ นคร จะเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยด้วย
ศาลได้สอบถามทนายฝั่งโจทก์ กรณีจำเลยยื่นคำร้องขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษา เพราะต้องการประนีประนอม เจรจาไกล่เกลี่ย แต่ทนายฝ่ายโจทก์ยืนยันว่า นายสุเทพไม่ต้องการประนีประนอม เนื่องจากเห็นว่า 1 ในคำร้องของจำเลยระบุว่า คดีนี้มีคำพิพากษารั่วไหล อีกทั้ง มีความพยายามจากผู้ใหญ่ในสำนักงานอัยการสูงสุด โทรหานายสุเทพเพื่อขอไกล่เกลี่ย รวมถึง เลขานุการของนายคณิต ได้โทรศัพท์เพื่อขอพูดคุย แต่นายสุเทพต้องการให้อ่านคำพิพากษาทันที
ศาลจึงเห็นว่าไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ แม้จำเลยจะทักท้วง และขอความเมตตา ศาลยืนยันว่ามีเมตตา และไม่เกี่ยวว่าเป็นคดีของใคร เพราะต้องดูแลคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมระบุว่า คดีนี้มีความพยายามยื้อ ด้วยการยื่นคำร้องหลายครั้ง จึงนัดมาอ่านคำพิพากษา ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ศาลเห็นว่า นายธาริตหมิ่นประมาทนายสุเทพโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 เนื่องจากธาริตได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2556 ขณะลงพื้นที่ไปตรวจสอบการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ซึ่งศาลเห็นว่าเป็นการดูหมิ่นโจทก์ สร้างความเกลียดชัง ทั้งที่ในข้อเท็จจริง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงวิธีการประมูลบริษัทก่อสร้างโรงพัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เสนอให้นายสุเทพ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี อนุมัติเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจแทรกแซง เอื้อผลประโยชน์
ที่สุดแล้ว ศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก 1 ปี นายธาริต โดยไม่รอลงอาญา ตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 เพราะเห็นว่าบางข้อจำเลยหมิ่นประมาทจริง รวมทั้ง ไม่อนุญาตให้แก้ไขคำให้การ เนื่องจากโจทก์ไม่ไกล่เกลี่ย
นอกจากนี้ศาลยังให้นายธาริตเอาเงิน 100,000 บาท คืน ตามที่ได้วางไว้ก่อนหน้านี้ด้วย ก่อนที่จะให้ลงชื่อรับทราบคำพิพากษาและนำตัวขึ้นรถเรือนจำควบคุมตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ยืนยันว่านายสุเทพยังไม่ได้พบกับนายธาริต หรือนายคณิต เพื่อไกล่เกลี่ย และที่นายสุเทพไม่ยอมความ เพราะเห็นว่าที่ผ่านมานายธาริตทำให้เสียหายไว้มาก แต่พอไม่มีหนทางกลับมาขอไกล่เกลี่ยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกทั้งเนื้อหาในหนังสือที่มีความพยายามทำถึงประธานศาลฎีกาขอเจรจาไกล่เกลี่ยก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)