ศาลสั่งจำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา คดีติดสินบนเจ้าพนักงานของ ‘เปรมชัย กรรณสูต’ อนุญาตให้ประกันตัวเป็นเงินสด 200,000 บาท ด้านเปรมชัยยันจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

11 มิ.ย.62 ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ยื่นฟ้อง เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 1 และยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 ข้อหาร่วมกันให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83 (เสนอให้สินบนเจ้าพนักงาน)

จากกรณี ที่วิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เข้าจับกุมเปรมชัย พร้อมพวกรวม 4 คน ขณะลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งระหว่างถูกควบคุมตัว เปรมชัยและยงค์ได้ร่วมกันเสนอว่าจะให้รับสินบนแก่เจ้าพนักงานผู้จับกุม เพื่อแลกกับการปล่อยตัวไม่ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

ทั้งนี้ ศาลใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการอ่านคำพิพากษา โดยพิจารณาจากพยานหลักฐาน พิพากษาว่า เปรมชัย จำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้อง เนื่องจากเปรมชัย ได้มีการพูดส่อเจตนาในลักษณะยื่นข้อเสนอให้สินบนแก่วิเชียร เพื่อขอให้ปล่อยตัวขณะถูกจับกุม แม้จะไม่ระบุว่าสินบนคืออะไร จึงให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้รอรับโทษต่อจากคดีล่าสัตว์ป่าของศาลจังหวัดทองผาภูมิ ส่วนยงค์ จำเลยที่ 2 ศาลพิจารณายกฟ้อง เนื่องจากพิจารณาแล้วไม่พบความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของจำเลยที่ 1 เพราะเป็นการพูดคุยคนละเหตุการณ์ คนละช่วงเวลา เป็นลักษณะการพูดคุยทั่วไปเชิงเสนอแนะส่วนตัว ซึ่งแม้จะมีการบันทึกเสียงแต่ไม่ได้สอดคล้อง หรือปรากฏว่ารู้เห็นกับจำเลยที่ 1

ด้านทะนง ตะภา อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานปราบปรามคดีทุจริตภาค 7 เปิดเผยว่า ส่วนตัวคาดว่า ทนายความของนายเปรมชัยน่าจะมีการยื่นขออุทธรณ์ ทั้งนี้ ทางทนายความฝั่งโจกท์จะมีการพิจารณายื่นอุธรณ์ในกรณีที่ศาลยกฟ้องยงค์ต่อไป

ขณะที่ ทางฝั่งของเปรมชัย ภายหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุก ได้มีการยื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรให้ประกันตัว โดยตีราคาประกันเป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท โดยมีเขื่อนไขคือห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาคดี เปรมชัยได้เดินทางกลับทันที โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพียงสั้นๆ ว่า ตนเองมีอาการป่วยเจ็บขา และจากนี้ตนจะมีการยื่นอุทธรณ์ เพื่อขอต่อสู้ในคดีดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม พบว่าในวันนี้วิเชียรได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

ทั้งนี้เปรมชัย ยังมีคดีครอบครองงาช้างแอฟริกา โดยเป็นจำเลยร่วมกับภรรยา คดีนี้ศาลอาญากำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8-9 ส.ค.นี้ และสืบพยานจำเลยในวันที่ 13-14 ส.ค.

ส่วนและคดีครอบครองอาวุธปืนไรเฟิลโดยไม่ได้รับอนุญาตที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 ยื่นฟ้องเปรมชัย มีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊ป 1 กระบอกไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์ วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ศาลอาญา กำหนดนัดสืบพยานเริ่มวันที่ 9 ก.ค.นี้

อนึ่งก่อนหน้านี้วันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย เป็นเวลา 16 เดือน ใน 3 ข้อหา จากทั้งหมด 5 ข้อหา ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ โดยศาลได้ยกฟ้องข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ขณะที่ ยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นที เรียมแสน จำเลยที่ 3 ธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นคนขับรถ แม่บ้าน และนายพราน ล้วนถูกลงโทษข้อหาร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่า เสือดำ โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยที่ 2 โทษจำคุก 13 เดือน ไม่รอลงอาญา จำเลยที่ 3 โทษจำคุก 4 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และจำเลยที่ 4 ไม่มีข้อหาใดยกฟ้อง โทษจำคุก 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา

ผู้พิพากษาหัวหน้าจังหวัดทองผาภูมิ อนุญาตให้ประกันตัวเปรมชัย จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 400,000 บาท และจำเลยที่ 4 จำนวน 500,000 บาท เนื่องจากระหว่างการพิจารณาคดีจำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต