Skip to main content
sharethis

ประกันสังคม แจงสิทธิรักษา 'วัณโรค' ไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น ยันผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงกรณีสิทธิรักษาวัณโรคของผู้ประกันตนไม่เท่าเทียมสิทธิบัตรทอง จากกรณี ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ อดีตดาราป่วยวัณโรคทับตับและต่อมน้ำเหลือง แต่ต้องจ่ายค่ารักษา ว่า สปส.ดูแลคุ้มครองผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยทุกโรค โดยโรงพยาบาลที่ตกลงเป็นสถานพยาบาลคู่สัญญากับ สปส.ต้องให้การดูแลรักษาพยาบาลเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาโรค การตรวจวินิจฉัย และสั่งใช้ยาเป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา ซึ่งแพทย์ผู้รักษาต้องยึดมาตรฐานวิชาชีพและมิได้เลือกปฏิบัติ แต่ให้การรักษาเช่นเดียวกันในผู้ป่วยทุกกองทุน

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า กรณีการรักษาโรควัณโรค หากแพทย์ผู้รักษามีความจำเป็นต้องส่งตรวจอณูชีววิทยาเพื่อวินิจฉัยโรค การส่งตรวจเอกซเรย์ การตรวจห้องปฏิบัติการใดๆ ผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับยารักษาวัณโรคที่แพทย์สั่งใช้ในกองทุนประกันสังคม โรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาของ สปส. ต้องมีมาตรฐานทางเภสัชกรรมโดยกำหนดให้เลือกซื้อยาที่ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP และต้องขึ้นทะเบียนรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทุกรายการ ผู้ประกันตนจึงมั่นใจได้ในมาตรฐานคุณภาพยาของสถานพยาบาลประกันสังคมทุกแห่ง

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เรื่องที่เผยแพร่ออกไปอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สปส.จะมีการชี้แจงและทำความเข้าใจกับทางกองวัณโรค และจะรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน และเกิดความร่วมมือที่ดีต่อกันในโอกาสต่อไป

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 5/7/2562

'ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว' เปิดโครงการ 'ชายสี่ช่วยคนสื่อ' ช่วยคนวงการสื่อที่ถูกเลิกจ้าง

ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว เปิดตัวโครงการ “ชายสี่ช่วยคนสื่อ” เป็นครั้งแรกในงาน Smart SME EXPO 2019 ด้วยการให้ยืมรถเข็นฟรี สามารถกู้กับทาง SCB ได้ถึง 70% ยกเว้นค่าธรรมเนียบแฟรนไชส์แรกเข้า 1 ปี และให้ทดลองขายสูงสุดถึง 4 เดือน จำกัดเพียง 44 คัน ในงาน Smart SME EXPO 2019 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 4-7 กรกฏาคม 2562 ณ ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็คเมืองทองธานีเท่านั้น

ปิติ จงรักษ์ระวีวรรณ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว จำกัด กล่าวถึงโครงการชายสี่ช่วยคนสื่อว่า “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้ได้นั้น ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือได้รับแรงสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์และโปรโมตชายสี่บะหมี่เกี๊ยวเป็นอย่างดีเสมอมา แต่ภาวะการณ์ปัจจุบันพี่น้องสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบ จากกรณีทีวีดิจิตอลแห่คืนใบอนุญาตกับ กสทช. ส่งผลให้คนสื่อจำนวนมากถูกเลิกจ้าง

จากเหตุการณ์นี้ชายสี่จึงคิดโครงการเพื่อช่วยเหลือเพื่อนสื่อขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า “ชายสี่ช่วยคนสื่อ” โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน Smart SME EXPO 2019 โดยมีรายละเอียดในการสนับสนุนสื่อมวลชน คือ ให้ยืมรถเข็นฟรี สามารถกู้กับ SCB ได้ถึง 70% จากราคาแฟรนไชส์ 80,000 บาทสามารถกู้ได้ถึง 50,000 บาท อีกทั้งยังยกเว้นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้า 1 ปี โดยให้ทดลองขายสูงสุด 4 เดือน จำกัดจำนวน 44 คันในงาน Smart SME EXPO 2019 เท่านั้น! พี่น้องสื่อมวลชนที่สนใจสามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียดได้ที่บูธชายสี่บะหมี่เกี๊ยว บูธ J2 ในงาน Smart SME EXPO 2019 วันที่ 4-7 ก.ค. 2562 นี้ ที่ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็คเมืองทองธานี

ที่มาข่าว: บากกอกทูเดย์, 4/7/2562

'ปลัดแรงงาน' สั่ง สนร. ดูแลแรงงานไทยในต่างแดน ได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย

นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ (สนร.)ดูแลแรงงานไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรมมีสวัสดิการที่เหมาะสม ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้การดูแลทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงแรงงานได้กำชับให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ จัดโครงการออกตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของแรงงานไทย เพื่อให้ความรู้เรื่องสิทธิหน้าที่ของแรงงาน รวมทั้งช่องทางการติดต่อหน่วยงานบริการของสำนักงานแรงงานไทย เพื่อให้การดูและรับทราบสภาพปัญหาและคุณภาพชีวิตแก่แรงงานไทยที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ

ในการนี้ นางสาวกมลวรรณ บุญยืน อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ในประเทศสิงคโปร์ จึงได้มีโครงการตรวจเยี่ยมแรงงาน ณ หอพักแรงงาน Westlite Mandai Dormitory ตั้งอยู่เลขที่ 34 Mandai Estate, 01-15, สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งหอพักดังกล่าวบริหารโดยบริษัท Lian Beng- Centurion (Dormitory) Pte Ltd. เป็นหอพักตามมาตรฐานและผ่านการรับรองจากกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ (Ministry of Manpower : MOM) อนุมัติให้ใช้เป็นหอพักสำหรับแรงงานต่างด้าวได้ หอพักดังกล่าว มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร ที่ซักล้างและตากเสื้อผ้า มีห้องออกกำลังกาย มีแรงงานต่างชาติเข้าพักจำนวน 6,300 คน เป็นแรงงานไทย 215 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานในภาคก่อสร้าง และช่างเทคนิคอุตสาหกรรม

อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์ ได้กล่าวทักทายและให้ความรู้เรื่องสิทธิแรงงาน ช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลสิทธิและหน้าที่ของแรงงานต่างชาติในประเทศสิงคโปร์ช่องทางการติดต่อหน่วยงาน บริการของ สนร.สิงคโปร์ นอกจากนี้ได้ให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพเบื้องต้นเกี่ยวกับอาการความดันโลหิตสูง ข้อบ่งชี้ของอาการโรคหัวใจ จัดบริการตรวจวัดความดันโลหิตและชั่งน้ำหนัก พร้อมแจกคู่มือการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ของแรงงานไทยในสิงคโปร์ พบปะและพูดคุยกับแรงงานเพื่อรับทราบสภาพปัญหา ตลอดจนคุณภาพชีวิตของแรงงานไทย

ทั้งนี้ ได้ร่วมมือกับนางสาวพันธนา ประกอบชาติ ตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายกงสุลฯ เพื่อประชาสัมพันธ์งานบริการของกงสุล และแจกคู่มือ โดยในช่วงท้ายได้จับฉลากเพื่อแจกอุปกรณ์กีฬา เครื่องอุปโภคบริโภคพื้นฐาน ที่เป็นประโยชน์แก่แรงงาน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 60 คน โอกาสนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้กล่าวขอบคุณกระทรวงแรงงาน สนร.สิงคโปร์ และ สถานทูตฯ ที่ห่วงใยแรงงานไทยอีกด้วย

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 2/7/2562

UNHCR ลงพื้นที่สงขลาติดตามปัญหาการค้ามนุษย์

ความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจเเห่งชาติในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) และตัวแทนจากข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ตำรวจ ทหาร ปคม.ตม.และตชด. เพื่อติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าของการปราบปรามเครือข่ายการค้ามนุษย์และการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้อย่างต่อเนื่องและต่างชาติเฝ้าจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรณีล่าสุดเมื่อคืนวันที่29 มิถุนายนที่ผ่านซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บุกช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ที่ถูกขังไว้ในโกดังร้างพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 20 คนทั้งผู้ใหญ่และเด็กซึ่งในจำนวนมีเด็กอายุ 1 ปี 3 เดือนรวมอยู่ด้วย 1 คน และระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่ได้นำเด็กๆ ที่ช่วยเหลือออกมาได้จากโกดังร้างมาสอบถามที่มาที่ไป เพื่อเป็นข้อมูลในการขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุชาติ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเปิดมาตรการเชิงรุก เพื่อทลายเครือข่ายการค้ามนุษย์ทั้งการสืบสวนตรวจค้นจับกุมและการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองตั้งแต่ต้นทางเริ่มตั้งแต่แนวชายแดนทางภาคเหนือ จ.ตราด จ.กาญจนบุรี และจ.ระนอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ แรวมทั้งการใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวแล้วทิ้งบัตรเดินทางต่อซึ่งยากที่จะตรวจสอบบางคนก็อยู่เกินบางคนก็ออกนอกประเทศ

ส่วนมาตรการช่วยเหลือกรณีที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ก็จะให้ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับผิดชอบ ส่วนที่หลบหนีเข้าเมืองผู้นำพาหรือนายหน้าก็จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาได้แล้วประมาณ 1,500 คน และจับกุมนายหน้าและผู้นำพาทั้งคนไทยและต่างชาติได้ประมาณ 151 คน

ที่มา: สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, 2/7/2562

สรส. ค้านขยายเวลาสัมปทานทางด่วน ระบุข้อมูลเจรจาไม่น่าเชื่อถือ

1 ก.ค. 2562 ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อขอคัดค้านและขอให้ทบทวนการขยายระยะเวลาสัมปทานโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด โดยนายสาวิทย์กล่าวว่า เนื่องจากทางสมาพันธ์ฯเห็นว่าที่มาขอข้อมูลที่ใช้ในการเจรจาไม่มีความชัดเจน และเป็นข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ รวมถึงไม่สามารถอธิบายได้ว่าผลการเจรจาเป็นการบรรเทาความเสียหายของรัฐอย่างไร เพราะมีการนำข้อพิพาทรวมต้นเงินและดอกเบี้ย อีกทั้งมูลค่าที่เอกชนยังไม่เรียกร้องมาเป็นต้นเหตุในการต่อสัญญาสัมปทาน

ขณะเดียวกัน การต่อระยะเวลาของสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 มีความจำเป็นอย่างไรต้องแบ่งรายได้ค่าผ่านทางของการทางพิเศษเฉลิมมหานครให้เอกชน ทั้งที่การทางพิเศษฯเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั้งหมด รวมถึงการให้สิทธิเพิ่มเติมจากสัญญาเดิมในการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 2 และสิทธิการใช้พื้นที่ใต้เขตทาง บนเขตทาง และพื้นที่เชื่อมโยงโครงการทางด่วนมีมูลค่าที่แท้จริงเท่าใด เหตุใดจึงไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้ชัดเจนหรือเปิดให้มีการแข่งขันของนักลงทุน ดังนั้นสมาพันธ์ฯจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ทบทวนเรื่องดังกล่าวพร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามอย่างเข้มงวดด้วย

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 1/7/2562

ตำรวจบุกช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ถูกขังในโกดังร้างใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย

จากกรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 29 มิ.ย. 2562 พล ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจเเห่งชาติ และ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้รับเเจ้งจากพลเมืองดีว่า มีการนำเเรงงานต่างด้าวมาขังไว้ในโกดังร้าง ใกล้สถานีรถไฟปาดังเบซาร์ พื้นที่ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เนื่องจากที่ชาวบ้านได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากข้างในโกดังผิดปกติมาหลายวัน เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าประตูมีการล่ามด้วยโซ่เหล็กล๊อคกุญแจอย่างแน่นหนา คาดว่าเพื่อป้องกันการหลบหนี ตำรวจจึงประสานผู้นำในหมู่บ้านรีบงัดประตูอย่างเร่งด่วน เนื่องจากภายในโกดังมีเสียงร้องของเด็กเเละผู้หญิง และต้องพบกับภาพที่หดหู่ใจและน่าสงสาร เนื่องจากมีกลุ่มคนต่างด้าวทั้งผู้ใหญ่และเด็กนั่งรวมกันอยู่ภายในโกดังร้างท่ามกลางความมืด ข้างในไม่มีหน้าต่าง ไม่มีไฟฟ้าใช้ และทุกคนต่างดีใจที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือจึงรีบนำออกมาจากโกดังรวมทั้งหมด 20 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 6 คน และเด็กอีก 5 คนในจำนวนนี้มีเด็กอายุต่ำสุดแค่ 1 ปี 3 เดือน 1 คนซึ่งยังนั่งอยู่ในตักของพ่อแม่ ส่วนที่เหลือเป็นเด็กอายุตั้งแต่ 6 ปี -14 ปี

จากการสอบสวนทราบว่าแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้เป็นชาวเมียนมาร์ถูกนำมาขังไว้ในโกดังร้างแห่งนี้มา 5 วันและอยู่ในสภาพอดอยากไม่ได้กินข้าว อาศัยกินน้ำที่ไหลมาทางหลังคาตอนฝนตก ประทังชีวิต ทำให้เด็กๆทนไม่ไหวเพราะความหิวโหยจึงร้องให้ ชาวบ้านได้ยินจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือเอาไว้ทันและจากสภาพที่พบคาดว่าถูกนายหน้าพามากักขังไว้เพื่อรอส่งต่อไปยังปลายที่ในประเทศมาเลเซีย

ทั้งนี้หลังการเข้าช่วยเหลือทาง พล ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวเเละป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ ได้สั่งการดูเเลแรงงานต่างด้าวทั้งหมดอย่างดีที่สุดโดยเฉพาะเด็กๆ และให้เร่งทำการซักถามคัดเเยกเหยื่อ พร้อมจัดชุดไล่ล่าตัวผู้ต้องหาที่เป็นนายหน้าที่นำพากลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาซึ่งเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ จากการขยายผลในที่สุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ตำรวจตามจับตัวนายอุสมาน หรืออ้น เหล๊าะ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 18 ม.2 เทศบาล 8 ซอย 1 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ในพื้นที่ปาดังเบซาร์ หลังมีพลเมืองดีให้ข้อมูลว่าเห็นนายอุสมาน มาซื้อข้าวหมกไก่ 29 กล่อง เจ้าหน้าที่จึงคาดว่าอาจจะยังมีแรงงานหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่อีก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำเพื่อขยายผลให้การช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวอย่างเร่งด่วนแล้ว

ที่มา: สปริงนิวส์, 1/7/2562

กพร.พัฒนาทักษะแรงงาน 3 จังหวัดชายแดนใต้

นายสุชาติ พรวิเศษชัยกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนนโยบาย 3A ของกระทรวงแรงงาน ด้านการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานนอกจากครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังต้องกระจายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศด้วย กพร.จึงจัดให้มีโครงการ “สร้างงานสู่เมืองต้นแบบ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการพัฒนาทักษะให้กับแรงงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยมีเป้าหมายดำเนินการในปี 2562 จำนวน 780 คน ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว จำนวน 680 คน

การพัฒนาทักษะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กพร.ได้ น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ผสานกับหลักปรัชญาพอเพียง มาปรับใช้ในการแก้ปัญหา โดยให้หน่วยงานภาครัฐ บูรณาการความร่วมมือกับ ในรูปแบบประชารัฐ กับหน่วยงานภาคเอกชนและท้องถิ่น สร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถยืนหยัดพึ่งพาตัวเองได้ อย่างมั่นคง อันจะเป็นการช่วยปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นไทย ความรักในถิ่นฐาน ปลูกสำนึกความรักชาติและสร้างความสมานสามัคคี

ล่าสุด ได้มอบหมายให้นางถวิล เพิ่มเพียรสิน รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ขายของที่ระลึก ณ บ่อน้ำร้อน ต. ตาเนะแมเราะ อ. เบตง จ. ยะลา จำนวน 20 คน ซึ่งเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร ทำของที่ระลึกจากไม้ไผ่ เพื่อจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว กับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 24 ยะลา พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน หจก. อู่มาร์มอเตอร์คาร์ ด้วย

“การฝึกอบรมวิชาชีพตามโครงการนี้จะเป็นอีก 1 มาตรการที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งเป็นเหมือนเกราะป้องกันความรุนแรงในพื้นที่ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข” อธิบดีกพร.กล่าว

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 1/7/2562

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net