Skip to main content
sharethis

ศาลมีคำพิพากษาให้ชาว อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ซึ่งคัดค้านการสำรวจแร่โปแตช ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัทไชน่า หมิงต๋าฯ ที่เข้าไปขุดเจาะสำรวจแร่ เป็นจำนวนเงินกว่า 1.5 บาท ข้อหาละเมิด ทำให้เกิดความเสียหาย จำเลยลั่นไม่ท้อเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อ

1 ส.ค.2562 ฝ่ายงานสื่อสาร โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ แจ้งว่า วานนี้ (31 ก.ค.) เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 4 ศาลจังหวัดสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร นัดฟังคำพิพากษาคดีแพ่ง คดีดำเลขที่ พ.1133/2561 ซึ่งบริษัทไชน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยื่นฟ้องชาวอำเภอวานรนิวาส จ.สกลนคร จำนวน 9 คน เป็นจำเลยในข้อหาละเมิด ทำให้เกิดความเสียหายจากการเข้าขุดเจาะสำรวจแร่โปแตช โดยเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 3,611,609.99 บาท

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงวันที่ 9-14 พ.ค.61 บริษัท ไซน่า หมิงต๋าฯ ได้ขนถ่ายอุปกรณ์ขุดเจาะสำรวจโปแตชเข้าไปในบริเวณลำห้วยสีดอกกาว อยู่ในท้องที่บ้านน้อยหลักเมือง ต.วานรนิวาส เพื่อทำการสำรวจแร่โปแตช หลุมที่ 4 ในแปลงอาชญาบัตรพิเศษ จำนวน 12 แปลง เนื้อที่ประมาณ 120,000 ไร่ กลุ่มชาวบ้านและประชาชนทั่วไปในอำเภอวานรนิวาสซึ่งไม่เห็นด้วยกับการทำเหมืองแร่ จึงได้ออกมารวมตัวกันคัดค้านการสำรวจแร่ของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องเป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายดังกล่าว

บรรยากาศวันนี้มีชาววานรนิวาสจากหลายหมู่บ้าน ประมาณ 100 คน สวมเสื้อเขียวเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ และมีข้อความคัดค้านการทำเหมืองแร่ เดินทางด้วยรถยนต์โดยสารมาร่วมรับฟังคำพิพากษา พร้อมทั้งมอบดอกไม้และพวงมาลัย เพื่อให้กำลังใจจำเลย 8 คน ประกอบด้วย กิจตกรณ์ น้อยตาแสง จำเลยที่ 1, สุดตา คำน้อย จำเลยที่ 2, สัมฤทธิ์ โบราณมูล จำเลยที่ 3, มะลิ แสนบุญศิริ จำเลยที่ 4 ชัยทรัพย์ บัวพินธุ จำเลยที่ 5 นงค์ชัย พันธ์ดา จำเลยที่ 6  ไสว อายุคง จำเลยที่ 7 พิสมัย สุขะ จำเลยที่ 9  ซึ่งขาด โอฬาร บุตรแสนคม จำเลยที่ 8 ที่ไม่ได้มาศาล เนื่องจากป่วย หลังจากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้เข้าแถวเรียงหนึ่งและเดินขึ้นศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษา

เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้พิพากษาได้ขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษา โดยมีความว่า การกระทำและพฤติการณ์ของจำเลยทั้ง 9 คน มีลักษณะเป็นการละเมิดต่อบริษัท โดยการชุมนุมขัดขวางไม่ให้รถขุดเจาะสำรวจแร่ของบริษัทเข้าไปดำเนินการได้ ศาลจึงตัดสินให้ชาววานรทั้ง 9 คน ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท เป็นจำนวนเงิน 1,544,964.17 บาท พร้อมดอกเบี้ยและให้จ่ายค่าทนายความแก่ฝ่ายโจทย์ด้วย

ต่อมาเวลาประมาณ 11.00 น. เสร็จการอ่านคำพิพากษา กลุ่มชาวบ้านและผู้ที่คอยติดตามมาให้กำลังใจ ทยอยเดินลงมาจากศาลด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย บางคนน้ำตาคลอ บ้างก็กล่าวให้กำลังใจ และสวมกอดซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นทั้งหมดได้รวมตัวกันบริเวณศาลาพักด้านหลังศาลเพื่อประชุมสรุปผลคำพิพากษา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อแล้วเสร็จทุกคนร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่เตรียมมาจากบ้าน ก่อนจะแยกย้ายเดินทางกลับ

โดย มะลิ แสนบุญศิริ กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส หนึ่งในจำเลย กล่าวว่า กับการตัดสินของศาลในวันนี้ไม่ได้ทำให้พวกเราชาววานรท้อถอยแม้แต่น้อย หากแต่เป็นการสร้างพลังให้พวกเรารู้ว่าต้องยืนหยัดต่อสู้ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการนัดประชุมหารือกันเกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้ และประเด็นที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อ ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมายก็ให้เวลาภายใน 30 วัน

วีระวัฒน์  อบโอ ทนายความฝ่ายจำเลยจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน กล่าวว่าตนเองในฐานะทนายความเห็นประเด็นที่เป็นช่องว่าง ของคำพิพากษาอยู่บางส่วน ก็เป็นประเด็นที่จะใช้สิทธิในการอุทธรณ์ โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าพฤติการณ์ของจำเลยทั้ง 9 ที่มีลักษณะของการขัดขวางหรือไม่อย่างไร ซึ่งในทางเราสามารถนำสืบได้ชัดเจนในระดับหนึ่ง ส่วนในเรื่องค่าเสียหาย ฝ่ายบริษัทเรียกมา 3 ล้านกว่าบาท ศาลลดให้เหลือ 1.5 ล้านบาท เรามองว่า เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย มันยังมีข้อพิรุธหรือข้อสังเกตอยู่หลายประการ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net